5 Check Point นากาโนะ - Feature

นากาโนะ (長野県, Nagano) จังหวัดที่หลายคนรู้จักในฐานะแหล่งของอร่อย ธรรมชาติสวยงาม และชนบทที่น่าอยู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวนัก ซึ่งความน่าอยู่ของจังหวัดนี้วัดได้จากการที่จังหวัดนี้ติดอันดับจังหวัดที่คนอยากอยู่อาศัยมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นมาแล้วหลายปีซ้อน!

แต่สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับจังหวัดนี้ดีก็อาจจะสงสัยว่าที่นี่มีอะไรให้เที่ยวบ้าง? ในบทความนี้เราจะพาไปดูจุดท่องเที่ยวเด็ด ๆ ในพื้นที่จังหวัดพร้อมรีวิวแบบไม่สปอยล์ความสนุกกัน!

1. วัดเซ็นโคจิ (善光寺) วัดพันปีแห่งนากาโนะ

5 Check Point นากาโนะ - วัดเซ็นโคจิ
วัดเซ็นโคจิในเช้าวันฝนตก

เริ่มต้นกันด้วยสถานที่ที่อยู่ในย่านศูนย์กลางของจังหวัดกัน วัดเซ็นโคจิ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 642 และเป็นวัดเก่าแก่อายุกว่า 1,300 ปี ถ้าพูดถึงวัดเซ็นโคจิแล้วก็ต้องพูดถึงพระพุทธรูปซังโกคุ เด็นไร (The Image of Sangoku Denrai) ที่ประดิษฐานอยู่ กล่าวกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ถูกขนย้ายจากอินเดียผ่านแพคเจของเกาหลีมาที่ญี่ปุ่น โดยเชื่อกันว่าการบูชาจะนำพาผู้กราบไหว้ไปสู่แดนบริสุทธิ์ได้ไม่ว่าจะวรรณะไหน ทำให้มีผู้คนเข้ามากราบไหว้กันอย่างกว้างขวาง แต่แล้วในปีค.ศ. 654 ทางวัดก็นำพระพุทธรูปไปเก็บไว้ในที่มิดชิด และตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครเห็นพระพุทธรูปองค์นี้อีกเลย

5 Check Point นากาโนะ - วัดเซ็นโคจิ ทางเข้า
ถึงจะเป็นตอนเช้ามาก ๆ แถมฝนยังตก แต่ที่นี่ก็ยังมีผู้คนมาเยี่ยมไม่ต่างกับเวลาปกติเลย

แต่นอกจากพระพุทธรูปลึกลับที่ผู้คนศรัทธาแล้ว ที่นี่ยังมีอีกไฮไลท์หนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหาความสงบสักครู่ นั่นคือการเดินในทางเดินมืด ๆ ณ ใต้ถุนของอุโบสถ โดยเมื่อซื้อตั๋วผ่านเข้าไปด้านในสุดของอุโบสถ จะมีบันไดเล็ก ๆ ลงไปยังทางเดินที่มืดเกือบสนิทอยู่ ในนั้นจะไม่มีอะไรเลยนอกจากความมืด ความเงียบ และโถงทางเดินโล่ง ๆ

แต่ตอนนั้นด้วยความที่เราเคยเดินอะไรทำนองนี้ในวัดที่ไทย ซึ่งจะมีหุ่นแสดงจำลองบรรยากาศนรกพร้อมไฟนีออนเขียวชมพูแป๋นกระแทกตาให้ดูน่ากลัว ๆ อยู่ เลยทำให้ติดภาพจำตรงนั้นมาว่าในนี้น่าจะมีอะไรที่น่ากลัวรออยู่หรือเปล่า แต่เราลืมไป ที่นี่ญี่ปุ่นหนิ ฮ่า ๆ ๆ คงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกเนอะ แต่ด้วยความเป็นคนขี้ระแวงเลยยังเผื่อใจว่าอาจจะมีอะไรคาดไม่ถึงอยู่ในนั้น สุดท้ายแล้วจนแล้วจนรอด ก็ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ สรุปแล้วได้ทำใจให้สงบบ้างไหมเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ที่สรุปได้คือคนที่กลัวว่าจะมีอะไรออกมา Jump Scare เราไหมก็ไม่ต้องกังวลไป (แต่สำหรับใครที่กลัวความมืดหรือที่แคบอาจจะต้องผ่านไปนะ) ถึงในนั้นจะมีไฟดวงเล็ก ๆ สลัว ๆ วางไว้ให้ในบางจุดที่เป็นหัวมุม แต่ข้างในก็ยังมืดจนต้องอาศัยคลำ ๆ กำแพงไปเรื่อย ๆ อยู่ดี และเป็นอีกเหตุผลที่เราเดินชนคนข้างหน้าอยู่บ่อยครั้งเพราะไม่รู้จะต้องเบรกที่ตรงไหน รู้ตัวอีกทีก็ชนเข้ากับกระเป๋าเป้แล้ว เป็นการเดินสั้น ๆ ไม่ถึง 10 นาทีที่ขอโทษขอโพยไปเยอะมาก ใครจะมาเดินกับเพื่อนร่วมทริปต้องทำใจนิดนึงเรื่องเดินชนกันนะ ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เป็นไฮไลท์ของการเดินที่นี่คือการคลำหากุญแจที่แขวนอยู่บนผนังที่ใกล้ ๆ ทางออก ซึ่งถ้าคลำเจอล่ะก็ถือว่าจะได้รับโชคดีกลับไปด้วยนะ (ใบ้ให้นิดนึงว่ากุญแจอยู่ทางขวามือ) ส่วนเราหาไม่เจอเลยมูไม่สำเร็จ อดไป แต่สิ่งที่ได้ตอนที่เดินกลับออกมาคือความโล่งใจที่ได้อยู่ในที่สว่าง ๆ อีกครั้ง เย่

5 Check Point นากาโนะ - วัดเซ็นโคจิ ร้านค้า
ร้านค้าที่เรียงแน่นเอี๊ยดตั้งแต่ทางเข้าจนถึงตัววัด ถ้าถึงเวลาเปิดร้านล่ะก็ที่นี่จะคึกคักมากทีเดียว

สักการะพระพุทธรูปแล้ว ไปเดินทำใจให้สงบ (มั้งนะ) ในความมืดแล้ว มาถึงวัดญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่พูดถึงของกินและร้านค้าแถวๆ วัดได้ไง! ตั้งแต่เดินเข้าพื้นที่วัดมา เราจะเห็นร้านค้าต่าง ๆ เรียงกันเต็มสองข้างถนนคนเดินโดยมีพนักงานขายคอยเรียกลูกค้าให้เข้าไปชิมไปแวะดูกัน ในบรรดาร้านทั้งหลาย เราขอแนะนำให้แวะร้านขายโอยากิ (おやき) อาหารคล้ายซาลาเปาที่เป็นโซลฟู้ดประจำจังหวัดกันเพื่อปิดท้ายให้การมาเยี่ยมวัดที่นี่คอมพลีทยิ่งขึ้น โอยากินั้นทำจากแป้งสาลีและแป้งโซบะมีไส้ผักตามฤดูกาลเช่นมะเขือม่วง ฟักทอง และเห็ดเป็นต้น และเป็นอาหารที่เลี้ยงปากท้องคนในท้องที่จังหวัดอย่างยาวนาน ดังนั้นถ้าอยากรู้จักรสชาติที่มีทุกบ้านของจังหวัดนี้ล่ะก็ โอยากิคือเมนูหนึ่งที่หาชิมง่ายและติดใจได้ไม่ยาก แต่เสียดายที่จนตอนกลับร้านค้าที่วัดยังไม่เปิด เราเลยไม่มีโอกาสชิมโอยากิในบรรยากาศวัดเซ็นโคจิ ถ้าใครมาที่นี่ฝากชิมแทนด้วยนะ!

