ก่อนจะเริ่มเรามาเช็คกันก่อน คุณคือคนที่อยากนั่งรถไฟเที่ยวญี่ปุ่นหรือเปล่า? อยากได้วิวสวย ๆ ? ชิมอาหาร Local อร่อย ๆ ประจำท้องถิ่น? ถ้าคำตอบของทั้งหมดนี้คือ “ใช่” ล่ะก็ เพื่อน ๆ ไม่เสียเวลาเปล่ากับบทความนี้แน่นอน เพราะเราจะมาป้ายยา 2 รถไฟ Joyful Train (รถไฟท่องเที่ยวที่มีธีมเฉพาะตัว) ที่ตอบโจทย์สุด ๆ ได้แก่ KAIRI และ Koshino Shu*Kura แห่ง JR EAST ที่วิ่งให้บริการในพื้นที่จังหวัดนีงาตะ จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าผลิตข้าวที่อร่อยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น!
KAIRI: Joyful Train ที่เสิร์ฟอาหารรสเลิศแห่งนีงาตะ
เรามาตั้งต้นกันที่อาหารกับ KAIRI (海里) รถไฟ Joyful Train ที่มีธีมคือ “ทะเลและอาหารท้องถิ่นแห่งนีงาตะและโชไน” ซึ่งแน่นอนว่าไฮไลท์ของรถไฟอยู่ที่วิวทะเลสีฟ้าสวยงามและอาหารท้องถิ่นรสเลิศจากท้องถิ่นดังกล่าว ตัวขบวนรถไฟเป็นสีส้มไล่เฉดไปยังสีขาวที่สื่อถึงพระอาทิตย์ตกดินและหิมะขาวสะอาดแห่งจังหวัดนีงาตะ โดยจังหวัดนีงาตะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีหิมะตกหนักที่สุดในญี่ปุ่นจนได้ฉายา “ดินแดนแห่งหิมะ (雪国)” และหิมะซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำสะอาดนี้เองที่เป็นปัจจัยเบื้องหลังข้าวที่อร่อยของนีงาตะ
แม้ว่า KAIRI จะเป็นรถไฟที่ใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) จองที่นั่งล่วงหน้าเพื่อโดยสารได้ฟรี แต่ถ้าจะให้อร่อยสุด ๆ บน KAIRI ล่ะก็ ยังไงก็ต้องจัด Meal Package (13,400 เยน) ให้ได้ โดย Meal Package จะให้เราเข้าไปนั่งในตู้รถคันที่ 4 ของ KAIRI ที่มีที่นั่งกว้างสบาย และทุกที่นั่งจะเห็นวิวนอกหน้าต่างบานกว้างของรถไฟได้ชัดเจน
แน่นอนว่านอกจากนี้เราจะได้เซ็ตอาหารพิเศษ Limited เฉพาะ KAIRI ด้วย ซึ่งในขาออกทางรถไฟจะเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นที่ผลัดกันปรุงโดยร้านเรียวเท (料亭) ชื่อดัง 3 แห่งในจังหวัดนีงาตะ และในขาเข้าจะเปลี่ยนเป็นอาหารอิตาเลี่ยนที่อร่อยไม่แพ้กัน ซึ่งที่ทีมงานไปลองมานั้นเป็น Meal Package บนรถไฟขาออกพอดี เลยได้ลองอาหารญี่ปุ่นฝีมือร้านเรียวเท ซึ่งจะอร่อยขนาดไหนนั้น มาดูกัน!
