เชื่อได้ว่าคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับโอโคโนมิยากิที่เป็นอาหารท้องถิ่นของโอซาก้า แต่ทราบไหมคะว่าก่อนจะมีโอโคโนมิยากิ เคยมีอาหารที่คล้ายกันเรียกว่า มงจายากิ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของโตเกียว! ใครไม่เคยทาน มาค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปร้านมงจายากิในกรุงเทพที่จัดว่าเป็นร้านแรกในไทย แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับอาหารชนิดนี้กันคร่าว ๆ ก่อนนะคะ
ที่มาของมงจายากิ
มงจายากิ (もんじゃ焼き) เป็นอาหารประเภทกระทะร้อน ถือเป็นเมนูท้องถิ่นดั้งเดิมของโตเกียว มีความคล้ายกับโอโคโนมิยากิของโอซาก้าที่จะผสมแป้ง ผัก และวัตถุดิบต่าง ๆ เข้าด้วยกัน แต่มงจายากิตัวแป้งจะเหลวกว่า ว่ากันว่ามงจายากิมีต้นกำเนิดในช่วงปลายสมัยเอโดะถึงสมัยเมจิ ซึ่งเป็นช่วงที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเขียน กระดาษก็มีราคาแพง เด็ก ๆ จึงต้องเรียนรู้ท่องจำตัวอักษรโดยการนำแป้งไปละลายในน้ำแล้วนำมาวาดเป็นตัวอักษรบนเตาเหล็ก แล้วจึงเรียกกันว่า มงจิยากิ (もんじ焼き) คำว่า “มงจิ” แปลว่าอักษร ส่วน “ยากิ” แปลว่าย่าง จนเพี้ยนกลายมาเป็นชื่อ มงจายากิ นั่นเองค่ะ
ในอดีต มงจายากิเป็นของว่างสำหรับเด็กที่จะขายตามร้านขนม แต่ทุกวันนี้มงจายากิเป็นอาหารที่ผู้ใหญ่นิยมทานกันตามร้านโอโคโนมิยากิและร้านอิซากายะพร้อมกับเหล้าสาเก วิธีทำคือละลายแป้งสาลีในน้ำปริมาณมาก ปรุงรสด้วยซอส ใส่กะหล่ำปลีและวัตถุดิบต่าง ๆ มากมายแล้วนำไปย่างบนแผ่นเหล็ก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีโชวะที่ 20 (1945) ซึ่งเป็นช่วงหลังสงครามที่มีแต่ความขาดแคลน มงจายากิในยุคนั้นจึงเป็นเพียงอาหารง่าย ๆ ที่มีแค่แป้งละลายน้ำ ใส่โชยุหรือน้ำเชื่อม แล้วนำไปย่างบนแผ่นเหล็ก แต่ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ก็มีการเพิ่มกะหล่ำปลี ปลาหมึกซูรุเมะ รวมทั้งวัตุดิบอื่น ๆ เข้ามา ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ร้านขนมสำหรับเด็กก็เริ่มลดลง ทำให้ไม่ค่อยพบเห็นมงจายากิที่เป็นขนมสำหรับเด็กอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นอาหารสำหรับผู้ใหญ่ที่มักเสิร์ฟตามร้านโอโคโนมิยากิและร้านอิซากายะแทน
ปัจจุบันมงจายากิเป็นอาหารที่หาทานได้ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่แนะนำเป็นย่าน Tsukishima ในเขตจูโอ กรุงโตเกียว ที่นี่ถือเป็นแหล่งของมงจายากิที่มีชื่อเสียงจนมีถนนที่เรียกว่า Monja Street มีร้านมงจายากิมากกว่า 70 ร้านเรียงรายอยู่เต็ม 2 ฝั่งถนน ถ้าได้ไปเที่ยวโตเกียวก็แนะนำให้ไปลองทานกันถึงถิ่นเขาดูนะคะ แต่ถ้ายังไม่มีแพลนไปโตเกียว เราก็จะพาไปทานในกรุงเทพกันก่อน Let’s Go!
มงจายากิในตำนานเจ้าแรกในไทย!
วันนี้เรามากันที่ร้าน Don Don ร้านมงจายากิในตำนานที่มีรีวิวเยอะมาาากกก เพราะเป็นร้านมงจายากิเจ้าแรกในประเทศไทยที่เปิดมากว่า 20 ปี! แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร ตัวร้านหาไม่ยากเดินทางง่ายมาก อยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ใกล้กับสถานีพร้อมพงษ์ เดินเข้าซอยตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอทันที โดยร้านจะอยู่ซ้ายมือ หน้าร้านมีน้องแมว 2 ตัวนอนอ้วนตุ้บต้อนรับ ทีนี้เข้าไปดูข้างในกันเลย!