5 Check Point นากาโนะ - วัดเซ็นโคจิ Starbucks
ร้านกาแฟ Starbucks เปิดเสิร์ฟกาแฟแต่เช้า แถมตกแต่งสวยกลมกลืนกับวัดด้วย

วัดเซ็นโคจิ (善光寺)

ที่อยู่491 Naganomotoyoshichō, Nagano, 380-0851, Japan.
เวลาเปิด-ปิดพื้นที่วัดเปิด 24 ชั่วโมง แต่พื้นที่ใต้อุโบสถจะเข้าได้จนถึง 16.00 น. (เวลาอาจเปลี่ยนไปตามแต่ละช่วงของปี)
ค่าเข้า(โซนอุโมงค์ใต้อุโบสถ) 600 เยน
การเดินทางจากสถานี JR Nagano นั่งรถบัส 15 นาทีลงที่ป้าย Zenkoji Daimon (善光寺大門) ค่ารถบัส 190 เยน
เว็บไซต์zenkoji.jp

2. ศาลเจ้าโฮทากะ (穂高神社) ศาลเจ้าคู่เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

5 Check Point นากาโนะ - ศาลเจ้าโฮทากะ
ศาลเจ้าโฮทากะ

ศาลเจ้าโฮทากะเป็นศาลเจ้าเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปีที่ผูกพันอยู่กับเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นและตระกูลอาสุมะ (東家, Azuma Clan) ตระกูลนักเดินเรือที่อพยพจากคิวชูขึ้นเหนือมาตั้งรกรากที่นี่ และตั้งศาลเจ้าโฮทากะแห่งนี้เพื่อขอบคุณต่อเทพเจ้าโฮทาคามิ โนะ มิโกโตะ (穂高見命) เทพประจำเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น และเทพที่คุ้มครองการเดินเรือและการเดินทางให้ปลอดภัย ดังนั้นเครื่องรางที่นี่จึงขึ้นชื่อเรื่องการคุ้มครองการเดินทางให้ปลอดภัย และหลายคนมักนำยานพาหนะของตัวเองมาเพื่อรับพรในช่วงปีใหม่ รวมถึงมีนักปีนเขาที่แวะมาที่นี่เพื่อขอพรก่อนขึ้นไปปีนเขาที่คามิโคจิ

5 Check Point นากาโนะ - ศาลเจ้าโฮทากะ โทริอิ
โทริอิไม้ทางเข้าออกด้านหนึ่งของศาลเจ้าโฮทากะ เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะมีห้องสำหรับติดต่อทำพิธีต่าง ๆ ของศาลเจ้า

ด้วยความเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่รายล้อมด้วยป่าไม้สูง รวมถึงบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้ศาลเจ้าโฮทากะแห่งนี้ถือเป็นจุดรวมพลัง (Power Spot) แห่งหนึ่งที่คนญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาเพื่อรับพลังและสิ่งดี ๆ ให้กับตัวเอง

5 Check Point นากาโนะ - ศาลเจ้าโฮทากะ อาคารศาลเจ้า
ศาลาไม้สำหรับเต้นรำคางุระซึ่งถ้าได้เข้าไปมองใกล้ ๆ จะเห็นงานไม้ที่ประณีต

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคืออาคารไม้ต่าง ๆ ในพื้นที่ศาลเจ้ารวมถึงศาลาสำหรับการเต้นรำคางุระที่สวยงามและยังคงลักษณะสถาปัตยกรรมแต่อดีตให้เราชมกัน เหตุผลหนึ่งที่อาคารในศาลเจ้ายังคงสมบูรณ์นั้นมาจากธรรมเนียมในการบูรณะอาคารขึ้นใหม่ทุก ๆ 2 ปีโดยยังคงรูปแบบการก่อสร้างและวัสดุที่เหมือนเดิมทุกประการเพื่อส่งต่อศาลเจ้าที่มีมาแต่อดีตให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ นั่นเอง

วันที่เราไปถึงเป็นวันที่ถือว่าฝนตกหนักทีเดียวในมาตรฐานของที่ญี่ปุ่น ถึงอย่างนั้นที่ศาลเจ้าก็ยังมีคนเข้ามาสักการะและถ่ายรูปกันเยอะไม่ต่างจากเวลาปกติเลย ถึงบรรยากาศจะดูชวนเหงานิดนึงเพราะเป็นวันฝนตกและหมอกลง แต่ภาพศาลเจ้าโฮทากะกลางสายฝนที่ถ่ายออกมาได้นั้นก็ยังสวยอยู่ดี พิสูจน์ได้เลยว่าศาลเจ้าโฮทากะเป็นที่หนึ่งที่น่ามาเที่ยวไม่ว่าจะเป็นวันที่อากาศแบบไหน แต่ถ้าอยากให้ดีสุดก็ต้องมาในวันที่ฟ้าโปร่งแน่นอน เพราะถ้าเป็นวันฟ้าใสล่ะก็ จะเห็นวิวเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นไกล ๆ จากตรงทางเข้าศาลเจ้าด้วยนะ ตรงนี้เป็นจุดที่ส่วนตัวแล้วเสียดายมาก ๆ เพราะไม่งั้นเราจะได้เยี่ยมศาลเจ้าพร้อมชมวิวเทือกเขาซึ่งเป็นสิ่งบูชาของศาลเจ้าโฮทากะพร้อม ๆ กันไปด้วยเลย ซึ่งเราได้คนกระซิบมาว่าแบบนั้นจะครบสูตรเที่ยวสุด ๆ ถ้าจะมาเที่ยวที่นี่ ขอแนะนำให้เล็งวันที่ฟ้าแจ่มใสไว้นะ

ศาลเจ้าโฮทากะ (穂高神社)

ที่อยู่6079 Hotaka, Azumino, Nagano, 399-8303 Japan.
เวลาเปิด-ปิด8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าฟรี
การเดินทางเดิน 3 นาทีจากสถานี JR Hotaka
เว็บไซต์hotakajinja.com

รู้ไหม? มีรถไฟพิเศษที่พาเราไปศาลเจ้าโฮทากะได้นะ!

