ฟุกุชิม่า

จังหวัดฟุกุชิม่า จังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ภูมิภาคโทโฮคุ ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ สถานที่ชมซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสี รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างเมืองไอสึ วาคามัตสึ ถ้าพร้อมแล้วก็เก็บกระเป๋าไปลุยพร้อม ๆ กันเลย!

1.ทะเลสาบอินาวาชิโระ

ทะเลสาบอินาวาชิโระ

ทะเลสาบน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่บริเวณภูเขาบันได ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟข้าง ๆ ภูเขาบันได ทำให้น้ำในทะเลสาบยังคงความเป็นกรดอ่อนๆ อยู่ และด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีพืช หรือ สัตว์น้ำภายในทะเลสาบแห่งนี้เลย แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลนะคะ ว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกายรึเปล่า เพราะน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ค่ะ

นอกจากนี้เรายังสามารถสนุกกับกิจกรรมได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกีฬาทางน้ำ เล่นเรือใบ ปั่นจักรยาน ปีนภูเขา หรือแม้แต่ในช่วงฤดูหนาวก็สามารถเล่นสกี และสโนว์บอร์ดได้ด้วย เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน – เดือนเมษายนเพื่อน ๆ จะได้พบกับฝูงหงส์กว่า 3,000 ตัว ที่อพยพมาอยู่ทะเลสาบแห่งนี้ เล่นน้ำอย่างสนุกสนานกันด้วย อีกทั้งเพื่อน ๆ ยังสามารถเห็นภาพสะท้อนของภูเขาบันไดสะท้อนกับทะเลสาบแห่งนี้ เป็นภาพที่สวยงามราวกับภาพวาดเลยล่ะค่ะ ทำให้ที่นี่เป็นที่รู้จักกันอีกชื่อว่า กระจกแห่งสวรรค์ นั่นเอง

ทะเลสาบอินาวาชิโระ (猪苗代湖)

ที่อยู่Fukushima, Japan
เว็บไซต์เพิ่มเติมbandaisan
วิธีเดินทางจากสถานี Inawashiro นั่งสาย Banetsu West Line แล้วไปต่อรถไฟ Tohoku Shinkansen Bullet Train สาย Tohoku line ที่สถานี Okoriyama Station

2. หมู่บ้านโบราณโออุจิ จูกุ

หมู่บ้านโบราณโออุจิ จูกุ

ย้อนเวลากลับสู่สมัยเอโดะ ที่นี่เปรียบเสมือนสถานที่พักแรมของเหล่าซามูไร พ่อค้า นักเดินทางทั้งหลาย ซึ่งเป็นถนนยาวกว่า 500 เมตร ยาวไปถึงจังหวัดนีงาตะเลยละ ตลอดสองข้างทางเพื่อน ๆ จะเห็นบ้านแบบโบราณที่เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นในสมัยก่อน คือมีการมุงหลังคาด้วยหญ้าหนา ๆ เรียงรายตลอดสองฝั่ง

แม้ปัจจุบันที่หมู่บ้านโบราณโอะอุชิ จูกุจะได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นสถานที่สำหรับเดินเล่น ชอปปิ้ง ขายของที่ระลึก สินค้าพื้นเมือง รวมถึงร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่น ถ้าหากเพื่อน ๆ เห็นชาวบ้านกำลังนำผัก หรือเครื่องดื่มไปแช่ในทางน้ำไหลละก็ ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะนี่คือวิถีชีวิตจริง ๆ ของคนที่นี่ แถมน้ำยังใสสะอาดมาก ๆ รับรองได้เลยว่าได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนอย่างเต็มที่ ยิ่งถ้าคนไหนมีโอกาสมาเที่ยวช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะตรงกับเทศกาลฮันเกะ จะได้เห็นขบวนพาเหรดแต่งตัวแบบโบราณ ซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 2 ของเดือนกรกฎาคม หรือถ้าฤดูหนาวก็จะตรงกับเทสกาลโออูจิ ยะโดะ ยูกิ มัตสึริ ชาวบ้านจำนำโคมที่ทำเองมาจุดไฟวางไว้หน้าบ้าน มีการจุดพลุฉลอง อลังการสุด ๆ ไปเลยละค่ะ ซึ่งงานนี้จะจัดขึ้นทุกปีในสัปดาห์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์

