วันนี้ conomi จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว จังหวัดชิซูโอกะ ซึ่งอยู่ระหว่างกรุงโตเกียวและโอซาก้า แถมยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ คาบสมุครอิซุ และไร่ชาเขียวอันกว้างใหญ่ ที่มีใบชาเป็นผลิตภัณฑ์ประจำจังหวัด อีกทั้งยังเป็นสถานที่จัดเทศกาลแข่งว่าวยักษ์อันโด่งดังอีกด้วย ! ใครชื่นชอบธรรมชาติ อย่างภูเขา ทะเล ป่าไม้แล้วละก็ เตรียมเก็บกระเป๋า สะพายเป้กันให้ดี แล้วไปดูกันเลยว่าที่ชิซูโอกะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง !
1. ภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ภายใน จังหวัดยามานาชิ และ จังหวัดชิซูโอกะ มีความสูงประมาณ 3,776 เมตร บริเวณเชิงเขายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Fuji Safari Park, Shiraito-no-taki Falls และ Fuji Reien Cemetery โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ปลายเดือนกรกฎาคมถึงปลายเดือนกันยายน ที่นี่จะเต็มไปด้วยเหล่านักปีนเขามากมาย ซึ่งเส้นทางปีนเขา Yoshida Trail จะปีนจากจังหวัดยามานาชิ ส่วนเส้นทาง Fujinomiya Trail, Subashiri Trail และ Gotenba Trail จะเริ่มที่จังหวัดชิซูโอกะ
หากเพื่อนคนไหนๆ สนใจที่จะปีนภูเขาไฟฟูจิ สามารถรับแผนที่ และตารางเวลาออกเดินทาง ที่พักบนภูเขา และการเดินทางลง หรือใครอยากลองปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงกลางคืนเพื่อดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า หรือเดินเล่นชมรอบ ๆ ปล่องภูเขาไฟ ที่นี่เขาก็มีบริการเส้นทางปีนเขาที่หลากหลายให้เพื่อน ๆ ได้เลือกเดินกันด้วยเนื่องจากบนภูเขามีสภาพอากาศที่แปรปรวน ดังนั้นขอแนะนำให้เพื่อน ๆ เตรียมเสื้อกันฝน รองเท้าปีนเขา และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับนักเดินทางไปด้วยนะคะ
ภูเขาไฟฟูจิ (富士山)
ที่อยู่ | Kitayama, Fujinomiya, Shizuoka 418-0112, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | *วันเปิดทำการขึ้นอยู่กับเส้นทางปีนเขา Yoshida Trail (ฝั่งจังหวัดยามานาชิ) 1 กรกฎาคม – 10 กันยายน Subashiri Trail / Gotemba Trail / Fujinomiya Trail (ฝั่งจังหวัดยามานาชิ) 10 กรกฎาคม – 10 กันยายน |
ค่าบริการ | Yoshida Trail (ฝั่งจังหวัดยามานาชิ) คนละ 2,000 เยน (ราว 480 บาท) |
เว็บไซต์ | fujisan-climb |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Fujisan รถไฟ Fujikyu Railway สาย Fujikyuko line ให้เพื่อนๆขึ้นรถบัสไต่เขาที่สถานี Gotenba ของรถไฟสาย JR Gotenba ได้เลย |
2.ไร่ชานิฮนไดระ
この投稿をInstagramで見る
ชิซูโอกะ เรียกได้ว่าเป็น ดินแดนแห่งชา เลยล่ะค่ะ เพราะที่นี่มีพื้นที่ไร่ชามากกว่า 40% ของพื้นที่ไร่ชาทั้งหมดในประเทศ และผลิตชามากเป็นอันดับหนึ่งในประเทศอีกด้วย! พูดได้เลยว่าชาวเมืองส่วนใหญ่ไม่ดื่มชาอื่น นอกจาก ชาเขียว ในท้องถิ่นที่พวกเขาปลูกเอง เพราะพวกเขารักและภูมิใจในใบชาของตนเองมาก ซึ่งไร่ชาเขียวที่นิฮนไดระ เขาก็เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าไปเดินชม สัมผัสกับใบชาอย่างใกล้ชิด เพื่อเรียนรู้วิธีเก็บเกี่ยวใบชา ซึ่งใบชาที่นี่จะขึ้นเขียวชอุ่มในช่วง กลางเดือนเมษายนจนถึงเดือนตุลาคม เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวเลยละ นอกจากนี้ระหว่างที่เก็บชาเพื่อน ๆ ยังสามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิตัดกับสีเขียวของไร่ชาอีกด้วย ถือเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ขากลับก็อย่าลืมแวะซื้อชาอบแห้งเป็นของที่ระลึกกันด้วยนะ!