Resort View Furusato

รถไฟพิเศษที่ว่านี้คือ Resort View Furusato รถไฟสีขาว-เขียวเรียบง่ายน่ารัก หนึ่งในรถไฟ Joyful Train ของ JR EAST โดยรถไฟนี้มาในธีม “ฟุรุซาโตะ (บ้านเกิด)” ซึ่งเป็นคำที่ผูกอยู่กับความผ่อนคลายเรียบง่าย

และก็สมชื่อจริง ๆ เพราะตั้งแต่ดีไซน์ของตัวรถที่นั่งสบายให้บรรยากาศมินิมอลแล้ว วิวนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยทะเลสาบ ภูเขา และชุมชนในชนบทก็ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังได้หนีออกจากความวุ่นวายเพื่อกลับบ้านจริง ๆ แถมบนขบวนรถยังมีของอร่อย ๆ ขายให้อร่อยเพลิน ๆ ระหว่างนั่งรถด้วย โดยเฉพาะน้ำแอปเปิ้ลชินชูของที่ต้องลอง!

3. เมืองอุเอดะ (上田市) เมืองซามูไรขวัญใจคนญี่ปุ่น

5 Check Point นากาโนะ - เมืองอุเอดะ
วิวทุ่งนาและภูเขาของเมืองอุเอดะที่เห็นได้จากรถไฟ Ueda Dentetsu

อุเอดะ…อุเอดะ…” คนที่เคยดูภาพยนตร์อนิเมะ Summer Wars (2009) ต้องเคยได้ยินชื่อสถานีรถไฟและชื่อเมืองอุเอดะที่เป็นฉากหลังของเรื่องมาแล้ว แน่นอนว่าเราเป็นหนึ่งในนั้น แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเมื่องอุเอดะที่จะมาในทริปนี้จะเป็นที่เดียวกันกับในภาพยนตร์ จนมาเห็นการตกแต่งตัวละคร Summer Wars ที่สถานีรถไฟ Ueda เลยเพิ่งอ๋อว่า อ้าว ที่นี่เองเหรอ? เอ้ย เดี๋ยวก่อน หรือคนละอุเอดะ? เพื่อความชัวร์เลยเปิดวิกิพีเดียดูอย่างไว โอเค ของจริงเลย ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ที่ยกเลเวลความตื่นเต้นระดับ +99 UP

5 Check Point นากาโนะ - เมืองอุเอดะ สถานี Ueda
มาถึงสถานี Ueda ของ Ueda Dentetsu ก็เจอกับคุณย่าทวดซากาเอะเลย

เห็นบรรยากาศชนบทในภาพยนตร์น่าอยู่แบบไหน สถานที่จริงก็น่าอยู่แบบนั้นเลย แถมเราโชคดีที่มาในช่วงปลายฤดูร้อนที่เป็นช่วงเดียวกันกับท้องเรื่องด้วย งานนี้เลยเหมือนได้เทียบบรรยากาศสถานที่จริงและในภาพยนตร์ไปด้วยในตัว ซึ่งเรายืนยันได้เลยว่าเมืองอุเอดะถือเป็นเมืองชนบทท่ามกลางภูเขาที่น่าอยู่มากแห่งหนึ่งทีเดียว ถ้าอยากเกษียณมาอยู่เงียบ ๆ ที่ญี่ปุ่นล่ะก็ อุเอดะเป็นที่ที่เตะตากรรมการแน่นอน

5 Check Point นากาโนะ - เมืองอุเอดะ ซากปราสาทอุเอดะ
รูปปั้นเหมือนซานาดะ ยูคิมุระในวัยหนุ่ม

ถ้ามาถึงอุเอดะแล้วต้องไปที่ไหนบ้าง? อย่างแรกเลยคือปราสาทอุเอดะ (上田城, Ueda Castle) สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอุเอดะและเกี่ยวข้องกับซานาดะ ยูคิมุระ (真田幸村, Sanada Yukimura) ซามูไรชื่อดังในประวัติศาสตร์ผู้ขึ้นแท่นซามูไรยอดนิยมในใจคนญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน แถมตระกูลซานาดะยังเป็นต้นแบบให้กับตระกูลครอบครัวของนัตสึกิใน Summer Wars อีกด้วย ถือว่าได้มาตามรอยสองต่อเลย ชีวิตติ่งคอมพลีทแล้ว กลับเข้าเรื่องก่อน ๆ ปราสาทอุเอดะตั้งอยู่ในพื้นที่สวนขนาดใหญ่ที่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มาเดินเล่น หรือนักเรียนที่มาขอพรเรื่องการเรียนการสอบ หรือติ่งประวัติศาสตร์ซามูไรก็มาสนุกกันได้ สมกับเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองอุเอดะมานับร้อยปีจริง ๆ

5 Check Point นากาโนะ - เมืองอุเอดะ ศาลเจ้าซานาดะ
ศาลเจ้าซานาดะเป็นศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นนิยมมาไหว้เพื่อขอพร โดยเฉพาะบรรดานักเรียนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบ

แถมวิวเมืองอุเอดะพร้อมภูเขาที่เห็นได้จากบนพื้นที่ปราสาทก็คุ้มค่าแก่การขึ้นไปชมและเก็บภาพเป็นที่ระลึกเช่นกัน และพอยิ่งได้มาเห็นวิวมุมสูงที่คนของตระกูลซานาดะเองก็น่าจะเคยได้มองจากบนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ที่ปราสาทและตระกูลเจ้าของเคยมีอยู่ในอดีตเลยทีเดียว

5 Check Point นากาโนะ - เมืองอุเอดะ วิวปราสาทอุเอดะ
วิวเมืองอุเอดะที่เห็นได้จากบนสวนปราสาทอุเอดะ

ปราสาทอุเอดะ (上田城)

ที่อยู่4-6 Ninomaru, Ueda, Nagano 386-0026, Japan.
เวลาเปิด-ปิดเปิด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าฟรี
การเดินทางเดิน 10 นาทีจากสถานี JR Ueda
เว็บไซต์nagano-ueda.gr.jp

หลังจากมาเก็บแลนด์มาร์กประจำเมืองแล้ว ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเล่นชิว ๆ พักผ่อนให้สบายตัวบ้าง นั่งรถไฟมาที่เบชโชออนเซ็น (別所温泉, Bessho Onsen) กันต่อได้เลย