หมู่บ้านโบราณโออุจิ จูกุ (大内宿)

ที่อยู่Ouchi, Shimogo, Minamiaizu District, Fukushima 969-5207, Japan
เวลาทำการ09.30 น. – 16.30 น.
ค่าเข้าชม– ผู้ใหญ่ 250 เยน
– เด็ก 150 เยน
เว็บไซต์เพิ่มเติมmisawaya
วิธีเดินทางจากสถานี Sendai โดยนั่ง Shinkansen Yamabiko ไปสถานี Koriyama นั่งรถไฟสาย JR Ban etsu Saisen ไปสถานี Aizu wakamatsu แล้วนั่งรถไฟสาย Aizu ไปสถานี Yunokami Onsen หลังจากนั้นต่อแท็กซี่ไปอีกประมาณ 15 นาที

3. ปราสาทซึรุกะ

ปราสาทซึรุกะ

แต่เดิมปราสาทนี้มีชื่อว่าปราสาทคุโระคะวะ มีทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน ทว่าปัจจุบันมีการปรับให้เหลือเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ถึงแม้จะได้รับการบูรณะใหม่ แต่ที่นี่ก็ยังคงความเป็นปราสาทดั้งเดิมของญี่ปุ่นเอาไว้ด้วยการปูกระเบื้องสีแดงบนหลังคา สาเหตุที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทนกกระเรียน นั่นก็เพราะว่า ซึรุกะ ภาษาญี่ปุ่นแปลว่า นกกระเรียน นั่นเอง

ภายในปราสาทซึรุกะแห่งนี้ยังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เพื่อน ๆ ศึกษาความเป็นมา รวมถึงวิถีชีวิตของเหล่าซามูไร ข้าวของเครื่องใช้ ศิลปะและวัฒนธรรมในสมัยก่อน หากขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวปราสาท เพื่อน ๆ จะได้มาสูดบรรยากาศด้านบน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาบันไดได้อีกด้วย นอกจากนี้บริเวณสวนภายในปราสาทยังมีเรือนน้ำชารินคะคุ ที่ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีชงชา สามารถแวะมาจิบชาที่นี่ได้ รวมถึงแวะทานอาหารท้องถิ่นของที่นี่ได้ที่ Tsurugajo Kaikan ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อน ๆ จะได้ชมดอกซากุระกว่า 1,000 ต้น ภายในสวนของปราสาทแห่งนี้ด้วย

ปราสาทซึรุกะ (鶴ヶ城)

ที่อยู่1-1 Otemachi, Aizuwakamatsu, Fukushima 965-0873, Japan
เวลาทำการ8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชมคนละ 410 เยน
เว็บไซต์เพิ่มเติมtsurugajo
วิธีเดินทางจากสถานี JR Koriyama ขึ้นรถไฟสาย JR Banetsu Saisen แล้วลงที่สถานี JR Aizuwakamatsu แล้วต่อด้วยรถบัสไปลงที่ป้าย Tsuruga Kitaguchi  แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย

4. ทะเลสาบโกชิคินุมะ

ทะเลสาบโกชิคินุมะ

ที่นี่คือทะเลสาบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบันได ทำให้เกิดเป็นบ่อแอ่งเล็ก ๆ มากมาย รวมถึงทะเลสาบแห่งนี้ด้วย สาเหตุที่ทะเลสาบสามารถเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ได้ เพราะในน้ำมีกรดที่ทำปฏิกิริยากับหินภูเขาไฟทำให้เราสามารถเห็นสีของน้ำเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว โดยเฉพาะแอ่งขนาดใหญ่อย่างทะเลสาบบิชามง ในแต่ละวันจะมีสีสันแตกต่างกันออกไป หากวันไหนฟ้าโปร่งก็จะเป็นสีฟ้าไม่ก็สีเขียวมรกตสวยงามมาก ๆ ยิ่งวันไหนฟ้าครื้มก็จะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนตอนพระอาทิตย์ตกดินก็เป็นสีแดง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ และการทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในน้ำด้วย