หลังจากที่รถไฟออกจากสถานีได้ไม่นาน พนักงานบนรถไฟจะมารับออเดอร์เครื่องดื่มที่มี 3 ตัวเลือกให้เลือกกัน ได้แก่ Echigo Beer หรือสาเก หรือเซ็ต Yukiiro Soda พร้อมชาเขียว Yukiguni ครบสำหรับทั้งคนที่อยากอร่อยกับอาหารชิว ๆ และคนที่อยากจับคู่อาหารกับแอลกอฮอล์ท้องถิ่นรสเลิศของนีงาตะ
จิบเครื่องดื่มให้คอชุ่ม ๆ วอร์มอัพกันเรียบร้อยก็ได้เวลาของอาหารที่เป็นตัวเอกของรถไฟแล้ว และแค่เห็นกล่องเบ็นโตะก็ว้าวแล้ว เพราะตัวกล่องเป็นกล่องไม้ 2 ชั้นที่มีฝาเป็นงานไม้สลักลายประณีตมาก ๆ ถามว่าตื่นเต้นเบอร์ไหน คงเหมือนความรู้สึกตื่นตาตื่นใจเวลาเห็นกล่องดินสอ 2 ชั้นดีไซน์ฉูดฉาดตอนสมัยเรียนประถมประมาณนั้น เอาล่ะ ลองมาเปิดฝากัน
ชั้นบนประกอบด้วยบรรดากับข้าวเบา ๆ เช่นเนื้อปลาย่าง ไข่หวาน ผักดอง มะเขือเทศฉ่ำซอสเยลลี่หวานเป็นต้น ส่วนชั้นล่างเป็นเมนูที่หนักท้องขึ้นมาหน่อยเช่นข้าวปั้นหน้าปลาไหลย่างและหมูสามชั้นตุ๋นรวมกับผัก ถึงจะมีกระดาษเมนูเล็ก ๆ ลิสต์รายชื่อให้เรารู้ว่าทั้งกล่องมีอะไรบ้าง แต่พอเริ่มคีบอาหารเข้าปากก็เริ่มไม่ได้รับรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง เพราะอร่อยทุกอย่าง! และไม่มีอะไรที่กินไม่ได้เลย!
ถ้าให้รีวิวด้วยประโยคเดียว ก็คงบอกได้แค่ว่า “คีบเลย อร่อยทุกอย่าง” จะค่อย ๆ คีบกินไปทีละช่อง หรือจะคีบกินจากช่องนั้นทีช่องนี้ทีก็ได้รสชาติกลมกล่อมลงตัวหมด เหมือนทั้งกล่องเบ็นโตะนี้แพ๊คทุกรสชาติอุมามิสไตล์ญี่ปุ่นแท้มาให้ลองแล้ว โดยเฉพาะข้าวปั้นที่มาคู่กับเนื้อปลาไหลนั้นหอมนุ่มเคี้ยวหนุบเต็มปากเต็มคำ สมกับที่เป็นอาหารตัวแทนแห่งจังหวัดนีงาตะอย่างแท้จริง
และที่ทำให้อาหารรสเลิศนั้นอร่อยฟ้าประทานยิ่งขึ้นไปอีกก็คือวิวทะเลสีฟ้าใสที่เห็นได้เต็มตาอยู่นอกหน้าต่าง แม้ว่าวันที่ไปจะเป็นวันฟ้าครึ้มที่มีเมฆขมุกขมัวแต่ทะเลก็ยังมีเฉดสีฟ้าสวยให้เห็นอยู่
ถ้าเพื่อน ๆ คิดว่าความอร่อยของ KAIRI จะหมดอยู่แค่นี้ ขอบอกเลยว่ายังจ้า เพราะกินคาวแล้วจะไม่กินหวานได้ไง! หลังจากที่อาหารทั้งหมดย้ายจากกล่องเบ็นโตะลงกระเพาะเรียบร้อยแล้ว พนักงานก็ยกเซ็ตของหวานมาเสิร์ฟให้ โดยมีไอศกรีมหวานชื่นใจมาคู่กับองุ่น Shine Muscat ลูกโตหวานฉ่ำหั่นพอดีคำ ส้ม และโกจิเบอร์รี่
แต่ถ้ายังรู้สึกว่าไม่พอ รอตอนที่รถไฟแวะจอดที่สถานี JR Kuwagawa กันนะ เพราะที่นั่นจะมีซอฟต์ครีม Sea of Japan รอเราอยู่ ซอฟต์ครีมที่ว่านี้เป็นของลิมิเต็ดสุด ๆ เพราะจะมีจำหน่ายเป็นเวลาสั้น ๆ แค่ในช่วง 20-30 นาทีที่รถไฟ KAIRI แวะจอดที่สถานีนี้เท่านั้น เพราะงั้นห้ามพลาดเลย! นอกจากนี้ สถานีนี้จะมีจุดที่ให้เราลงไปชมทะเลได้ใกล้ ๆ อีกด้วย พอได้ตักซอฟต์ครีมนี้เข้าปากพร้อมรับลมทะเลสดชื่นด้วยล่ะก็ ไม่ต้องเอาตัวลงไปกระแทกน้ำทะเลก็ฟินแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าซอฟต์ครีมตัวนี้เป็นรสชาติอะไรนั้น ขออุบไว้ก่อนนะ แต่อร่อยแน่นอน ใคร ๆ ก็กินได้ชัวร์