5 Check Point นากาโนะ - เบชโชออนเซ็น
ตรอกร้านค้าเล็ก ๆ ในเบชโชออนเซ็น

เบชโชออนเซ็นเป็นย่านเมืองออนเซ็นเก่าแแก่ที่สุดในพื้นที่แห่งนี้ และมีชื่อเล่นว่า “คามาคุระแห่งชินชู (信州の鎌倉)” (ชินชูคือชื่อเก่าของพื้นที่นากาโนะในปัจจุบัน) แค่ฉายาก็ฟังดูว้าวแล้วเนอะ ที่สำคัญคือเดินทางไปได้ง่ายมาก เพราะแค่ลงรถไฟมาเราก็จะมาโผล่ที่ย่านออนเซ็นเลย โดย ณ ใจกลางย่านร้านค้าและเรียวกังมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่านอยู่ อาจจะดูเหมือนลำธารธรรมดา แต่ถ้าลองเข้าไปยืนดูบนสะพานใกล้ ๆ ล่ะก็จะได้กลิ่นที่คนรักออนเซ็นน่าจะรู้จักกันดี ใช่แล้ว ลำธารทั้งสายนี้ก็คือน้ำพุร้อนที่ไหลป้อนไปยังบ่อออนเซ็นแห่งต่าง ๆ ในละแวกนี้นั่นเอง! พอลองชะโงกหน้าลงไปนิดนึงบางช่วงจะรู้สึกเลยว่ามีไอน้ำร้อน ๆ ลอยขึ้นมาด้วย อ่า แค่มีไอน้ำมาแตะหน้าก็รู้สึกผิวดีแล้ว

5 Check Point นากาโนะ - เบชโชออนเซ็น ธารน้ำพุร้อน
ธารน้ำออนเซ็นที่ไหลผ่านย่านเบชโชออนเซ็น ถ้ายืนบนสะพานล่ะก็จะรู้สึกได้ถึงไอน้ำที่ระเหยขึ้นมาเลย

เบชโชออนเซ็นแห่งนี้ขึ้นชื่อคุณสมบัติในการบำรุงรักษาร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นซามูไรที่ต้องการรักษาบาดแผล หรือว่าที่เจ้าสาวที่อยากบำรุงผิวให้สวยก่อนงานแต่งก็ล้วนมาที่เบชโชออนเซ็นแห่งนี้กันทั้งนั้น พูดถึงการบำรุงแล้ว แลนด์มาร์กเล็ก ๆ จุดหนึ่งที่น่าสนใจของที่นี่คือน้ำออนเซ็นที่ดื่มได้ (飲泉塔) ที่มีทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน และเป็นน้ำออนเซ็นที่ดื่มได้เพื่อสุขภาพ และถ้าจะได้ดีสุดคือต้องดื่มประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมงก่อนอาหาร (แต่ไม่แนะนำให้ดื่มหลังอาหาร และทางเบชโชออนเซ็นขอสงวนไม่ให้ผู้อายุต่ำกว่า 15 ปีดื่มนะคะ)

5 Check Point นากาโนะ - เบชโชออนเซ็น โอยุ
ออนเซ็นดื่มได้หน้า Oyu สามารถรองน้ำจากปากมังกรดื่มได้เลย

และจุดที่เราไปมาก็คือออนเซ็นดื่มได้ที่ตั้งอยู่หน้า Oyu (大湯) ลักษณะของออนเซ็นดื่มได้คือจะมีเสาหินพร้อมรูปปั้นหัวมังกรที่มีน้ำไหลออกมาจากปาก ถึงจะลังเลอยู่นิดนึงเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง แต่เอาสิ ครั้งหนึ่งในชีวิตแหละ ว่าแล้วก็วักขึ้นมาดื่มจิบหนึ่ง แจ๊บ ๆ …จิบ ๆ…งืม ถามว่ารสชาติน้ำออนเซ็นเป็นยังไงเหรอ? เอ่อ…คิดแป๊บนะ มันคุ้นเคยแต่แปลกใหม่อย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน อ้อ นึกออกแล้ว ถ้าบอกว่าน้ำไม่มีรสชาติแต่กลิ่นเหมือนไข่ต้มทุกคนจะงงไหม? งงเนอะ เราก็งง ฮ่า ๆ ๆ แต่ใด ๆ คือดื่มได้แน่นอนไม่ต้องห่วงท้องไส้ปั่นป่วน

แน่นอนว่านอกจากน้ำออนเซ็นที่มีไว้ให้ดื่มอย่างที่ลองไปเมื่อกี้ เบชโชออนเซ็นก็มีเรียวกังและออนเซ็นมากมายให้เลือกเข้าไปพักผ่อนกันได้ตามที่ชอบ แต่ถ้าเพื่อน ๆ แค่อยากมาแช่ออนเซ็นแป๊บ ๆ ให้หายอยากก่อนเดินทางต่อ ก็มาที่นานะคุริ (ななくり) กันได้เลย

5 Check Point นากาโนะ - เบชโชออนเซ็น นานะคุริ
ออนเซ็นเท้าแช่ฟรีที่นานะคุริ

นานะคุริเป็นบ่อออนเซ็นเท้าที่ให้เราแช่เท้าได้ฟรีนานเท่าไหร่ก็ได้ตามใจอยาก โดยออนเซ็นเท้าแห่งนี้มีศาลาหลังคาทรงหกเหลี่ยมคลุมข้างบนอยู่ ซึ่งรูปร่างของศาลานี้เป็นการสื่อถึงเจดีย์ห้าชั้นของวัดคิตามุคิคันนน (北向観音, Kitamuki Kannon) ที่เป็นวัดประจำเมืองนี้นั่นเอง

5 Check Point นากาโนะ - เบชโชออนเซ็น คิตามุคิ คันนน
เจดีย์หลังคาทรงหกเหลี่ยมของวัดคิตามุคิคันนนซึ่งเป็นต้นแบบศาลาออนเซ็นเท้านานะคุริ

ระหว่างนั่งแช่เท้าไปเราก็จะได้ยินเสียงธารน้ำพุร้อนไหลอยู่ไกล ๆ พร้อมสูดอากาศสดชื่นของภูเขาไปด้วย เป็นการแวะพักผ่อนที่ไม่เลวเลย อ้อ อย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดเท้าผืนเล็ก ๆ ไปด้วยนะ ส่วนผลที่ได้เหรอ? จังหวะที่ยกเท้าขึ้นมาจากน้ำแล้วเช็ดให้แห้ง รู้สึกได้เลยว่าผิวที่เท้านิ่มมากเหมือนเอาไปชุบสกินแคร์มา เผลอ ๆ จะนิ่มกว่ามืออีก จนตั้งใจไว้เลยว่ารอบหน้าถ้ามาต้องมาแช่ทั้งตัวให้ได้แล้วล่ะ

เบชโชออนเซ็น (別所温泉)

ที่อยู่Ueda, Nagano 386-1431, Japan.
เวลาเปิด-ปิดเปิด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้า(นานะคุริ) ฟรี
การเดินทางจากสถานี JR Ueda ต่อรถไฟสาย Ueda Dentetsu Bessho มาลงสถานี Bessho-Onsen ที่เป็นสถานีปลายทาง
เว็บไซต์besshoonsen-zaisanku.com

ถ้ามีเวลา ไปนั่งรถไฟดูดาวกัน!

HIGH RAIL 1375

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มาเที่ยวอุเอดะและเบชโชออนเซ็น และยังรู้สึกเที่ยวไม่พอ แนะนำให้ตีตั๋วขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ HIGH RAIL 1375 อีกรถไฟ Joyful Train ของ JR EAST กัน!

รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟธีมดวงดาวที่วิ่งบนทางรถไฟที่ถือว่าตั้งอยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และแวะจอดที่สถานี JR Nobeyama สถานีรถไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นจุดดูดาวชั้นเยี่ยมด้วย

โดยระหว่างทางจะมีวิวชนบทและภูเขาพร้อมหุบเขาสวยให้ชมตลอดสองข้างทาง รวมถึงภายรถไฟก็ดีงามไม่แพ้กัน เพราะตกแต่งด้วยสีน้ำเงินและมีลวดลายกลุ่มดาวอยู่เต็มขบวนรถ แถมยังมีห้องท้องฟ้าจำลองด้วย! และถ้านั่งขบวนกลางคืน Hoshizora ล่ะก็ จะมีคุณลุงไกด์ผู้ใจดีมาพาไปทัวร์ดูดาวด้วยนะ!

4. ฮาคุบะ (白馬) จุดท่องเที่ยวธรรมชาติกลางภูเขา

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ
Tsugaike Nature Garden ในวันฝนตกหมอกลง

ฮาคุบะเป็นชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในบริเวณเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อในฐานะแหล่งสกีรีสอร์ทในฤดูหนาวที่ทุกคนจะได้สนุกเต็มที่กับหิมะขาวปุย และแหล่งเล่นกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงที่เราจะได้ชมธรรมชาติไปพร้อม ๆ กับการเดินเขา นั่งชิว ๆ ชมวิวบนระเบียงกว้าง ปั่นจักรยาน รวมถึงแช่ออนเซ็น เรียกได้ว่าเป็นหมู่บ้านเงียบสงบกลางหุบเขาที่คนรักการผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติต้องชอบแน่นอน

สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวชาร์จพลังจากธรรมชาติแบบไปเช้าเย็นกลับ เราขอแนะนำให้มาเที่ยวสีกาอิเคะโคเก็น (栂池高原, Tsugaike Kogen) เลย เพียงนั่งรถจากสถานีรถไฟ JR Hakuba (白馬駅) ไปยัง Village Tsugaike (ヴィレッジツガイケ) ที่เปรียบเหมือนทางเข้าสู่สึกาอิเคะโคเก็น

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ Village Tsugaike
จุดขายตั๋ว Tsugaike Mountain Resort เข้าไปซื้อตั๋วโลด

เมื่อเข้าไปเราจะเจอกับเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วกระเช้าลอยฟ้า ตั๋วจะมีหลายราคาให้เราเลือกแล้วแต่ว่าเราจะนั่งกระเช้าขึ้นไปถึงไหนและจะเข้าสวน Tsugaike Nature Garden (栂池自然園) หรือไม่ แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว เราขอแนะนำให้นั่งกระเช้าไปจนสุดสถานีปลายทางและเข้า Tsugaike Nature Garden ไปด้วยเลย

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ ตั๋วกระเช้า
ตั๋วสำหรับขึ้นกระเช้าและเข้า Tsugaike Nature Garden พร้อมคูปองและแบบสอบถาม ถ้าตอบแล้วจะได้ของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยนะ

ตั๋วที่เราเลือกคือตั๋วนั่งกระเช้าไปกลับ (ครอบคลุมทั้ง Tsugaike Gondola และ Tsugaike Ropeway) ที่รวมค่าเข้า Tsugaike Nature Garden ไว้แล้ว พอซื้อตั๋วก็เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 และเดินไปตามทางเดินอีกสักพักเราจะถึงสถานี Gondola แรก ซึ่งระหว่างทางเราไปขึ้นกระเช้าเราจะได้ชมวิวยอดเขาสูงเป็นน้ำจิ้มกันไปพลางก่อนแล้ว

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ ทางเดินขึ้นกระเช้า
ระหว่างเดินไปขึ้นกระเช้าก็ได้อาบป่าของฮาคุบะไปแล้วหนึ่งกรุบ

ระหว่างที่กระเช้ากำลังไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราจะได้ชมวิวภูเขาในมุมที่กว้างขึ้นทุกขณะ ทั้งยังได้วิวแม่น้ำข้างล่างและแมกไม้แบบใกล้ ๆ ด้วย เรียกได้ว่ามีทุกมุมที่สายถ่ายรูปอยากได้เลย ซึ่งถ้าเป็นวันที่ฟ้าใสวิวที่ได้น่าจะสวยแน่นอน แต่เสียดายว่าวันที่เราไปเป็นวันที่มีฝนตกและเมฆทึบและมีทะเลหมอกหนามาก ถึงอย่างนั้นในช่วงที่หมอกจางก็จะได้วิวภูเขาวันฝนพรำที่ให้บรรยากาศเย็น ๆ เหมือนกัน (และแน่นอนว่าอากาศก็เย็นมาก ๆ ด้วย บรื๋อ)

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ วิวบนกระเช้า
วิวภูเขากลางทะเลหมอกของฮาคุบะที่เห็นได้จากบนกระเช้า

หลังจากนั่งกระเช้าทั้งหมด 25 นาที และเดินกลางฝนปรอย ๆ ต่ออีกราว 10 นาทีเราจะมาถึงทางเข้า Tsugaike Nature Garden โดยที่ทางเข้าจะมีกระท่อมที่เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่ ข้างในมีทั้งพนักงานคอยช่วยดูแลให้ข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึกให้เลือกหยิบติดไม้ติดมือกลับบ้านได้

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ Tsugaike Nature Park
บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใกล้ทางเข้า Tsugaike Nature Garden

แต่เรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะไฮไลท์ของที่นี่รอเราอยู่ Tsugaike Nature Garden แห่งนี้เป็นสวนที่มีทางไม้ปูลัดเลาะไปตามที่ราบของหุบเขาสึกาอิเคะให้เราเดินชมธรรมชาติของภูเขาแห่งนี้ได้แบบสบาย ๆ โดยมีคอร์สเส้นทางเดินให้เลือกหลายแบบตามแต่ว่าเราอยากจะเดินถึงไหนหรือมีเวลาเดินมากเท่าไหร่เช่นกัน และคำว่าเดินเขาได้สบายนั้นคือเดินสบายมากจริง ในเลเวลที่คนที่ไม่ค่อยมีโอกาสออกกำลังกายอย่างเราก็เดินได้แบบไม่ลำบากเลย ดังนั้นใครอยากพาน้อง ๆ เด็กเล็กหรือพ่อแม่ที่อายุมากแล้วมาเดินเล่นสูดอากาศที่นี่ก็พามาได้แน่นอน

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ ทางเข้า Tsugaike Nature Park
ทางเข้า Tsugaike Nature Garden