ที่นี่ยังมีชื่อเรียกตามตำนานว่า ทะเลสาบเบ็นเท็น ซึ่งชื่อนี้อิงมาจากเทพเจ้าแห่งอักษร และดนตรี ตามตำนานพื้นบ้านสมัยก่อน หากเพื่อน ๆ ต้องการชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี หรือดอกซากุระ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่แจ๋วสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ อย่าลืมพกข้าวกล่องมาปิคนิคกันด้วยนะ เพราะบรรยากาศมันน่าปูเสื่อทานข้าวจริง ๆ

ทะเลสาบโกชิคินุมะ (五色沼)

ที่อยู่Kengamine Hibara, Kitashiobara, Yama District, Fukushima 966-0501, Japan
เว็บไซต์เพิ่มเติมurabandai
วิธีเดินทางนั่งรถบัส Bandai Higashi Miyako Bus จากสถานี Inawashiro (JR Ban etsu Saisen Line / Ban etsu West Line) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง Goshikinuma ที่ป้าย Urabandai kogen eki หรือ ป้าย Goshikinuma Iriguchi eki

5. ศาลเจ้าชินกุ คุโมโนะ

ศาลเจ้าชินกุ คุโมโนะ

นี่คือศาลเจ้าของเหล่านักบวชผู้เคร่งครัดในสมัยก่อน ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบ ทำให้รับรู้ได้เลยว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ และเมื่อเพื่อน ๆ เข้ามาในศาลเจ้าจะพบกับต้นแปะก๊วยยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาเหลืองอร่ามไปทั่วบริเวณนั้น ซึ่งต้นแปะก๊วยยักษ์นี้มีอายุกว่า 800 ปีเชียวนะ

เมื่อมาถึงที่นี่ก็ต้องเข้าไปสักการะภายในศาลานากาโตโกะ ที่ทำเป็นลักษณะเปิดโล่ง มีเพียงเสาและหลังคาเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่สะท้อนความคิดแบบเรียบง่าย ไม่ยึดติดกับเครื่องประดับตกแต่ง ดังนั้นที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่สำหรับนักบวชผู้มีใจฝักใฝ่ในศาสนาอย่างเคร่งครัดนั่นเอง นอกจากนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นหม้อทองแดง ซึ่งในอดีตใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำพิธีปลุกเสกข้าว ก่อนที่จะนำไปถวายแด่เทพเจ้า และเนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมโบราณ และเป็นที่ตั้งของต้นไม้ยักษ์เก่าแก่ จึงทำให้ได้รับการยกย่องเป็นสมบัติชาติอีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นด้วย

ศาลเจ้าชินกุ คุโมโนะ (新宮熊野神社)

ที่อยู่Kumano-2258 Keitokumachi Shingu, Kitakata, Fukushima 966-0923, Japan
เวลาทำการ8.00-17.00

ในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม-มีนาคม)
9:00-16:00 น. (เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

*วันธรรมดารับทัวร์แบบหมู่คณะโดยการจองเท่านั้น
ค่าเข้าชม– ผู้ใหญ่ 300 เยน
– มัธยมปลาย 200 เยน

*เด็กนักเรียนมัธยมต้นและเด็กเล็กเข้าฟรี
เว็บไซต์เพิ่มเติมkitakata-kanko
วิธีเดินทางจากสถานี JR Kitakata Station ให้ขึ้นรถไฟสาย JR Banetsu Saisen ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือจะนั่งแท็กซี่ก็ได้