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังหาอาหารอร่อย ๆ เติมทริปให้คอมพลีทล่ะก็ มาขึ้นรถไฟ KAIRI ไม่มีผิดหวังแน่นอน! ส่วนอาหารอิตาเลี่ยนที่เสิร์ฟบนรถนั้นอร่อยขนาดไหน ไว้โอกาสหน้าจะขึ้นรถแล้วมาป้ายยาเพื่อน ๆ กันต่อไปให้ได้เลย
อ่านรีวิว KAIRI และสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางของรถไฟได้ที่นี่
Koshino Shu*Kura: Joyful Train ธีมสาเกที่แพ๊คความฮาเฮมาเต็มขบวน
ท้องอิ่มจาก KAIRI กันแล้ว ได้เวลาล้างปากกันกับ Koshino Shu*Kura (越乃Shu＊Kura) อีกรถไฟ Joyful Train ในจังหวัดนีงาตะ โดย Koshino Shu*Kura เป็นรถไฟธีม “สาเก” ที่เน้นนำเสนอสาเกที่เป็นอีกของดีขึ้นชื่อของจังหวัดนีงาตะ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ข้าวอร่อยที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว แน่นอนว่าสาเกก็ต้องปังไม่แพ้กัน
ขบวนรถไฟนี้อาจจะดูเรียบง่ายเมื่อเทียบกับ KAIRI แต่การตกแต่งภายในนั้นซ่อนลูกเล่นน่าสนใจไว้ไม่น้อย เพราะตู้รถคันที่ 2 ของขบวนที่ตกแต่งด้วยโต๊ะรูปถังหมักสาเกและถูกใช้เป็นโซนกิจกรรมชิมสาเก ซึ่งถ้าเป็นช่วงก่อนโควิด-19 จะมีกิจกรรมชิมสาเกที่คัดมาตามแต่ละฤดูกาล พร้อมมีวงดนตรีแจ๊สเล่นคลอช่วยเสริมบรรยากาศสนุกสนานด้วย เสียดายว่าหลังโควิดกิจกรรมนี้ก็ถูกพักไปก่อน แต่ถ้ากลับมาจัดเมื่อไหร่อีกล่ะก็รถไฟขบวนนี้จะสนุกขึ้นอีกเท่าตัวแน่นอน ระหว่างนี้ ผู้โดยสารสามารถลองชิมสาเกได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายสินค้า และถ้าถูกใจตัวไหนล่ะก็ซื้อกลับบ้านกันได้เลย แถมที่เคาน์เตอร์ยังมีเบ็นโตะและเครื่องเคียงให้จับคู่กับสาเกด้วยนะ
Koshino Shu*Kura เป็นรถไฟที่ใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) จองที่นั่งได้ฟรีเช่นเดียวกันกับ KAIRI แต่ถ้าจะให้สนุกสุด ๆ ก็ต้องจัด Sake Travel Package (7,000-7,800 เยน) อีกเหมือนกัน ในแพ๊คเกจนี้เราจะได้ครบทั้งเครื่องดื่ม Welcome Drink ขวดสาเกลิมิเต็ด Koshino Shu*Kura และเบ็นโตะ รวมถึงของที่ระลึกเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจอกโอะโจโกะดีไซน์พิเศษของ Koshino Shu*Kura เป็นต้น
บรรยากาศภายในตู้รถคันที่ 1 ซึ่งจำกัดเฉพาะผู้ซื้อ Sake Travel Package เท่านั้นเป็นบรรยากาศเหมือนเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น Fusion ญี่ปุ่น-ตะวันตก โดยมีที่นั่งทั้งสำหรับคนที่มาคนเดียว มาเป็นคู่ และมาเป็นกลุ่มใหญ่ไม่เกิน 4 คนให้เลือกนั่งได้ เป็นบรรยากาศชิว ๆ Cozy เหมาะสำหรับการสังสรรค์และสนทนาสุดๆ
พอนั่งลงบนเบาะนุ่ม ๆ ไม่นานรถไฟก็ออกจากชานชลา ตามด้วยพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟ Welcome Drink เป็นสาเก Sparkling ดื่มง่ายให้เราอุ่นเครื่องกันก่อน จากนั้น ระหว่างรอเบ็นโตะก็เปิดเซ็ตของที่ระลึกไปพลางกัน ในนั้นจะมีจอกโอะโจโกะโลโก้ Koshino Shu*Kura ไซส์น่ารักน่าเก็บในมาในถุงผ้า พร้อมที่รองแก้วที่เก็บกลับไปเป็นของที่ระลึกได้เช่นเดียวกัน