ไร่ชานิฮนไดระ (日本平お茶会館)
ที่อยู่ | 4046-1 Muramatsu, Shimizu Ward, Shizuoka, 424-0926, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 09.00-15.00 น. |
ค่าบริการ | เรียนรู้การเก็บใบชา 500 เยน *ถ้าจ่ายอีก 1,300 เยน จะได้รับกระป๋องบรรจุชาอบแห้งที่เราจะตักใส่เท่าไรก็ได้เป็นที่ระลึกด้วย |
เว็บไซต์ | ocha-kaikan |
วิธีเดินทาง | รถไฟ JR สาย Tokaido Line มาลงสถานี Shizuoka แล้วนั่งรถเมล์สาย 42 จากป้าย 11 หน้าสถานีรถไฟมาลงที่ป้าย Nihondaira Ropeway แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15-20 นาที |
3. สะพานแห่งความฝัน
สะพานแห่งความฝัน ตั้งอยู่ที่สุมาตะเคียว ออนเซ็น โดยถูกจัดให้เป็น 1 ใน 100 สะพานที่ควรข้ามสักครั้งก่อนตาย สะพานแห่งนี้มีความยาวประมาณ 90 เมตร และกว้างเพียง 30 เซนติเมตร จำกัดจำนวนคนข้ามไม่เกิน 10 คน เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง เมื่อมาถึงที่นี่เราจะรู้สึกเหมือนได้อยู่สวรรค์จริง ๆ เลยล่ะ เพราะรอบข้างสะพานแห่งนี้รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้และภูเขา เรียกได้ว่ามาถึงที่นี่เพื่อน ๆ ต้องได้รับออกซิเจนไปสูดกันเต็มปอดอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นข้างล่างของสะพานยังเป็นทะเลสาบที่มีสีสันสวยงามแตกต่างกันไป บางครั้งเราก็จะเห็นเป็นสีฟ้าอ่อน หรือสีฟ้าเข้ม อีกทั้งที่นี่ยังมีความเชื่อที่ว่า หากข้ามสะพานไปจนถึงกลางสะพานแล้วอธิษฐานขอพรเกี่ยวกับความรัก พรนั้นจะเป็นจริงด้วยล่ะ!
Yume no Tsuribashi suspension bridge (夢のつり橋)
ที่อยู่ | Japan, 〒428-0411 Shizuoka, Haibara District, Kawanehon, Senzu, 寸又峡温泉 |
เวลาเปิด-ปิด | เปิดตลอดเวลา |
ค่าบริการ | เที่ยวชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย |
เว็บไซต์ | yumenotsuribashi-sumatakyo |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Line มาลงสถานี Kanaya แล้วนั่งรถไฟ SL หรือรถไฟหัวจักรไอน้ำ Oigawa Railway ต่อประมาณ 40 นาทีเพื่อมาลงสถานี Senzu แล้วต่อรถบัสอีก 20 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 30 นาทีเพื่อไปยังจุดข้ามสะพาน |
4. The Minami-Alps Aputo Line
โออิงาวะ เท็ตสึโด อิคาวะเซ็น ทางรถไฟที่วิ่งผ่านหุบเขาโอคุโออิในจังหวัดชิสุโอกะ หรือที่เรียกกันว่า Minami-Alps Aputo Line เป็นเส้นทางรถไฟที่แล่นขึ้นไปยังหน้าผาสูงชัน จากสถานีเซ็นซูไปยังสถานีอิงาวะ นับว่าเป็นหนึ่งในทางรถไฟสะพานเหล็กยอดนิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะค่ะ เพราะระหว่างทางเพื่อน ๆ สามารถชมวิวธรรมชาติอันสวยงามท่ามกลางภูเขา ยิ่งช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีทิวทัศน์ที่นี่จะสวยงามมาก ๆ ค่ะ เพราะเหล่าใบไม้สีแดง สีเหลือง จะผลัดใบตัดกับสีฟ้าอ่อนของทะเลสาบด้านล่าง ใครได้มีโอกาสมาที่นี่ละก็อย่าลืมแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันด้วยนะ สำหรับค่าโดยสารก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานีที่ขึ้นและลง แต่โดยทั่วไปแล้วราคาต่อคนผู้ใหญ่อยู่ที่ 150 เยน เด็ก 80 เยน
The Minami-Alps Aputo Line (南アルプスあぷとライン)