6. สวนสาธารณะฮานะมิยามะ

สวนสาธารณะฮานะมิยามะ

เทศกาลชมดอกไม้ ถือเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญของชาวญี่ปุ่น ในการพบปะสังสรรค์กันของคนในครอบครัว มิตรสหาย หรือคู่รัก ที่พากันมาเดินชมเหล่าดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่ง พร้อมนั่งทานข้าวกล่อง เป็นปิคนิคเล็กๆ และพูดคุยกัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ถ้ามาถึงญี่ปุ่นแล้วต้องไม่พลาด โดยเฉพาะที่สวนสาธารณะฮานะมิยามะแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เพื่อนๆ สามารถเดินชมดอกซากุระมากกว่า 10 สายพันธุ์ ทั้งดอกซากุระสีขาว สีชมพู และดอกไม้ต่าง ๆ อีกกว่า 70 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นดอกบ๊วย ดอกแมกโนเลีย  ที่นี่จึงกลายเป็นหุบเขาดอกไม้ที่สวยงามสุดๆ เลยล่ะค่ะ

ถ้าหากเพื่อน ๆ ต้องการมาชมดอกซากุระที่ฮานะมิยามะ สามารถมาได้ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่ง ถ้าเป็นดอกไม้ชนิดอื่นเพื่อน ๆ ก็สามารถมาชมได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมเลยล่ะค่ะ แถมที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วย

สวนสาธารณะฮานะมิยามะ (花見山公園)

ที่อยู่Japan, 〒960-8141 Fukushima, Watari, Hara−17
เวลาทำการเปิดตลอดเวลา
ค่าเข้าชมไม่มี
เว็บไซต์เพิ่มเติมhanamiyamakoen
วิธีเดินทางจาก Fukushima Station มี Shuttle bus หมายเลข 6 ไปยัง Hanamiyama ในช่วงฤดูใบไม้ผลิด้วย โดยรถบัสจะออกทุก ๆ 15-30 นาที

7. อุทยานแห่งชาติโอเซะ

อุทยานแห่งชาติโอเซะ

เพื่อน ๆ คนไหนชื่นชอบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก ป่าไม้ อุทยานแห่งชาติโอเซะคือสวรรค์ของเพื่อนๆ เลยล่ะ เพราะที่นี่กว้างใหญ่ครอบคลุมถึง 4 จังหวัด คือ จังหวัดฟุกุชิม่า โทจิงิ นีงะตะ และกุนมะ เราจึงสามารถกางเตนท์ค้างคืน เดินป่าสำรวจเส้นทางธรรมชาติ ศึกษาพันธุ์พืช และสัตว์ต่าง ๆ ชื่นชมความงามของเหล่าดอกไม้ธรรมชาติ รวมถึงบึงน้ำที่ว่ากันว่าตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ยิ่งถ้าได้มีโอกาสมาช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ที่นี่จะพร้อมใจกันเบ่งบาน ทั้งดอกลิลลี่ ดอกกะหล่ำเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

เส้นทางการเดินป่าของที่นี่ก็มีให้เลือกถึงสองแบบคือ เส้นทางจาก ฮะโตะมะชิโตะเงะ ที่นิยมมาเพื่อชมดอกไม้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และ เส้นทางโอเซะนุมะ ที่เดินเลียบไปรอบบ่อน้ำ หรือใครอยากได้แอดเวนเจอร์กว่านี้ก็มีเส้นทางปีนเขาให้เพื่อน ๆ ได้ไปท้าทายความสามารถกันด้วย

อุทยานแห่งชาติโอเซะ (尾瀬国立公園)

ที่อยู่Katashina, Tone District, Gunma 378-0411, Japan
เวลาทำการเปิดตลอดเวลา
ค่าเข้าชมไม่มี
เว็บไซต์เพิ่มเติมenvgo
วิธีเดินทางจากฟุกุชิม่า เพื่อน ๆ สามารถนั่งรถบัสจาก Aizu-Tajima Station สาย Aizu Railway Line ที่ผ่านเส้นทาง Miike ไปยัง Numayamatoge รถบัสจะออกวันละ 4 รอบ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