ในวันที่เราไปเป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ แล้วเลยขอลุยคอร์สชิ วๆ ที่ใช้เวลา 15 นาทีเท่านั้น ถึงจะเป็นคอร์สเดินที่สั้นที่สุดแต่วิวที่ได้ถือว่าสวยคุ้มสุด ๆ เช่นกัน โดยเส้นทางนี้จะพาเราเดินวนแถว ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บวกกับแฉลบเข้าไปกลางภูเขาเล็กน้อยให้ได้สัมผัสบรรยากาศที่มีธรรมชาติและภูเขารายล้อมบ้างแบบกรุบกริบ

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ เส้นทางเดินเขา
ถึงหมอกจะลงจนไม่เห็นยอดเขารอบ ๆ แต่วิวแบบนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

แน่นอนว่ามาเที่ยวภูเขาทั้งที ทุกคนก็อยากมาในวันฟ้าแจ่มใสที่เราจะได้เห็นได้เดินเที่ยวอย่างเต็มที่ แต่จะบอกว่าแม้วันฝนตกที่นี่ก็สวยไปอีกแบบเช่นกัน! จากท้องฟ้าสีเทามองลงมา เราจะเห็นเงาภูเขาที่มีสีเขียวเข้มสุดท้ายของฤดูร้อนที่เห็นได้ลาง ๆ ข้างหลังหมอก และข้างล่างสุดเบื้องหน้าเราจะมีทุ่งที่ราบสีส้มทองแซมด้วยใบไม้เขียวแดงประปรายที่ยังสีสดใสไม่มีแผ่ว พอลองหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายดูกลายเป็นได้รูปสึกาอิเคะโคเก็นในบรรยากาศเย็น ๆ ขรึม ๆ ที่มีเสน่ห์ทีเดียว และช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านไปฤดูใบไม้ร่วงพอดี ดังนั้นบรรยากาศที่ได้จะเป็นบรรยากาศที่ปนเประหว่างสองฤดูอย่างน่าสนใจทีเดียว

5 Check Point นากาโนะ - ฮาคุบะ วิวภูเขา
ทางเดินคอร์สสั้นๆ นี้จะพาเราเข้าไปกลางภูเขา สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอดกันได้เลย

ถึงอย่างนั้น ขอแนะนำให้เช็คสภาพอากาศในวันที่จะเดินทางก่อนมานะ ถ้าพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนตกหนัก แนะนำให้ใส่รองเท้าที่กันน้ำได้มาอย่างยิ่ง เพราะเห็นฝนพรำเบา ๆ แบบนี้ พอเดินไปสักครึ่งชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็รองเท้าแฉะแล้ว แต่ถ้าเตรียมตัวมาดี ๆ ล่ะก็ จะวันฝนตกขนาดไหนก็ไม่ขัดความสนุกของการเที่ยวสึกาอิเคะโคเก็นแน่นอน

Tsugaike Nature Garden (栂池自然園)

ที่อยู่Chikuniotsu, Otari, Kitaazumi District, Nagano 399-9422, Japan.
เวลาเปิด-ปิดกระเช้าแรกเริ่มให้บริการ ช่วง 6.00-8.30 น. และกระเช้าขาลงสุดท้ายให้บริการ 16.20-17.20 น.
ค่าเข้า3,700 เยน (รวมค่ากระเช้าและค่าเข้า Tsugaike Nature Garden)
การเดินทางจากสถานีรถไฟ JR Hakuba ต่อรถแท็กซี่ไป Tsugaike Kogen Ski Resort จากนั้นขึ้นกระเช้า 25 นาที
เว็บไซต์sizenen.otarimura.com , tsugaike.gr.jp

5. คามิโคจิ (上高地) ประตูสู่เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือ

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ
คามิโคจิ ทางเข้าสู่เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

ปิดท้ายกันด้วยที่สุดของที่สุดแห่งจุดท่องเที่ยวของจังหวัด นั่นคือคามิโคจิ (上高地, Kamikochi) ซึ่งเป็นที่ที่คนรักการเดินป่าและการปีนเขาต้องรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อผ่านหูมา เพราะที่นี่ถือเป็นประตูทางเข้าสู่เส้นทางปีนเทือกเขาฮิดะ หรือฉายาเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นนั่นเอง ฉายาเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นนี้มีที่มาจากคำบันทึกของวอลเตอร์ เวสตัน (Walter Weston) มิชชันนารีชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ผู้ทำงานเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติแห่งคามิโคจิไว้ โดยเขาเปรียบความงามของเทือกเขาฮิดะว่าเหมือนเทือกเขาแอลป์ในยุโรป และไม่นานชื่อ “เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น” ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างในปัจจุบัน อีกทั้งทุกวันที่ 11 พฤษภาคมของปีจะมีการจัดงาน Weston Festival เพื่อฉลองและระลึกถึงวอลเตอร์ เวสตันผู้นี้อีกด้วย

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ เส้นทางเดินป่า
ทางเดินป่าที่มีร่มตลอดทางของคามิโคจิ ถ้าแค่ภาพก็สดชื่นแล้วล่ะก็ ของจริงอากาศดีต่อใจมาก

ที่นี่เราจะได้สัมผัสกับที่สุดของธรรมชาติแห่งภูเขาของญี่ปุ่นที่แทบไร้การรบกวนใด ๆ จากมนุษย์ และอากาศที่สดชื่นชนิดที่รู้สึกได้ฟอกปอดตั้งแต่หายใจซู้ดแรกเข้าไป จังหวะแรกที่ก้าวลงจากรถแล้วสูดอากาศของคามิโคจิเข้าไปฟืดแรกก็รู้เลยว่านี่แหละ คุณค่าที่ปอดคู่ควร ปกติแล้วถ้าจะมาที่นี่หลายคนจะนั่งรถบัสไปลงสุดสายที่ Kamikochi Bus Terminal แต่ถ้าใครคิดว่าไหน ๆ ก็มาทั้งทีขอเดินให้คุ้มกับที่นั่งรถมาหน่อย เราขอแนะนำให้ลงรถที่ป้าย Taisho Pond จากป้ายรถเมล์เดินลงบันไดไปเราจะเจอกับไฮไลท์แรกนั่นคือบึงไทโช (大正池, Taisho Pond) บึงสีฟ้าอมเขียวที่เป็นจุดถ่ายรูปแห่งแรก ที่นี่เราจะได้เห็นหนึ่งในวิวที่สวยที่สุดวิวหนึ่งของคามิโคจิ โดยมีท้องฟ้าใส ภูเขาสูง และผืนน้ำกว้างที่สะท้อนภาพได้เหมือนกระจก ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเยือนคามิโคจิที่เยี่ยมเลยทีเดียว

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ บึงไทโช
บึงไทโช ป้ายแรกของคามิโคจิ

จากบึงไทโชจะมีทางเดินที่ถูกถางไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวเดินโดยเฉพาะ ระหว่างเดินไปตามทางเราจะผ่านใต้ต้นไม้สูงร่มรื่นที่ยืนเฝ้ามองนักท่องเที่ยวมาแล้วนับสิบ ๆ ปี อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินสวนทางกับเราอาจจะมีทักทายว่า “คนนิจิวะ (สวัสดี)” ด้วยนะ เรียกว่าได้บรรยากาศที่ทุกคนมาที่นี่เพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง พอเดินไปสักพักเราจะมาถึงเวิ้งที่มีแม่น้ำอาสุสะ (Azusa River) ไหลผ่านทิวต้นลาร์ชโดยมีภูเขาเป็นฉากหลัง จุดนี้เป็นจุดที่หลายคนมักจะแวะพักเพื่อชมบรรยากาศกัน ซึ่งเข้าใจได้เลยว่าทำไม เพราะองค์ประกอบของที่นี่สวยมาก แถมจะได้เห็นแม่น้ำอาสุสะแบบใกล้ ๆ ด้วย กระซิบนิดนึงว่าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเราจะได้เห็นวิวทิวต้นลาร์ชสีทองตัดกับแม่น้ำสีฟ้าและพื้นกรวดสีเทาด้วยนะ ถ้ามาเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วงล่ะก็ต้องมาให้ได้เลย!

