![Kitasato Shibasaburo-Feature](https://conomi.co/wp-content/uploads/2024/02/Kitasato-Shibasaburo-Feature.png)
ญี่ปุ่นเปลี่ยนโฉมธนบัตร 1,000 เยน, 5,000 เยน และ 10,000 เยนในรอบ 20 ปี โดยนำเอาเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้เพื่อป้องกันปลอมแปลงให้ได้ผลดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การนำเอาเทคโนโลยีโฮโลแกรม 3 มิติมาในการผลิตธนบัตรเป็นครั้งแรกของโลก การออกแบบตัวเลขราคาธนบัตรให้มีขนาดใหญ่ และใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทำให้ตัวเลขมีผิวสัมผัสขรุขระ เป็นต้น ซึ่งมีกำหนดเริ่มใช้จริงในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2024
และในจังหวะที่ธนบัตรรุ่นใหม่นี้จะมาถึง เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับว่าที่บุคคลในธนบัตรธนบัตร 1,000 เยน, 5,000 เยน และ 10,000 เยน โดยครั้งนี้เป็นคิวของ ‘คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร่’ ว่าที่บุคคลในธนบัตร 1,000 เยน ซึ่งเป็นทั้งนักฟิสิกส์และนักจุลชีววิทยา บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ และผู้ค้นพบวิธีการรักษาโรคบาดทะยัก
‘คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร่’ บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่
![Kitasato Shibasaburo-Bio](https://conomi.co/wp-content/uploads/2024/02/Kitasato-Shibasaburo-Bio-1024x691.jpg)
คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร่ เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1853 ที่หมู่บ้านคิตาซาโตะ เมืองโคะกุนิ อำเภออาโสะ จังหวัดคุมาโมโตะในปัจจุบัน ซึ่งครอบครัวของเขาได้สืบทอดหน้าผู้ที่ปกครองที่หมู่บ้านคิตาซาโตะกันมารุ่นต่อรุ่น
แม้ชิบาซาบุโร่เคยใฝ่ฝันที่จะทหารหรือนักการเมืองมาก่อนก็ตาม แต่ในปี ค.ศ. 1871 ครั้นเมื่อเขาอายุได้ 18 ปี ก็ได้ตัดสินใจฝากตัวเป็นศิษย์กับแพทย์ทหารจากเนเธอร์แลนด์นาม Constant George van Mansveldt ที่โรงเรียนแพทย์ของคุมาโมโตะ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนแพทย์ของโตเกียว (หรือคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโตเกียวในปัจจุบัน) เมื่อปี ค.ศ. 1877 ในระหว่างกำลังศึกษา ชิบาซาบุโร่ได้มุ่งมั่นทำการวิจัยเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรคมาโดยตลอด
หลังจบการศึกษา ชิบาซาบุโร่ได้เข้าทำงานที่กรมอนามัยภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทยในยุคนั้น (ปัจจุบันคือกระทรวงสาธารณสุขและแรงงาน) ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมันในปี ค.ศ. 1886 เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์กับ Heinrich Hermann Robert Koch นักจุลชีววิทยาผู้มีชื่อเสียง ระหว่างกำลังศึกษาในปี ค.ศ. 1889 ชิบาซาบุโร่ก็สามารถเพาะเชื้อบริสุทธิ์ของบาดทะยักได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังค้นพบวิธีการรักษาบาดทะยักจนได้รับการยกย่องจากบุคลากรการแพทย์ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ชิบาซาบุโร่ในวัย 39 ปี ตัดสินใจเดินทางกลับญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1892 และก่อตั้งสถาบันค้นคว้าวิจัยโรคติดต่อเอกชนแห่งแรกของญี่ปุ่น (ก่อนจะเป็น สถาบันค้นคว้าวิจัยโรคติดต่อแห่งชาติในปี ค.ศ. 1899) เพื่อศึกษาเกี่ยวกับเชื้อแบคทีเรียและการป้องกันโรคติดต่อ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ฟุคุซาวะ ยูคิจิ นักเขียนและนักการศึกษาผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุคเมจิ อีกทั้ง ยังก่อตั้งโรงพยาบาลที่รักษาโรควัณโรคแบบเฉพาะทางแห่งแรกของญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1893 อีกด้วย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1894 ชิบาซาบุโร่ได้เดินทางไปยังฮ่องกงที่กำลังมีการระบาดของกาฬโรค และค้นพบแบคทีเรียที่ชื่อ “เยอร์ซีเนีย เพสติส” (Yersinia Pestis) สาเหตุการเกิดกาฬโรคได้อย่างรวดเร็วเป็นคนแรก หลังจากนั้น ชิบาซาบุโร่ได้ลาออกจากหน้าที่ผู้อำนวยการสถานค้นคว้าวิจัยโรคติดต่อแห่งชาติในปี ค.ศ. 1914 เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลได้ย้ายสถาบันไปเป็นหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการอย่างกระทันหัน พร้อมก่อตั้งสถาบันค้นคว้าวิจัยโรคติดต่อเอกชนคิตาซาโตะในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ชิบาซาบุโร่ได้ก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเคโอขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1917 โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาและคณบดีคณะแพทยศาสตร์คนแรก เพื่อตอบแทนบุญคุณของฟุคุซาวะ ยูคิจิ ที่ช่วยเหลือเขามาโดยตลอด ทั้งยังอุทิศตนเพื่อสังคมโดยมีส่วนช่วยในการก่อตั้งโรงพยาบาลและองค์กรการแพทย์ต่าง ๆ ก่อนที่บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร่ จะถึงแก่กรรมด้วยวัย 78 ปี ด้วยโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ค.ศ. 1931
จบกันไปแล้วสำหรับประวัติที่น่าสนใจของ ‘คิตาซาโตะ ชิบาซาบุโร’ ว่าที่บุคคลในธนบัตร 1,000 เยน สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยอ่านประวัติของ ‘ชิบุซาว่า เออิจิ’ บุคคลในธนบัตร 10,000 เยน บิดาแห่งทุนนิยมสมัยใหม่ และ ‘สึดะ อุเมโกะ’ บุคคลในธนบัตร 5,000 เยน ผู้บุกเบิกด้านการศึกษาของผู้หญิงญี่ปุ่น ก็ติดตามอ่านกันต่อได้นะคะ!
สรุปเนื้อหาจาก : kitasato.ac.jp, kitasato-u.ac.jp, kitasato.ac.jp