8. อความารีน ฟุกุชิม่า

อความารีน ฟุกุชิม่า

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีอ่างขนาดใหญ่ 2,050 ตัน หรือที่เรียกกันว่า ทะเลชิโอเมะ ซึ่งอ่างน้ำแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นรูปสามเหลี่ยม ถือเป็นอ่างน้ำสามเหลี่ยมแห่งแรกของโลกอีกด้วย ส่วนน้ำที่ไหลวนอยู่ภายในทะเลชิโอเมะนั้นมาจากมหาสมุทรคุโรชิโอะทางทิศใต้ และ โอยาชิโอะทางทิศเหนือ ดังนั้นที่นี่จึงแบ่งออกเป็นสองกระแสน้ำ

เพื่อน ๆ สามารถเห็นปลาหลากหลายชนิดที่อยู่คนละกระแสน้ำได้อย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นความพิเศษของที่นี่คือ มีการจัดระบบนิเวศใหม่สำหรับสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และสามารถนำไปศึกษาเกี่ยวกับพันธุ์สัตว์ทะเล รวมถึงพืชทางทะเลอื่น ๆ อีกด้วย ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีโชว์การแสดงโลมา หรือแมวน้ำ แต่เพื่อน ๆ ก็สามารถสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลยามค่ำคืนได้

อความารีน ฟุกุชิม่า (環境水族館)

ที่อยู่Tatsumicho-50 Onahama, Iwaki, Fukushima 971-8101, Japan
เวลาทำการ 09.00-17.30 น.

*ปิดทำการทุกวันอังคารที่ 3 ของเดือน รวมถึงวันที่ 1 มกราคมของทุกปี
ค่าเข้าชมคนละ 1,600 เยน
เว็บไซต์เพิ่มเติมaquamarine
วิธีเดินทางนั่งรถบัส Onahama /Ena จากสถานีอิซูมีแล้วลงที่ป้าย Shisho-guchi หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

9. อะดาตาระ สกีรีสอร์ท

อะดาตาระ สกีรีสอร์ท

อะดาตาระ สกีรีสอร์ท เป็นสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาอาดาตาระ  ซึ่งที่นี่มีเนินเขายาวถึง 1,800 เมตร ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยละค่ะ ถ้าที่นี่จะกลายเป็นลานสกีที่น่าจับตามองอีกแห่งหนึ่ง สำหรับนักเล่นสกีทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมือโปรที่ผ่านมาแล้วทุกสนามแข่ง หรือคนที่เล่นสกีไม่เป็นเลย ที่นี่ก็มีคอร์สสอนสกี พร้อมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เช่าด้วย นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านอาหาร รวมถึงออนเซ็นให้นักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการเล่นสกีมาผ่อนคลายกล้ามเนื้อกันด้วย

และถ้าหากใครอยากชมวิวของภูเขาอาดาตะระแบบวิวพาราโนม่าละก็ ที่นี่ก็มีกระเช้าลอยฟ้ากอนโดล่าที่จุได้ถึง 6 คนคอยให้บริการด้วย รวมทั้งโซนอื่น ๆ อย่าง Chair Lift, T-bar Lift, Ski Center และ Kid Park สำหรับคุณหนู ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะมากับแก๊งเพื่อน หรือครอบครัวก็สามารถสนุกกับที่นี่ได้เช่นกัน

อะดาตาระ สกีรีสอร์ท (安達太良山のスキー場)

ที่อยู่Japan, 〒964-0075 Fukushima, Nihommatsu, 永田字長坂国有林
เวลาทำการเปิดเฉพาะช่วงฤดูหนาวตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนเมษายน
ค่าเข้าชม– ผู้ใหญ่ 3,200 เยน
– นักเรียนมัธยม 2,800 เยน
– เด็กประถม 850 เยน

