มีนาแล้วเมื่อไรจะมีเธอ(?) พอเข้าเดือนมีนาคมสาว ๆ ญี่ปุ่นก็จะเริ่มใจเต้นตึกตัก เพราะวันที่ 14 มีนาคมของทุกปี ญี่ปุ่นจะถือเป็นวันไวท์เดย์ (White Day) หรือวันที่หนุ่ม ๆ จะมอบของตอบแทนให้แก่สาว ๆ หลังจากได้รับช็อกโกแลตเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา จะเฮหรือจะโฮก็รู้กันวันนี้แหละค่ะ!
ย้อนรอยการกำเนิดวันไวท์เดย์ในญี่ปุ่น
วันไวท์เดย์ขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2523 โดยสหกรณ์อุตสาหกรรมขนมแห่งชาติ (National Candy Industry Cooperative) ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของบริษัทผลิตขนม เช่น กูลิโกะ, เมจิ, ลอตเต้, โมรินากะ เป็นต้น โดยก่อนหน้านั้นได้ถูกเรียกด้วยชื่อหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “วันมาร์เมลโล่” (Marshmallow Day) หรือ “วันคุกกี้” (Cookie Day) จนในที่สุดก็กลายมาเป็นวันไวท์เดย์ในปัจจุบัน
แล้วทำไมต้อง “ไวท์เดย์?” เป็นพิ้งค์เดย์ไม่ได้เหรอ?
สำหรับเหตุผลที่เรียกวันที่ 14 มีนาคมว่า “วันไวท์เดย์” ในบทความนี้มี 2 ทฤษฎีมานำเสนอค่ะ ทฤษฎีแรกกล่าวว่า มาจากสีขาวของน้ำตาลซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการทำขนม ส่วนอีกทฤษฎีบอกว่า มาจากแผนการตลาดของร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่น “อิชิมุระ มันเซโดะ (Ishimura Manseido)” ในจังหวัดฟุกุโอกะที่ต้องการขายมาร์ชเมลโล่ในวันที่ 14 มีนาคม
อย่างไรก็ตามมาร์ชเมลโลว์ของร้านอิชิมุระ มันเซโดะ ต่างจากมาร์ชเมลโล่ที่ทุกคนรู้จัก เพราะมันคือ “สึรุโนะโกะ (Tsurunoko) ” ขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นชื่อดังของจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับมาร์ชเมลโล่แต่ข้างในจะเป็นไส้ถั่วเหลืองตามสไตล์ญี่ปุ่น ขนมนี้แทนคำพูดจากใจชายหนุ่มว่า “ตอบแทนช็อกโกแลตจากคุณด้วยความอ่อนโยนของผม” ซึ่งความอ่อนโยนนี้ก็สื่อออกมาในรูปแบบของขนมสึรุโนะโกะที่มีสัมผัสหวานนุ่มละมุนดุจความอ่อนโยนของชายหนุ่มนั่นเองค่ะ หวานกว่าขนมก็น่าจะเป็นความหมายที่ซ่อนอยู่เนี่ยแหละค่ะ
ขนมสึรุโนะโกะเป็นขนมขึ้นชื่อในภูมิภาคคิวชู ไม่ต้องรอวันไวท์เดย์ก็สามารถซื้อกลับไปฝากครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้ใจได้นะคะ มีหลากหลายรสชาติให้ได้เลือกสรร หาซื้อก็ง่ายมาก ๆ สามารถซื้อที่ทั่วไปตามสนามบินหรือร้านจำหน่ายของฝากทั่วคิวชูค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก: yahoonews