ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงยังไงก็มีความรักสวยรักงามอยู่ในตัวไม่ว่าจะยุคสมัยใดก็ตาม ในปัจจุบันเรามีเครื่องสำอางให้เลือกใช้มากมายหลายออฟชั่นจนแทบจะเลือกไม่ถูก งั้นเราลองไปดูกันค่ะว่าสาว ๆ สมัยเอโดะเขาใช้เครื่องสำอางแบบไหนและมีเทคนิคการแต่งหน้าอย่างไรบ้าง จะเหมือนกับสมัยนี้หรือเปล่านะ
เทคนิคแต่งหน้าปกปิดจุดบกพร่อง
3 สีสำคัญที่ขาดไม่ได้
ในสมัยเอโดะเครื่องสำอางที่สาว ๆ ใช้จะมีเพียง 3 สี คือสีขาว สีดำ และสีแดง (สีเบนิ) สีแดงเป็นสีสันเดียวในบรรดาสีทั้งหมด จึงนำมาใช้กับหลายส่วนในการแต่งหน้า ทั้งตา แก้ม ปาก และเล็บ บางครั้งยังใช้เป็นเมคอัพเบสอีกด้วย ถือเป็นสีสำคัญที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับใบหน้าของผู้หญิงได้เป็นอย่างดี
ใบหน้า
สมัยเอโดะมีหนังสือชื่อ Youganbienkou (容顔美艶考) ซึ่งถือเป็นแม็กกาซีนสอนวิธีการแต่งหน้าเพื่อปกปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้าให้กับสาว ๆ อย่างเช่น หากมีใบหน้ายาวให้ทาแป้งสีขาวบาง ๆ บนใบหน้าและทาแป้งในปริมาณที่เท่ากันที่ใบหู เพราะหากแป้งบนใบหน้าและใบหูมีความหนาบางต่างกันจะไม่น่าดู หรือหากต้องการเน้นให้ส่วนไหนดูเด่นดูพุ่งให้ลงแป้งบริเวณนั้นหนา ๆ และหากต้องการกลบส่วนไหนให้ดูดรอปลงให้ทาแป้งบริเวณนั้นบาง ๆ วิธีการปกปิดความไม่สมบูรณ์ด้วยความหนาแน่นของแป้งจะว่าไปก็คล้ายกับการลงคอนทัวร์กับไฮไลต์ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมิติความตื้นลึกหนาบางให้กับใบหน้า
ดวงตา
ในขณะที่สาว ๆ ยุคปัจจุบันชื่นชอบดวงตากลมโต แต่สาวเอโดะนิยมดวงตาที่เล็ก ดังจะเห็นได้จากภาพอุคิโยเอะหรือภาพพิมพ์สมัยโบราณที่ผู้หญิงมักมีดวงตาเล็กเรียว ซึ่งในหนังสือก็ได้แนะนำวิธีแต่งตาไว้ว่าให้ใช้สีแดงแต่งขอบตาเหมือนอายแชโดว์ เบลนด์ออกไปเยอะ ๆ จะช่วยให้ดวงตาดูเล็กลง การทาสีแดงที่ขอบตามีต้นกำเนิดมาจากการแต่งหน้าของนักแสดงละครคาบูกิ แต่เมื่อมีผู้หญิงในเมืองแต่งเลียนแบบก็กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
จมูก
สมัยนี้ใคร ๆ ก็ชอบจมูกโด่ง แต่สมัยเอโดะกลับมองว่าผู้หญิงจมูกโด่งเกินไปก็ไม่น่าดึงดูด วิธีแก้ก็คือการใช้แป้งสีขาวมาคอนทัวร์ ทาแป้งสีขาวหนา ๆ บนบริเวณอื่นที่ไม่ใช่จมูกและทาบาง ๆ เฉพาะที่จมูกเท่านั้นจะทำให้จมูกดูโด่งน้อยลง ในทางกลับกันหากจมูกแบนเกินไปก็ไม่สวย ในกรณีนี้ให้ทาสีแดงบาง ๆ ที่ข้างจมูกจะช่วยให้ปลายจมูกดูขาวและจมูกดูโด่งขึ้นได้
ปาก
อีกหนึ่งเทรนด์มาแรงในยุคปัจจุบันคือริมฝีปากอวบอิ่มน่าจุ๊บ แต่สมัยนั้นสาว ๆ เขานิยมปากเล็ก ๆ บาง ๆ มากกว่า หากใครที่มีริมฝีปากหนาก็ให้กลบด้วยแป้งสีขาวและทาสีแดงข้างในเล็กน้อยเพื่อให้ปากดูเล็กน่ารัก วิธีการกลบปากนี้ก็คล้ายกับวิธีการในสมัยปัจจุบันเช่นกัน
แก้ม
ผสมแป้งสีขาวกับสีแดงเข้าด้วยกันให้เป็นบลัชออน บางครั้งก็ใช้สีแดงทาตั้งแต่รอบดวงตาจนถึงแก้มแล้วค่อยลงแป้งสีขาวทับเพื่อป้องกันความหมองคล้ำและปรับผิวให้สว่างขึ้น คล้ายกับเป็นเมคอัพเบสนั่นเอง
เล็บ
เพิ่มความจี๊ดเข้าไปอีกด้วยการทาเล็บสีแดงหรือสีจากดอกโฮเซ็นกะ วาดลวดลายให้สวยงาม
เคล็ดลับความขาวใสด้วย “ตะกั่ว”
นอกจากการเพิ่มสีสันให้ใบหน้าด้วยการแต่งหน้าแล้ว การดูแลผิวให้ขาวสวยดูดีเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะในสมัยนั้นมีค่านิยมว่าขาวไว้ก่อนดีที่สุด และเคล็ดลับความขาวนั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Tou no Tsuchi (唐の土) หรือตะกั่วนั่นเอง สาวเอโดะจะนำผงวิเศษนี้ไปละลายน้ำจนเป็นเนื้อครีม พอกหน้าก่อนนอนแล้วล้างออกตอนเช้าก็จะทำให้หน้าขาวผ่องเป็นยองใยเปรียบเสมือนการมาสก์หน้า ซึ่งก็ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าผู้คนในสมัยก่อนยังไม่รู้ถึงอันตรายจากการใช้สารตะกั่ว แต่เนื่องจากใช้แล้วขาวเร็วทันใจให้ผลลัพท์ที่ดีจึงทำให้มีการใช้สารตะกั่วกันอย่างแพร่หลาย
ไม่ว่าภารกิจในชีวิตประจำวันจะยุ่งแค่ไหน สาว ๆ เอโดะก็ไม่ละความพยายามที่จะแต่งหน้าแต่งตาให้ดูสวยเสมอ แถมเทคนิคบางอย่างที่ใช้ในปัจจุบันก็มีมาตั้งแต่ 200 กว่าปีที่แล้ว สุดยอดมาก ๆ เลยนะคะ ^^
สรุปเนื้อหาจาก mag.japaaan, isehan honten