ที่อยู่ | Yamanashi, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | โออิงาวะ เท็ตสึโด อิคาวะเซ็น เปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. |
ค่าโดยสาร | *แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานีที่ขึ้นและลง โดยทั่วไปแล้วราคาต่อคนผู้ใหญ่อยู่ที่ 150 เยน, เด็ก 80 เยน |
เว็บไซต์ | daitetsu |
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถไฟ JR Tokaido Line ไปยัง สถานี Kanaya แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายหลัก Oigawa Tetsudou ที่ซึ่งสถานีแรกของ Minami-Alps Aputo Line คือ สถานี Senzu |
5. แหลมอิโรซากิ
เพื่อน ๆ สามารถเที่ยวชมทิวทัศน์ความสวยงามของชายฝั่งทะเลรอบ ๆ แหลมอิโรซากิ ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งของคาบสมุทรอิซุ ซึ่งที่นี่เพื่อน ๆ สามารถล่องเรือสูดอากาศบริสุทธิ์ เที่ยวชมบรรยากาศรอบชายฝั่ง และโขดหินรูปร่างแปลก ๆ รวมถึงสักการะศาลเจ้าอิโระที่ตั้งของเทพเจ้าผู้ปกป้องท้องทะเล หรือชมประภาคารอิโรซากิที่ตั้งอยู่บริเวณแหลมแห่งนี้ได้อีกด้วย
บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของ แหลมทาไร ซึ่งมีชายหาดหิน แหล่งศึกษาธรรมชาติ และถ้ำทะเลริวกุ ที่เมืองโทจิ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ รูปร่างคล้ายกับหัวใจ ที่นั่นเพื่อน ๆ สามารถเล่นสกีที่ลานทราย และเช่าอุปกรณ์เล่นบอร์ดได้ด้วย!
แหลมอิโรซากิ (石廊崎)
ที่อยู่ | Irozaki, Minamiizu, Kamo District, Shizuoka 415-0156, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | ล่องเรือชมแหลมอิโรซากิ เปิดให้ใช้บริการ 9.30-15.30 น. *ปิดทำการช่วงอากาศแปรปรวนหรือน้ำขึ้น |
ค่าล่องเรือ | 1,400 เยน |
เว็บไซต์ | minami-izu |
วิธีเดินทาง | แหลมอิโรซากิ จากสถานี Izukyu-Shimoda นั่งรถบัสสาย Tokai ไปลงที่ Irozakiko-guchi แล้วเดินไปตามทางที่ไปยังท่าเรือประมาณ 5 นาที แหลมทาไร เดินไปทางทิศตะวันออกของป้ายบัส Kyukamura หรือ นั่งรถบัส Irozaki bound bus ส่วนถ้ำทะเล จากสถานี Izukyu-Shimoda นั่ง Toji bound bus ไปลงที่ป้าย Toji แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที |
6. ชายหาดมิโฮ
ชายหาดมิโฮ หนึ่งในสถานที่ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถทอดสายตามองทิวทัศน์ของทะเลที่ยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา หรือเดินเล่น กินลมชมอากาศ ชิว ๆ บริเวณข้าง ๆ ยังเป็นที่ตั้งของ Hagaromo Park ที่เต็มไปด้วยต้นสนรายล้อม ทำให้อากาศบริเวณนี้เย็นสบาย เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังมี ตำนานต้นสน Hagoromo no Matsu ซึ่งมีอายุกว่า 650 ปี ที่ว่ากันว่า มีชายชาวประมงคนหนึ่งพบเชือกที่นางฟ้าทำหล่นจากสวรรค์แขวนอยู่บนกิ่งต้นสน ทำให้ต้นสนต้นนี้โดดเด่นกว่าต้นอื่น และกลายเป็นความสวยงามของที่นี่อีกอย่างหนึ่ง นอกจากนี้เพื่อน ๆ ก็ยังสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย ใครหาสถานที่ในการมาพักผ่อนหย่อนใจไม่ว่าจะเป็นเดินเล่น ว่ายน้ำ ปิกนิก หรือปั่นจักรยาน ขอแนะนำหากมิโฮเลยค่ะ!
