เมื่อพูดถึงจังหวัดมิยางิ หลาย ๆ คนอาจจะงุนงง แต่ถ้าบอกว่าเมืองเซนไดคงจะพอคุ้นหูกันอยู่บ้างใช่ไหมเอ่ย วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวจังหวัดมิยางิ ที่ตั้งของเมืองเซนไดนั่นเอง ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามไปด้วยธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะวัฒนธรรมสมัยเอโดะ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นจุดกำเนิดประวัติศาสตร์ของซามูไรผู้กล้าหาญอย่างท่านดาเตะ มาซามูเนะอีกด้วย เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะว่าที่จังหวัดมิยางิยังมีอะไรน่าเที่ยวอีกบ้าง!
1. อ่าวมัตสึชิมะ
อ่าวมัตสึชิมะ ถือเป็นอ่าวที่งดงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และยังติด 1 ใน 3 ของอ่าวที่สวยที่สุดในโลกเมื่อปี 2013 ด้วย ทิวทัศน์โดยรอบของอ่าวมัตสึชิมะยังมีหมู่เกาะเล็กๆ กระจายอยู่มากมายกว่า 260 เกาะ ดังนั้นเพื่อจะได้เก็บทัศนียภาพ และชมหมู่เกาะให้ได้มากที่สุด ขอแนะนำให้เพื่อนๆ นั่งเรือครูซรอบเกาะค่ะ ซึ่งแบ่งเป็นสองทางใหญ่ คือ นั่งเรือวนหมู่เกาะรอบอ่าวมัตสึชิมะ และนั่งเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ ยาวไปถึงมารีนเกท ชิโอะกามะ เมืองชิโอกามะ นอกจากนี้ยังมีการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน ชมภูเขา และฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงมีการอธิบายเป็นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษด้วย
อ่าวมัตสึชิมะ (松島港)
ที่อยู่ | Chonai Matsushima, Miyagi District, Miyagi 981-0213, Japan |
เวลาทำการ | ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. *ออกเรือทุกชั่วโมง |
ค่าบริการ | ล่องเรือชมวนรอบอ่าวมัตสึชิมะหรือรอบอ่าวมัตสึชิมะ – ชิโอะกามะ 1,500 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | matsushima |
วิธีเดินทาง | จาก Matsushima Station เดินอีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงท่าเรือมัตสึชิมะค่ะ |
2. ปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ
หนึ่งใน Unseen อีกแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น นั่นก็คือปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซะโอะ ทว่าปากปล่องภูเขาไฟนี้น่าดึงดูดตรงที่มีทะเลสาบสีเขียวมรกตอยู่ที่ปากปล่อง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหม้อหุงสมัยก่อน ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าโอคามะ ที่แปลว่าหม้อนั่นเอง ที่สำคัญทะเลสาบแห่งนี้ในแต่ละวันจะสามารถเปลี่ยนสีได้ถึง 5 สี หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า โกะชิคินุมะ และถ้าหากเพื่อนๆ ต้องการชมปากปล่องภูเขาไฟโอคามะแบบชัดๆ ก็สามารถขึ้นไปยังจุดชมวิวบริเวณยอดเขาคัทตะดะเกะได้ เพื่อนๆ จะมองเห็นวิวภูเขาซะโอะได้ทั้งลูก รวมถึงปากปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ด้วย หรือจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้ามาลงที่สถานี Jizosancho แล้วเดินต่อไปยังจุดชมวิวก็ได้ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ
ปากปล่องภูเขาไฟโอคามะ (御釜)
ที่อยู่ | Japan, 〒989-0916 Miyagi, Katta District, Zaō, Togattaonsen, 倉石岳国有林内 蔵王の御釜 |
เวลาทำการ | ปิดให้บริการในฤดูหนาวตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน |
ค่าบริการ | ขึ้นกระเช้าลอยฟ้า – เที่ยวเดียว 1,500 เยน – ไปกลับ 2,600 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | zao-machi |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Yamagata สามารถนั่งรถบัสมายังจุดชมวิวยอดเขาคัทตะดาเกะทว่ามีแค่วันละเที่ยวเท่านั้น หรือจะนั่งรถบัสจากสถานี Shiroishi Zao มาก็ได้ แต่รถบัสสายนี้ก็มีแค่เพียง 2 เที่ยวเท่านั้น ดังนั้นขอแนะนำให้เพื่อนๆ เช่ารถยนต์เพื่อความสะดวกในการเดินทางดีกว่าค่ะ |
3. หุบเขานารุโกะ
อีกหนึ่งสถานที่ชมเหล่าใบไม้เปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วง เพื่อน ๆ จะได้เห็นใบไม้สีส้ม สีแดง สีเหลืองไล่เฉดสีกันตลอดแนวป่า โดยเฉพาะบริเวณอุโมงค์รถไฟ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี เป็นวิวที่สวยงามควรค่าแก่การมาดูชมมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องมาที่จุดชมวิวบริเวณหุบเขา ที่เดินเลียบขึ้นแม่น้ำอาโรงะวะขึ้นไป เจะสามารถเห็นวิวอุโมงค์รถไฟที่เชื่อมกับสะพานโอะฟุคะซาวะอยู่ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยกินใจมาก ๆ นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆ หุบเขานารุโกะ ยังมีหมู่บ้านนารุโกะ ออนเซ็น ให้เพื่อน ๆ ได้มาแช่ตัวผ่อนคลายกันด้วย น้ำแร่ที่นี่มีความเป็นกรดสูง สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อสำหรับนักท่องเที่ยวที่เหนื่อยล้าจากการเดินป่าหรือปีนเขาได้ ซึ่งหมู่บ้านนารุโกะออนเซ็น เป็นหมู่บ้านออนเซ็นขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นเชียวนะ
หุบเขานารุโกะ (鳴子峡)
ที่อยู่ | Hoshinuma-13-5 Narukoonsen, Ōsaki, Miyagi 989-6832, Japan |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | city.osaki |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสตรงข้ามสถานี Naroko Onsen แต่รถบัสวิ่งแค่ช่วงฤดูใบไม่ร่วงเท่านั้นนะคะ หรือถ้าจะเดินจากสถานีไปยังหุบเขาก็ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ |
4. ปราสาทอาโอบะ
ปราสาทอาโอบะ หรือปราสาทเซนได ที่โดดเด่นด้วยรูปปั้นของท่านดาเตะ มะซะมุเนะ ยอดซามูไรที่นำความเจริญสู่เมืองเซ็นได ผู้ก่อตั้งปราสาทแห่งนี้ เนื่องจากในสมัยก่อนปราสาทเซนไดถือเป็นป้อมปราการในการป้องกันข้าศึกได้ดี แต่ทว่าในสงครามโลกครั้งที่ 2 กลับถูกระเบิดทำลายจนย่อยยับ เหลือเพียงประตูโอเตมอน และ ศาลเจ้าโกโคขุเท่านั้น นอกจากนี้บริเวณนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์ปราสาทอะโอบะ ที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ในสมัยเอโดะ รวมถึงภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับปราสาทแห่งนี้อยู่ด้วย แถมยังสามารถชมวิวของเมืองเซนไดได้แบบ 360 องศา บริเวณลานกว้างข้างหน้าอนุสาวรีย์ท่านดาเตะ มาซามุเนะ
ปราสาทอาโอบะ (青葉城)
ที่อยู่ | 1 Kawauchi, Aoba Ward, Sendai, Miyagi 980-0862, Japan |
เวลาทำการ | 9.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | 700 เยน *บริเวณศาลเจ้าโกโคขุและที่ตั้งปราสาทเก่า สามารถเข้าชมได้ฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | honmarukaikan |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Sendai เพื่อนๆ สามารถนั่งรถ Loople Sendai Bus แล้วลงที่ป้าย Site of Sendai Castle |
5. ปราสาทชิโรอิชิ