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ ต้นลาร์ช แม่น้ำอาสุสะ
วิวแม่น้ำอาสุสะและต้นลาร์ช ถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วงทิวต้นลาร์ชจะเปลี่ยนเป็นสีทองให้ชมด้วย

และหลังจากเดินต่อมาอีกพักใหญ่ ๆ เราจะเริ่มเห็นผู้คนเดินไปมามากขึ้น จนมาถึงจุดที่เป็นไฮไลท์ของคามิโคจิ นั่นคือสะพานกัปปะ (河童橋, Kappa Bridge) สะพานที่เป็นแรงบันดาลใจใหักับ “กัปปะ (河童)” ผลงานของอาคุตากาว่า ริวโนสุเกะนักเขียนอมตะของญี่ปุ่น ซึ่งเนื้อเรื่องในนิยายเรื่องนี้มีคามิโคจิและสะพานกัปปะแห่งนี้เป็นฉากหลังนั่นเอง ถ้าเพื่อน ๆ เป็นสายวรรณกรรมล่ะก็ การได้มาเที่ยวตามรอยงานวรรณกรรมที่นี่ถือเป็นโบนัสเลยก็ว่าได้ ต่อให้รู้แค่เนื้อเรื่องย่อของกัปปะโดยไม่ได้อ่านหนังสือตัวเต็มมา แต่ถ้ามาเห็นสะพานกัปปะของจริงล่ะก็ เราคิดว่าหลายคนพอจะเข้าใจได้เลยว่าทำไมอาคุตากาว่าถึงเลือกให้ที่นี่เป็นฉากหลัง เพราะที่นี่เป็นที่ที่สิ่งมนุษย์สร้างมาเจอกับธรรมชาติที่แทบไร้การแตะต้อง ยังไม่นับถึงบรรยากาศภูเขาที่สวยงามจนไม่คิดว่าเป็นที่ญี่ปุ่น และจุดที่ว่าคามิโคจิคือประตูทางเข้าสู่เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นด้วย

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ สะพานกัปปะ
สะพานกัปปะ จุดที่ถ้ามาคามิโคจิแล้วต้องถ่ายรูปให้ได้

ที่สำคัญ วิวน้ำใสที่มีป่าขนาบข้างและยอดเขาสูงอยู่ข้างหลังเป็นอะไรที่เห็นแว๊บแรกแล้วอยากตะโกนเลยว่า “สดชื่นว้อยยย!” โดยระหว่างที่เก็บรูปไปแถว ๆ นั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ มาขอให้ถ่ายรูปด้วย เป็นบรรยากาศแลกกล้องกันถ่ายสลับกันยืนโพสต์ท่าที่น่ารักดี

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ แม่น้ำอาสุสะ สะพานกัปปะ
แม่น้ำอาสุสะสีฟ้าใสแบบโนฟิลเตอร์บริเวณสะพานกัปปะ

บริเวณสะพานกัปปะจะเป็นป้ายรถบัสที่ปกติแล้วนักท่องเที่ยวหลายคนนิยมลงกันเพราะเดินทางสบายและมาถึงสะพานกัปปะที่เป็นไฮไลท์ได้ง่าย นอกจากนี้ บริเวณที่นั่งรอรถเมล์ยังมีร้านขายของที่ระลึกและของอร่อยมากมายให้ซื้อมาเติมพลังระหว่างเดินป่ากัน ส่วนอาหารที่เราเลือกซื้อมาลองนั้นคือไก่ทอดซันโซคุยากิที่หอมเตะจมูกมาก ชนิดที่ตอนแรกไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันหอมมากเลยจิ้มเลือกซื้อมาโดยที่รู้แค่ว่าเจ้าสิ่งนี้น่ากินและต้องอร่อยแน่นอน แล้วมารู้ทีหลังว่าไก่ทอดนี่แหละของดีของที่นี่ แล้วก็อร่อยจริง ๆ ด้วย เรียกได้ว่าเป็นตัวตึงของจริงเลย

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ ไก่ทอดซันโซคุยากิ
ไก่ทอดซันโซคุยากิกรอบนอกนุ่มในของดีประจำถิ่น ชิ้นเดียวอยู่ท้องแน่นอน

คามิโคจิ (上高地)

ที่อยู่Matsumoto, Nagano 390-1516, Japan.
เวลาเปิด-ปิดเปิด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าฟรี
การเดินทางจากสถานี JR Nagano นั่งรถบัส Sawayaka Alpico Bus มาลงที่บึงไทโชหรือ Kamikochi Bus Terminal (รถบัสเป็นระบบจองล่วงหน้า ค่าโดยสาร 3,400 เยน)
เว็บไซต์kamikochi.or.jp

ถามว่าคามิโคจิมีสถานที่ที่เป็นไฮไลท์แค่นี้หรือไม่? บอกเลยว่าไม่! ถ้ามีเวลาและแรงเหลือพอ เราขอแนะนำให้เดินไล่ขึ้นไปตามแม่น้ำอาสุสะราว 1 ชั่วโมงเพื่อมุ่งหน้าไปยังบึงเมียวจิน (明神池, Myojin Pond) อีกบึงที่ให้วิวสวยงามของคามิโคจิและเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโฮทากะสาขาโอคุมิยะ (Hotaka Shrine Okumiya) รวมถึงวิวสะพานที่สวยคนละแบบกับสะพานกัปปะที่เราเห็นก่อนหน้านี้

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ สะพานเมียวจิน
สะพานเมียวจิน (明神橋) อีกสะพานของคามิโคจิที่ให้วิวสวยไม่แพ้สะพานกัปปะ

บึงเมียวจินตั้งอยู่ในพื้นที่ศาลเจ้าซึ่งต้องเสียค่าเข้าเล็กน้อย (300 เยน) แต่คุ้มกับการเดินมาแน่นอน หลังจากเดินลัดเลาะไปตามทางเดินเล็ก ๆ บวกกับกระโดดไต่ตามหินนิดหน่อยก็จะมาถึงจุดที่หลายคนชอบไปถ่ายรูปกัน นั่นคือสะพานท่าเรือไม้ที่ยื่นออกไปในบึงและให้เรายืนต่อหน้าความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและภูเขา ซึ่งเป็นตัวแทนของเทพเจ้าประจำศาลเจ้าแห่งนี้