ชายหาดมิโฮ (三保の松原)
ที่อยู่ | 1338-45 Miho, Shimizu Ward, Shizuoka, 424-0901, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | เปิดตลอดเวลา |
เว็บไซต์ | visit-shizuoka |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Shizuoka Tetsudo Line มาลงสถานี Shin-Shimizu แล้วนั่งรถบัส Miho Yamanote Line ต่ออีกประมาณ 25 นาที แล้วเดินต่ออีก 20 นาทีค่ะ |
7. ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน
ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน มีอายุกว่า 1,000 ปี แม้โครงสร้างเดิมจะถูกทำลายลงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เหลือไว้เพียงศาลเจ้าชั้นใน ศาลเจ้าชั้นนอก และประตู แต่ศาลเจ้านี้ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมเซนเอาไว้ อย่างฮอนเดน หอประชุมใหญ่ของศาลเจ้าที่ยังคงโดดเด่นด้วยเซนเกนซูคูริ ซึ่งเป็นประตูหอสองชั้น ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในสมบัติของชาติอีกด้วย
เมื่อมาถึงที่นี่ต้องมาสักการะ เจ้าหญิงโคโนะฮานะซากุยะฮิเมะ เทพธิดาของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้ก็ได้ถูกบันทึกลงเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฟูจิซังด้วย รอบๆ ศาลเจ้าก็ยังมีต้นซากุระอีกกว่า 500 ต้น ที่พร้อมจะผลิดอกบานในช่วง ปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายน อีกทั้งยังมีเส้นทางที่ใช้สำหรับ เทศกาลขี่ม้ายิงธนู ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 5 พฤษภาคม และฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม และต้นเดือนกันยายน ใครมีโอกาสมาเที่ยวช่วงนี้ละก็ ห้ามพลาดเชียว!
ศาลเจ้าฟุจิซังเซนเงน (富士山本宮浅間大社)
ที่อยู่ | 1-1 Miyacho, Fujinomiya, Shizuoka 418-0067, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 5.00 – 20.00 น. พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 6.00 น. – 19.00 น. มีนาคม – ตุลาคม 5.30 – 19.30 น. *ยกเว้นจุดสวดมนต์ด้านหน้า และร้านขายเครื่องราง |
ค่าเข้า | *เข้าชมฟรี |
เว็บไซต์ | fuji-hongu |
วิธีเดินทาง | เดินเท้าจากสถานี Fujinomiya ไปทางสาย Minobu Line ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ |
8. ศาลเจ้าคุโนะซัง โทชูกุ
ศาลเจ้าคุโนะซัง โทชูกุ เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ท่าน โชกุนโทคุกาวะ อิเอยะสุ มีสถาปัตยกรรมสวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกของชาติ ด้วยความโดดเด่นของสีแดงสดใส และสีทองอร่าม ประกอบกับผลงานแกะสลักอันสวยงาม รวมถึงภาพวาดบนประตูโรมอน ซึ่งสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าที่นี่ยังคล้ายกับนิกโก้อีกด้วย
เมื่อเข้ามาภายในศาลเจ้า เพื่อน ๆ จะพบกับ หอกทอง และโคมไฟทองแดง ที่นำไปสู่ห้องโถงหลัก หากเดินลึกเข้าไปข้างหลังจะเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพท่านโชกุนอิเอยะสุ นอกจากนี้ไม่ไกลจากศาลเจ้ามากนัก เพื่อน ๆ ยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของท่าน โชกุนคุโนซัง ที่มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว สมบัติอื่น ๆ อย่างเสื้อผ้าในสมัยนั้น และอาวุธที่ใช้ในการรบอีกด้วย
ศาลเจ้าคุโนะซัง โทชูกุ (久能山東照宮)
ที่อยู่ | 390 Negoya, Suruga Ward, Shizuoka, 422-8011, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 09.00 – 17.00 น. *เข้าชมได้ครั้งละไม่เกิน 2 ชั่วโมง |
ค่าเข้า | – ผู้ใหญ่ 500 เยน – เด็ก 200 เยน พิพิธภัณฑ์ – ผู้ใหญ่ 800 เยน – เด็ก 300 เยน |
เว็บไซต์ | toshogu |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR สาย Tokaido Line มาลงที่สถานี Shizuoka แล้วนั่งรถบัส Shizutetsu Justline Bus ฟรีมาลงที่ Nihondaira Ropeway เพื่อขึ้นกระเช้าต่อ *ค่ากระเช้าไป-กลับ 1,250 เยน / ขาเดียว 700 เยน **ระหว่างทางที่ขึ้นกระเช้าสามารถชมทัศนียภาพอันงดงามได้ด้วย |
9. จิบิ มารุโกะจัง แลนด์
การ์ตูนอนิเมชั่นขวัญใจเด็ก ๆ อย่าง จิบิ มารุโกะจัง ได้เปิดพิพิธภัณฑ์ จิบิ มารุโกะจัง แลนด์ ขึ้นที่ S Pulse Dream Plaza เมืองชิมิสึ ซึ่งพิพิธภัณฑ์นี้จะแบ่งออกเป็นสองโซน คือโซนเข้าฟรีที่มีร้านจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับจิบิ มารุโกะจังให้เลือกซื้อกัน และโซนเสียเงินที่มีกิจกรรมเช่าชุดคอสตูม ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถใส่ชุดคอสตูมตัวละครตามการ์ตูน เพื่อถ่ายรูปกับภาพพื้นหลังตามฉากละครที่สตูดิโอ อีกทั้งยังสามารถเลือกชมอนิเมะจิบิ มารุโกะจัง ที่มีให้เลือกกว่า 5 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย!