หน้าร้านอาจจะดูเก่านิดหน่อย ชั้น 1 เป็นโต๊ะนั่งธรรมดา หรือใครอยากจะขึ้นไปนั่งห้องโต๊ะญี่ปุ่นที่ชั้น 2 ก็ได้ค่ะ ก่อนเข้าห้องก็ถอดรองเท้าให้เรียบร้อย ด้านในเป็นห้องแอร์พร้อมพัดลม มีโต๊ะญี่ปุ่น 8 ตัวและปูพื้นด้วยเสื่อทาทามิ บรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นมาก บนโต๊ะจะมีทั้งซอสและอุปกรณ์การทานให้พร้อมเสร็จสรรพ ซึ่งอุปกรณ์ในการทานมงจายากิก็จะมีไม้พายอันใหญ่กับอันเล็ก โดยไม้พายอันเล็กมีชื่อเรียกว่า Hagashi (はがし)
ว่าแล้วก็เริ่มสั่งกันเลยค่ะ แน่นอนว่าต้องสั่งมงจายากิ 1 ที่ ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท เพิ่มเครื่องได้อย่างละ 60 บาท วันนี้เราเลือกใส่หนวดปลาหมึกกับชีส ส่วนอาหารอื่น ๆ ที่สั่งเพิ่มก็จะมีไข่ม้วน 100 บาท เทมปุระผัก 150 บาท หน่อไม้ฝรั่งผัดเนย 120 บาท และโซบะชาเขียว 250 บาท
นั่งรอสักพักอาหารก็เริ่มมา สำหรับมงจายากิพี่พนักงานจะผสมเครื่องทุกอย่างมาให้แล้วและยกมาเสิร์ฟบนเตาร้อน แป้งจะยังดูเหลว ๆ อยู่ รอน้องเดือดสักประมาณ 10-15 นาที จนแป้งเริ่มสุกกรอบก็ทานได้เลย วิธีทานคือเมื่อแป้งสุกแล้วจะต้องใช้ไม้พายอันใหญ่เขี่ยแป้งส่วนที่ยังเหลวให้ลงมาบนเตา แล้วใช้ไม้พายอันเล็กค่อย ๆ แซะส่วนที่สุกแล้วออกมาทาน และแน่นอนว่าทางเรานั้นให้พี่พนักงานทำให้ดีกว่าค่ะ ทำเองกลัวจะเละเทะเสียก่อน
ยิ่งทานกับซอสหวานและมายองเนส รสชาติจะคล้ายโอโคโนมิยากิเลยค่ะ เพียงแค่ตัวแป้งจะออกเหลวกว่า ยิ่งใส่ชีสยืด ๆ ยิ่งฟินนน หรือถ้าใครชอบกรอบ ๆ ก็ตั้งไว้นานขึ้นเล็กน้อย ด้านล่างจะกรอบส่วนด้านบนจะสุกกำลังดี อร่อยมากกก 1 เตาทานได้ประมาณ 2-3 คน เลยค่ะ เป็นอาหารที่เหมาะกับการมาหลายคนฟีลกินไปเมาท์มอยไป แซะแป้งไป เพลินสุด ๆ
เรามาลองอย่างอื่นกันบ้างค่ะ ไข่หวานก็เป็นอีกหนึ่งเมนู Recommend ของที่นี่ที่ต้องสั่ง พอได้ลองก็เชื่อเลยว่าอร่อยจริง หวานกำลังดี กลมกล่อมมาก รสชาติเบา ๆ นุ่ม ๆ ทานง่าย เทมปุระผักก็กรอบ มีผักหลากหลายทั้งกระเจี๊ยบเขียว ใบโอบะ มะเขือม่วง หอมใหญ่ เห็ดออริจิ เห็ดหอม หน่อไม้ฝรั่ง และแครอท หน่อไม้ฝรั่งผัดเนยก็ปรุงรสมาได้เยี่ยมมาก เข้ากันกับมันฝรั่งบด ส่วนโซบะชาเขียวคือให้ปริมาณเยอะมาก ทาน 2-3 คนได้สบาย ๆ เส้นนุ่ม จุ่มไข่แดง จุ่มซอสฉ่ำ ๆ
โดยสรุปแล้วอร่อยทุกอย่างสมคำร่ำลือจริง ๆ ค่ะ รสชาติเน้นความเป็นออริจินัล ไม่ได้ปรุงจัดจ้านเท่าร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโมเดิร์น แถมบรรยากาศของร้านก็ยิ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น สบาย ๆ เหมือนทานที่บ้านญี่ปุ่น ยิ่งเมนูมงจายากิเป็นอาหารท้องถิ่นของโตเกียวที่หาทานในไทยได้ยาก ไม่ค่อยมีร้านไหนทำขายสักเท่าไหร่ ถือว่าดีมากเลยนะคะที่มีร้านนี้ให้เราได้ลองในกรุงเทพ ทั้งอร่อยทั้งสนุกสนาน ถ้าใครชอบทานอาหารญี่ปุ่นรสชาติเบา ๆ ในบรรยากาศเงียบ ๆ ไม่อึกทึกแบบร้านอิซากายะก็แนะนำเลยค่ะ ถึงจะดูเก่าแต่อร่อยจริง คอนเฟิร์ม!!
ข้อมูลร้านอาหาร Don Don
| ที่อยู่ | 1 44-45 ซ. สุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 |
วัน-เวลาเปิดปิด | จันทร์, พุธ-ศุกร์ 11.30-14.00 น. และ 17.30-22.30 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.30-21.30 น.หยุดวันอังคาร |
| Facebook Page |