แกะของออกมาดูเล่นไม่นานก็ได้เวลาอร่อยกัน! เบ็นโตะของ Koshino Shu*Kura จะมาในกล่องเล็กกะทัดรัดแต่แพ๊คเครื่องเคียงให้จับคู่กับสาเกมาแบบครบรส ไม่ว่าจะเป็นไก่ทอดซอสเลมอนออกเผ็ดนิด ๆ แต่กรอบนุ่มเคี้ยวมัน กุ้งและหมึกสำหรับใครที่อยากได้ของคาวขึ้นมาอีกหน่อย สลัดแครอทข้าวโพดกากเหล้าหวานสำหรับตัดเลี่ยน และมะเขือเทศฉ่ำซอสไว้เติมความสดชื่น
ทั้งหมดนี้เข้ากั๊นเข้ากันกับสาเกทั้ง 3 ตัวที่มาในเซ็ต ได้แก่สาเกประจำฤดูที่รินมาจนปริ่มจอก สาเกท้องถิ่นในถ้วยพลาสติก 1 ช็อต และสาเกสูตรต้นรับของ Koshino Shu*Kura ที่มาในขวดฟ้าใส หลังจากลองจิบเทียบ ๆ ดูแล้ว ถือว่าเป็นสาเกที่ดื่มง่ายทั้งหมด โดยเฉพาะสาเกสูตรต้นรับของ Koshino Shu*Kura และพอยิ่งจับคู่กับอาหารแล้ว เผลอ ๆ สาเกจะช่วยดึงรสหวานในบรรดาผักและเนื้อเครื่องเคียงออกมาให้อร่อยขึ้นด้วย
และทั้งหมดนี้จะเยี่ยมขึ้นไปอีกเมื่อวงสนทนากำลังเริ่มสนุก ซึ่งตอนที่ทีมงานไปขึ้นนั้น ในตู้รถคันเดียวกันก็มีทั้งคู่เดทและกลุ่มเพื่อนคุณป้าคุณยายคนญี่ปุ่นนั่งมาด้วย จากเสียงหัวเราะแล้ว ไม่ต้องฟังออกก็รู้ว่าบทสนทนากำลังออกรสได้ที่ และพลอยทำให้บรรยากาศบนรถคึกคักตามไปด้วย
หลังจากที่กล่องเบ็นโตะเกลี้ยงแล้ว รถไฟก็ชะลอจอดที่สถานี JR Oumigawa (青梅川駅) สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ทะเลมากที่สุดของญี่ปุ่น ใกล้ชนิดที่ถ้าลงรถไฟแล้วข้ามสะพานลอยไปยังชานชลาฝั่งติดทะเลล่ะก็ แค่ก้มลงไปมองก็เห็นคลื่นทะเลอยู่ใต้เท้าแล้ว จะมาตอนกลางวันที่เห็นทะเลสีฟ้าสดใสก็ดี หรือจะนั่งขบวนช่วงบ่ายแก่ ๆ มาดูวิวทะเลช่วงโพล้เพล้ก็เยี่ยมเช่นกัน แถมถ้าเป็นช่วงก่อนโควิดล่ะก็ ได้ข่าวว่าวงดนตรีแจ๊สบนรถไฟจะตามลงมาเล่นดนตรีให้ฟังกันบนชานชลาด้วยนะ
เราจะมีเวลาอยู่ที่สถานี JR Oumigawa พักใหญ่ ๆ เลย นานพอให้เราถ่ายรูปให้หนำใจและยืนรับลมทะเลสักพัก จากนั้นก็ถึงเวลาออกรถอีกครั้ง จะว่าจังหวะดีมากก็ได้ เพราะตอนที่รถไฟกำลังเริ่มเร่งความเร็วเลียบทะเลไป พระอาทิตย์ก็เริ่มหายลับขอบฟ้าไปด้วย ถือว่าได้ดูพระอาทิตย์ตกดินริมทะเลบนรถไฟแบบสวยไม่เกรงใจใครเลย
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหารถไฟที่ตอบโจทย์เรื่องของกินอร่อย ๆ พร้อมสาเกช่วยชูรสชาติของวงสนทนาล่ะก็ เพิ่ม Koshino Shu*Kura เข้าไปในทริปเที่ยวนีงาตะได้เลย นอกจากนี้ ถ้าในบรรดาเพื่อร่วมทางมีคนที่ไม่ดื่มก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Sake Travel Package ก็มีเวอร์ชั่นปลอดแอลกอฮอล์สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มด้วย โดยสาเกในเซ็ตจะถูกเปลี่ยนเป็นชากาแฟแทน เพราะงั้นจะมากับใครก็สนุกได้ แถมอาจจะได้เพื่อนเพิ่มจากการนั่งรถไฟขบวนนี้ด้วยนะ!