จิบิ มารุโกะจัง แลนด์
ที่อยู่ | Japan, 〒424-0942 Shizuoka, Shimizu Ward, Irifunecho, 13−15 エスパルスドリームプラザ 3階 |
เวลาเปิด-ปิด | 10.00 – 20.00 น. |
ค่าเข้า | โซนเสียเงิน – ผู้ใหญ่ 600 เยน – เด็ก 400 เยน *ค่าเช่าชุดคอสตูมอยู่ที่ราคา 300 เยน |
เว็บไซต์ | chibimarukochan |
วิธีเดินทาง | เดินทางด้วยรถรับส่งฟรีที่วิ่งจากประตูตะวันออกของสถานี JR Shimizu Station ซึ่ง ทุกชั่วโมงจะมีรถบัส 2-4 คัน ระหว่างเวลา 9.00 น. และ 22.00 น. ใช้เวลาประมาณ 10 นาที |
10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซริซาวะ เคอิสุเกะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซริซาวะ เคอิสุเกะ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับช่างย้อมที่ชื่อว่า เซริซาวะ เคอิสุเกะ เนื่องจากเป็นคนที่มีรสนิยมไม่เหมือนใคร เขาจึงได้สร้างสรรค์ผลงานหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดกิโมโน ชุดโอบิ แผ่นกั้นห้อง ซึ่งที่นี่เพื่อน ๆ สามารถเดินชมห้องทำงาน และผลงานตลอดระยะเวลา 88 ปีในช่วงชีวิตของเขา โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการทั้งแบบถาวร และตามฤดูกาล
ปัจจุบันที่นี่มีผลงานทางศิลปะกว่า 800 ชิ้น และเนื่องจากเซริซาวะเองก็เป็นนักสะสมเช่นกัน ที่นี่จึงได้มีการจัดแสดงของสะสมส่วนตัวกว่า 4,500 ชิ้น อย่างงานศิลปะ งานหัตถกรรม งานเซรามิก งานไม้ ภาพเขียนต่าง ๆ นอกจากนี้เพื่อน ๆ ยังสามารถซื้อผลงานการออกแบบของเซริซาวะได้อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซริซาวะ เคอิสุเกะ
ที่อยู่ | 5 Chome-10-5 Toro, Suruga Ward, Shizuoka, 422-8033, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 09.00-16.30 น. *หยุดวันจันทร์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงวันปีใหม่ |
ค่าเข้า | – ผู้ใหญ่ 420 เยน – นักเรียนมัธยมปลาย/นักศึกษา 250 เยน – นักเรียนประถมไปจนถึงมัธยมต้น 100 เยน |
เว็บไซต์ | seribi |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Shizuoka ต่อรถโดยสารสาย Shizutetsu ที่มุ่งหน้าไปยัง Toroiseki แล้วลงที่ป้าย Toroiseki |
ทริปหน้าไปเที่ยว “ชิซูโอกะ” กันเถอะ!
นอกจากภูเขาไฟฟูจิที่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นแล้ว จังหวัดนี้ยังมี ภูเขาอะชิทากะ และ ภูเขาโทกะสะ ที่ลากยาวไปจนถึงคาบสมุทรอิซุ และเนื่องจากเป็นบริเวณของเขตภูเขาไฟ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ อย่าง อะตะมิ อิโต ชูเซ็นจิ เมืองน้ำพุร้อนเก่าแก่ และ บ่อน้ำพุร้อนคันซันจิ จุดชมพระจันทร์เต็มดวงยอดนิยม ใครอยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมือง ลองแวะมาเที่ยวชมธรรมชาติที่ชิซูโอกะสิคะ !
ผู้เขียน baiosfalim