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ ศาลเจ้าเมียวจิน
หยอดเหรียญ โค้ง ปรบมือ แล้วอธิษฐานโลด

ถ้าเพื่อน ๆ มาที่นี่ในช่วงเดือนตุลาคมล่ะก็ อาจจะได้ชมเทศกาลประจำปีที่นักบวชชินโตจะสวมชุดสมัยเฮอันล่องเรือไปบนผืนผิวน้ำด้วย ว่ากันว่างานนี้มีบรรยากาศที่สวยและแสดงถึงมนต์ขลังของที่นี่ได้ดีทีเดียว

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ บึงศาลเจ้าเมียวจิน
อีกบึงหนึ่งในพื้นที่บึงเมียวจินที่สายถ่ายรูปต้องชอบแน่นอน

และถ้าเดินไปรอบ ๆ ตามทางที่จัดไว้ เราจะไปโผล่ตามบึงเล็กบึงน้อยอีกหลายจุดที่ให้เปรียบก็คงเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดของโมเน่ต์ (Monet) เลยทีเดียว เพราะงั้น คุ้มค่ากับเวลาและแรงที่เดินมาแน่นอน และสำหรับสายถ่ายรูปหรือสายอาร์ตที่อยากได้ภาพเรฟฉากสวย ๆ เรายิ่งขอแนะนำให้เดินมาถึงตรงนี้ให้ได้เลย เพราะจะมุมไหนก็สวยทั้งนั้น!

บึงเมียวจิน (明神池)

ที่อยู่Matsumoto, Nagano 390-1520, Japan.
เวลาเปิด-ปิด06.00 – 17.00 น.
ค่าเข้า300 เยน
การเดินทางเดินจากสะพานกัปปะราว 1 ชั่วโมง
เว็บไซต์kamikochi.or.jp

และทั้งหมดนี้คือไฮไลท์ที่ใครมานากาโนะแล้วมาไม่ถึงถือว่าพลาด! และในฐานะคนที่เคยไปมาครั้งหนึ่งแล้ว เรายืนยันอีกเสียงได้เลยว่าเป็นจังหวัดที่มาเที่ยวครั้งเดียวไม่พอจริง ๆ เพราะที่นี่มีธรรมชาติสวยงาม ของอร่อย และเทศกาลสนุก ๆ ที่เปลี่ยนไปในแต่ละฤดูด้วย โดยภาพที่เราเก็บมาฝากเพื่อน ๆ นั้นเป็นช่วงปลายฤดูร้อน (ปลายเดือนกันยายน) ที่จะยังเหลือแมกไม้สีเขียวสดชื่นชุดสุดท้ายก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านเข้าฤดูใบไม้ร่วง และถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าหน้าร้อนยังสวยขนาดนี้ ลองจินตนาการดูว่าฤดูใบไม้ร่วงจะขนาดไหนกันนะ?

5 Check Point นากาโนะ - คามิโคจิ เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
คามิโคจิในช่วงบ่ายแก่ ๆ แดดเริ่มคล้อย เห็นแล้วต้องหยิบกล้องมาถ่าย

เที่ยวหายห่วงเรื่องงบ ด้วย JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)

JR East FAQ-Using Pass and Tickets

สำหรับคนที่อยากมาเที่ยวเพื่อเก็บให้ครบได้แบบนี้แต่ไม่อยากให้งบเดินทางบานปลาย ตัวช่วยหนึ่งที่เราใช้ตอนเดินทางและขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งเลยคือตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ที่ให้เราขึ้นรถไฟและรถชินคันเซ็นได้แบบไม่จำกัดตลอดระยะเวลา 5 วัน แถมจองที่นั่งรถไฟได้ฟรีด้วย ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง 27,000 เยนเท่านั้น ซึ่งแค่ใช้เดินทางจากโตเกียวไปนากาโนะ นั่งรถรอบ ๆ จังหวัด (แถมอาจจะโฉบไปชิมของอร่อยที่จังหวัดนีงาตะ) แล้วนั่งรถกลับมาที่โตเกียวก็ถือว่านั่งคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว

เพื่อน ๆ ที่อยากมาจัดทริปที่นี่ อย่าลืมปักหมุดสถานที่เหล่านี้และจับจองตั๋ว JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) ไว้ได้เลย! ที่สำคัญคือเราสามารถซื้อ JR EAST PASS และจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าตั้งแต่ตอนอยู่ที่ไทยได้ง่าย ๆ ผ่าน JR-EAST Train Resevation ด้วยนะ!

JR EAST PASS (Nagano, Niigata area)
ราคาผู้ใหญ่ 27,000 เยน, เด็ก (อายุ 6-11 ปี) 13,500 เยน
ระยะเวลาการใช้ตั๋ว5 วันติดกัน (ขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดรอบ)
พื้นที่ที่ใช้ตั๋วได้จังหวัดนากาโนะ, จังหวัดนีงาตะ, ภูมิภาคคันโต
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและซื้อตั๋วได้ที่ Official Websitejreast.co.jp

ขอบคุณ ZIPAIR ผู้สนับสนุนการเดินทางจากประเทศไทยสู่กรุงโตเกียว

ZIPAIR LCC Airlines

ZIPAIR เป็นสายการบินราคาประหยัด (LCC-Low Cost Carrier) ระดับพรีเมียมในเครือ Japan Airlines (JAL) ที่เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อประมาณกลางปี 2020 แม้เป็นสายการบินแบบ LCC แต่คุณภาพบริการและความสะดวกสบายของ ZIPAIR ที่ทัดเทียมกับ JAL ทำให้ ZIPAIR เป็นทางเลือกชั้นเยี่ยมสำหรับใครที่กำลังมองหาการเดินทางไปญี่ปุ่นในราคาประหยัด

จุดเด่นหลัก ๆ ของสายการบิน ZIPAIR ที่ทำให้แตกต่างจากสายการบิน LCC ทั่วไป

1. มี Internet Wi-fi ให้ใช้ตลอดการบิน
2. ที่นั่ง standard กว้างนั่งสบาย มีฟังก์ชั่นหลากหลาย
3. ชำระเงินระบบ Cashless
4. Full-Flat Seat ที่ปรับนอนได้ แถมเป็นส่วนตัวสุด ๆ
5. อาหารบนเครื่องมีให้เลือกหลากหลาย รสชาติอร่อย

ตารางบินเส้นทาง กรุงเทพฯ – นาริตะ

ขาไป: กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – โตเกียว (นาริตะ) 23:10-7:25(+1)
ขากลับ: โตเกียว (นาริตะ) – กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) 17:00-21:45
*มีเที่ยวบินทุกวัน

จองตั๋ว ZIPAIR

ZIPAIR Flight booking

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า