อ่านรีวิว Koshino Shu*Kura และสถานที่ท่องเที่ยวตามเส้นทางของรถไฟได้ที่นี่
ถ้ายังอยากสนุกกันต่อ มาที่ Ponshukan โลด
แม้ทริปนั่งรถไฟ Koshino Shu*Kura จะจบลงแค่นี้ แต่ถ้ายังอยากลองสาเกของจังหวัดนีงาตะอยู่ล่ะก็ แวะมาที่ Ponshukan (ぽんしゅ館) มุมชิมสาเกในสถานีรถไฟกันได้เลย มุมชิมสาเกนี้มีอยู่ทั้งหมด 3 สาขาเท่านั้น ที่สถานี JR Echigo-Yuzawa, JR Nagaoka และ JR Niigata โดยในห้องเล็ก ๆ ที่เรียงไปด้วยตู้สาเกนั้น มีสาเกกว่า 100 ชนิดจากโรงกลั่นทั้งหมดด 90 แห่งในจังหวัดนีงาตะให้เลือกชิมกัน วิธีชิมนั้นง่ายมาก เพียงแลกเงิน 500 เยนเราก็จะได้เหรียญ Token 5 เหรียญมา
เมื่อเรียบร้อย กวาดสายตาไปรอบ ๆ ได้เลย สะดุดตาที่ตู้ไหนก็หยอดเหรียญที่ตู้นั้นมาชิมได้เลย (มีป้ายภาษาอังกฤษด้วยนะ) แถมถ้าไม่ชัวร์ว่าควรชิมตัวไหนบ้างดี (เพราะมันละลานตามาก) ที่เคาน์เตอร์แลกเหรียญจะมีใบปลิวเล็ก ๆ แนะนำคอร์สชิมสาเกให้ว่าถ้าอยากได้ฟีลลิ่งนี้ ให้ชิมตัวไหนบ้างตามลำดับ คนรักและสนใจสาเกญี่ปุ่นห้ามพลาดเลย
และทั้งหมดนี้คือความสนุกคลุกความอร่อยที่รอเราอยู่บนรถไฟ KAIRI และ Koshino Shu*Kura ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ มาเที่ยวจังหวัดนีงาตะที่เป็นจังหวัดแห่งความอร่อยล่ะก็ แนะนำให้มาขึ้นสักครั้งเพื่อให้ทริปสนุกยิ่งขึ้น! จะขึ้นฟรีโดยใช้ JR EAST PASS (Nagano, Niigata area) แล้วอร่อยกับเบ็นโตะ/ของว่างที่มีจำหน่ายบนขบวนรถก็ได้ หรือจะจัดเต็มด้วย Package เพื่อปลดล็อคความสนุกขั้นสุดของขบวนรถก็เลอค่าอีกเช่นกัน แล้วมาสนุกกับ Joyful Train กันนะ
รู้ไหม? เราสามารถจองที่นั่งบน KAIRI และ Koshino Shu*Kura แบบออนไลน์จากประเทศไทยได้ง่าย ๆ ผ่าน JR-EAST Train Reservation
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JR-EAST Train Reservation และ JR EAST PASS ได้ที่นี่
ไข 20 ข้อสงสัยที่มีบ่อยเกี่ยวกับ JR EAST PASS เที่ยวญี่ปุ่นเองครั้งแรกไม่ต้องกลัว!