*ค่าเช่าอุปกรณ์สกี สโนว์บอร์ดและเสื้อผ้า 3,100 เยน
เว็บไซต์เพิ่มเติมadatara-resort
วิธีเดินทางจากโตเกียว นั่งรถไฟสาย โทโฮคุ ชินคันเซ็น ที่สถานีรถไฟโตเกียวแล้วลงที่สถานีรถไฟ JR โคริยะมะ ต่อด้วยรถชัตเติลบัสของทางสกีรีสอร์ท ใช้เวลาประมาณ 80 นาที

10. ปราสาทริกะจัง

ริกะจัง หรือ ริกะ คายามะ ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ถ้าหากเอ่ยปากถามคนญี่ปุ่นแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน หรือที่บ้านเราเรียกกันว่าตุ๊กตาบาร์บี้ แต่เป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งออกวางขายในปี ค.ศ.1967 จนกลายเป็นที่นิยมของเด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญปราสาทริกะจังแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานที่ผลิตพวกเธออีกด้วย ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ที่เมืองโอโนะ จังหวัดฟุกุชิม่า

ภายในปราสาทเพื่อน ๆ สามารถทัวร์โรงงานตุ๊กตา ชมขั้นตอนการผลิตตุ๊กตาริกะจัง และยังได้เห็นตุ๊กตาริกะจังตั้งรุ่นแรกยันรุ่นปัจจุบัน รวมถึงประวัติเกี่ยวกับครอบครับคายามะ วิวัฒนาการต่าง ๆ และสำหรับคุณหนู ๆ ยังมีโซนอื่น ๆ ให้ร่วมสนุกอีก ทั้งยังสามารถทดลองใส่ชุดของริกะจังได้ด้วย นอกจากนี้ใครที่เป็นนักสะสมตุ๊กตาริกะจังละก็ ที่นี่ก็มีตุ๊กตาริกะจัง และครอบครัว รวมถึงอุปกรณ์แต่งตัวต่าง ๆ  เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า วางขายด้วย อยากได้ของแท้ Made in Japan ต้องซื้อที่โรงงานปราสาทริกะจังเท่านั้นค่ะ ที่สำคัญตอนกลางคืนในช่วงฤดูหนาวยังมีไฮไลต์พิเศษเปิดไฟประดับเพิ่มความสวยงามโรแมนติกให้กับตัวปราสาทแห่งนี้อีกด้วย

ปราสาทริกะจัง (リカちゃんキャッスル)

ที่อยู่Japan, 〒963-3401 Fukushima, Tamura District, Ono, 小野町小野新町中通51−3
เวลาทำการ10.00 – 16.00 น.
ค่าเข้าชม– ผู้ใหญ่ 700 เยน
– เด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป 500 เยน

*เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เข้าฟรี
เว็บไซต์เพิ่มเติมliccacastle
วิธีเดินทางเดินจากสถานี โอโนะ ชินมาชิ ประมาณ 10 นาที บนเส้นทาง JR บันเอ็ทสึ

แม้จังหวัดฟุกุชิม่า จะเป็นที่รู้จักในเรื่องภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมื่อปี 2011 แต่ปัจจุบันที่นี่ก็ได้รับการฟื้นฟูจนกลายเป็นอีกหนึ่งจังหวัดน่าเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติ เที่ยวได้ทุกฤดูจริง ๆ ไหน ๆ ก็มาถึงที่นี่แล้วเพื่อน ๆ ต้องไม่พลาดเที่ยวงานเทศกาลฟุรุซาโตะ โนะ ยุกิมัทสึริ เทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดฟุกุชิม่า และ เทศกาลแห่งไฟสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญ หรือจะไปชมวิวสวย ๆ ของหมู่บ้านแห่งหมอกที่ได้ชื่อว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งญี่ปุ่น แล้วอย่าลืมแชะภาพมาอวดกันบ้างนะ !

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า