แม้ปราสาทชิโรอิชิจะเคยโดนไฟไหม้แต่ก็ได้รับการบูรณะสร้างใหม่ โดยใช้ฐานปราสาทเดิม และยังคงความเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ออกมาได้อย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ ซึ่งแต่เดิมปราสาทแห่งนี้เคยเป็นของท่านคาตาคุระ ขุนพลคนสนิทของท่านดาเตะ มาซามุเนะ ซึ่งท่านได้ยกปราสาทหลังนี้ให้เพื่อตอบแทนที่เคยสู้รบเคียงคู่กันมานั่นเอง ภายในปราสาทเพื่อน ๆ สามารถเดินชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ปราสาทชิโรอิชิ ทดลองสวมชุดเกราะ หรือชุดชาวบ้านสมัยก่อน รวมถึงสินค้าพื้นเมืองและร้านขายของฝาก นอกจากนี้ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสมาช่วงเดือนตุลาคมซึ่งตรงกับเทศกาลโอนิ คาจูโร สามารถชมการสู้รบของเหล่าซามูไรและกลุ่มนินจา พร้อมเอฟเฟกต์อลังการอย่างลูกธนูพุ่งกลางอากาศ กลุ่มควันพวยพุ่ง อาวุธในการสู้รบต่างๆ ขบวนพาเหรด พร้อมเหล่าบุคคลจากประวัตศาสตร์ ที่จำลองการรบในสมัยศตวรรษที่ 16 เป็นอะไรที่ตื่นเต้นอลังการ สมจริงมาก ๆ เลยล่ะค่ะ ใครมีโอกาสมาช่วงนี้ล่ะก็อย่าพลาดชมเทศกาลนี้เชียวนะ
ปราสาทชิโรอิชิ (白石城)
ที่อยู่ | 1-16 Masuokacho, Shiroishi, Miyagi 989-0251, Japan |
เวลาทำการ | เมษายนถึงตุลาคม 9.00-17.00 น. พฤศจิกายนถึงมีนาคม 9:00-16:00 น *ปิดให้บริการช่วงวันสิ้นปี |
ค่าเข้าชม | ส่วนปราสาทและโรงฉายภาพ 3 มิติ – คนทั่วไป 400 เยน (กลุ่ม 320 เยน) – นักเรียนประถม-มัธยมปลาย 200 เยน (กลุ่ม 160 เยน) – เด็กก่อนวัยเรียนเข้าฟรี ส่วนที่อยู่ซามูไร – คนทั่วไป 200 เยน (กลุ่ม 160 เยน) – นักเรียนประถม-มัธยมปลาย 100 เยน (กลุ่ม 80 เยน) – เด็กก่อนวัยเรียนเข้าฟรี ตั๋วทั่วไป – คนทั่วไป 800 เยน – นักเรียนประถม-มัธยมปลาย 400 เยน – เด็กก่อนวัยเรียนเข้าฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | shiro-f.jp |
วิธีเดินทาง | นั่ง Tohoku Shinkansen แล้วลงที่สถานี Koriyama ต่อด้วยรถไฟสาย JR Tohoku ลงที่สถานี Shirakawa แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
6. สุสานซูอิโฮเดน
สุสานซูอิโฮเดน เป็นที่ตั้งของหลุมศพท่านดาเตะ มาซามุเนะ ซามูไรที่มีอำนาจมากที่สุดในสมัยเอโดะ ภายในสุสานเพื่อน ๆ จะเห็นสถาปัตยกรรม และการตกแต่งศิลปะแบบญี่ปุ่นที่หรูหราสวยงาม ตัวอาคารเป็นโครงสร้างงานไม้สีดำที่แกะสลักและทาสีสันให้สดใสดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก รวมถึงมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตระกูลดาเตะให้ชมด้วย ในละแวกเดียวกันนั้นยังมีการสร้างสุสานขึ้นอีกสองหลัง เป็นสุสานที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ทั้งสองสุสานนี้เป็นสุสานทายาทที่ได้รับการถ่ายทอดต่อจากท่านดาเตะ มาซามุเนะนั่นเอง
สุสานซูอิโฮเดน (瑞鳳殿)
ที่อยู่ | 23-2 Otamayashita, Aoba Ward, Sendai, Miyagi 980-0814, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-16.30 น. *ปิดให้บริการทุกช่วงวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม | 550 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | zuihoden |
วิธีเดินทาง | จาก Sendai Station ให้นั่งรถบัส Loople Sendai bus แล้วลงที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 4 หลังจากนั้นเดินขึ้นเนินเขาไปอีกประมาณ 150 เมตร |
7.หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ
เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมแพ้ให้กับความน่ารักน่าชังของเจ้าสุนัขจิ้งจอก ชาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ของเทพเจ้า หรือเป็นตัวแทนของเทพอินาริโอคามิ เทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นชาวญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับสุนัขจิ้งจอก ซึ่งที่นี่เองก็เปิดเป็นพื้นที่ให้เข้าชมเหล่าสุนัขจิ้งจอกกว่า 6 สายพันธุ์ เพื่อนๆสามารถเล่นกับเจ้าสุนัขจิ้งจอกพวกนี้ได้อย่างใกล้ชิด แถมยังป้อนอาหารให้ได้ด้วย แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะ เพราะเจ้าสุนัขจิ้งจอกพวกนี้ซนเอาเรื่องเลยละ แต่ก็ยังมีมุมน่ารัก ๆ ให้เห็นมากมายเลยละ ถ้าได้มาที่นี่ละก็ต้องหลงรักเจ้าสุนัขจิ้งจอกขึ้นมาแน่ ๆ เลย ถึงแม้ที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกแต่ก็มีกระต่าย แพะ ม้าแคระ ให้เพื่อน ๆ ได้ชมความน่ารักรวมถึงให้อาหารอย่างใกล้ชิดได้ด้วย
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ (蔵王キツネ村)
ที่อยู่ | Japan, 〒989-0733 Miyagi, Shiroishi, 福岡八宮川原子11−3 |
เวลาทำการ | 9.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | – ผู้ใหญ่ 1,000 เยน – เด็ก 400 เยน *อาหารสำหรับสุนัขจิ้งจอกสามารถซื้อได้ภายในหมู่บ้าน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | zao-fox-village |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Shiroishi Station สามารถนั่งแท๊กซี่มาได้เลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ |
8. เกาะทาชิโระ
ทาสแมวห้ามพลาด กับเหล่าน้องแมวที่เกาะทาชิโระ เมืองอิชิโนมากิ จังหวัดมิยางิ เป็นเกาะที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ห่างไกลความเจริญ แน่นอนว่าแต่เดิมจ้าแมวพวกนี้ไม่เชิงว่าตั้งรกรากอยู่ที่นี่ เพียงแต่มีคนเริ่มเอาแมวมาปล่อยเพื่อช่วยดูแลฟาร์มเลี้ยงไหม จนกระทั่งขยายพันธุ์ออกลูกหลานซะจนเยอะกว่าจำนวนคนบอกเกาะซะอีก ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุที่มีอาชีพประมงเป็นหลัก นอกจากเพื่อนๆ จะได้มาเดินเล่นบนเกาะดูความน่ารักของเจ้าแมวเหล่านี้แล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมงดั้งเดิมอีกด้วย นอกจากนี้บนเกาะยังมีศาลเจ้าแมวเล็ก ๆ ที่สร้างไว้สำหรับแมวที่เสียชีวิตบนเกาะด้วย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากพกอาหารมาให้น้องแมวก็พกมาได้นะคะ แล้วก็อย่าลืมพกมาให้ตัวเองด้วยนะ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีร้านอาหาร หรือตู้กดน้ำเลยล่ะ รวมถึงหากใครต้องการพักที่นี่ก็ต้องจองก่อนล่วงหน้าด้วยนะ
เกาะทาชิโระ (田代島)
ที่อยู่ | Tashirohama, Ishinomaki, Miyagi 986-0023, Japan |
ค่าบริการ | เรือเฟอร์รี่ราคา 1,230 เยน *ในหนึ่งวันจะมีเรือออกจากท่าเพียงแค่ 3 เที่ยวเท่านั้นค่ะ |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nekonoshima |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Ishinomaki Station สามารถนั่งรถเมล์สาย Ajishima Line ไปลงที่ท่าเรือเฟอร์รี่แต่ต้องเดินเท้าต่ออีก 30 นาที หรือนั่งแท็กซี่ต่อก็ได้ หลังจากนั้นขึ้นเรือที่ท่าเรือเฟอร์รี่ Ajishima เพื่อไปยังเกาะทาชิโระ |
9. พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนะโมะริ
ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์การ์ตูนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองอิชิโนมากิ โดดเด่นด้วยรูปร่างของอาคารทรงไข่ที่คล้ายกับยานอวกาศ แค่เห็นข้างนอกก็อยากเข้าไปจนทนไม่ไหวแล้ว เพราะฉะนั้นคอการ์ตูนห้ามพลาดเชียวละ โดยเฉพาะแนวบู๊แอ๊คชั่น ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงรวบรวมผลงานและประวัติของนักวาดการ์ตูนชื่อดังอย่าง อิชิโนะโมริ โชทาโร่ เรื่อง ไซบอร์ก 009 และ มาสก์ไรเดอร์ ที่ถือเป็นต้นแบบให้กับการ์ตูนแนวหน้ากากนี้อีกมากมาย ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถชมหน้ากากหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังสามารถใส่หน้ากากต่อสู้กับวายร้ายได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นตัวการ์ตูนจากเรื่องต่าง ๆ และมังงะอีกมากมาย บริเวณทางเข้ายังมีรอยพิมพ์มือของนักวาดการ์ตูนชื่อดังมากมาย บรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ก็ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในโลกการ์ตูนจริง ๆ เพราะมีรูปการ์ตูนตกแต่งอยู่ทั่วบริเวณ รวมถึงพนักงานที่แต่งตัวเหมือนไซบอร์ก 009 ด้วย
พิพิธภัณฑ์การ์ตูนอิชิโนะโมะริ (石ノ森萬画館)
ที่อยู่ | 2-7 Nakaze, Ishinomaki, Miyagi 986-0823, Japan |
เวลาทำการ | 9.00-18.00 น. *ปิดทำการทุกวันอังคารที่ 3 ของทุกเดือน |
ค่าเข้าชม | คนละ 800 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | man-bow |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ Ishinomaki Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที หรือนั่งแท๊กซี่ต่อก็ได้ค่ะ |
10. ถนนโจเซนจิ
มาถึงจังหวัดมิยางิ ขากลับต้องแวะถนนโจเซนจิ สัญลักษณ์ของเมืองเซนได หรือที่เรียกกันว่า เมืองแห่งต้นไม้ เพราะตลอดสองข้างทางของถนนแห่งนี้มีต้นเคยะขิเรียงรายยาวไปถึงสถานีเซนได รวมถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่าง สวนโคโตไดโคเอ็น และสวนนิชิโคเอ็น ด้วยความยาวของถนนกว่า 700 เมตร ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ใช้ในการจัดอีเว้นท์ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของงานประติมากรรมความทรงจำในฤดูร้อน การจัดไฟประดับตลอดสองข้างทาง งานเทศกาลเซนไดทานาบาตะ งานเทศกาลเซนไดอาโอบะ นอกจากนี้เพื่อน ๆ ยังสามารถเดินชอปปิ้งที่ย่านอิจิบังโจ ตลอดจนเที่ยวยามค่ำคืนที่ย่านคกคุบุงโจ ถ้าอยากช้อปปิ้ง เดินเล่นที่จังหวัดมิยางิ ต้องถนนโจเซนจิแห่งนี้เท่านั้นค่ะ
ถนนโจเซนจิ (定禅寺通り)
ที่อยู่ | Aoba Ward, Sendai, Miyagi, Japan |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | sentabi |
วิธีเดินทาง | จาก JR สถานีเซนได นั่งรถไฟใต้ดินชิเออิ สายนัมโบคุแล้วลงที่สถานีโคโตไดโคเอ็น แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็ถึงแล้วค่ะ |
ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า ไปเที่ยวมิยางิกัน!
ไปถึงหวัดมิยางิแล้ว ควรซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับบ้างดีนะ? เนื่องจากจังหวัดมิยางิชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมทำการประมง มาถึงที่นี่แล้วต้องไม่พลาดชิม ปลาคัตสึโอะ ปลาซัมมะ รวมถึงผลไม้ขึ้นชื่ออย่าง สตรอว์เบอร์รี่ และลูกแพร ถ้าพูดถึงขนมก็ต้อง ซุนดะโมจิ โมจิเคลือบถั่วแระญี่ปุ่น ฮะงิ โนะ สึกิ ขนมขึ้นชื่อเมืองเซนได นอกจากนี้ยังมีขนมพื้นบ้านขึ้นชื่ออีกมากมายให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มลองด้วย ใครใจดีก็ซื้อมาฝากกันบ้างนะคะ
และถ้าอยากประหยัดค่ารถไฟเพื่อสนุกกับการชิมอาหารให้เต็มที่ ขอแนะนำให้พกตั๋ว JR EAST PASS (Tohoku area) ไว้เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกแถมประหยัดค่าเดินทางกันเลย ที่พิเศษคือผู้ถือตั๋ว JR EAST PASS ยังรับส่วนลดและของแถมอีกมากมายในร้านค้าหรือจุดท่องเที่ยวที่ร่วมรายการในจังหวัดมิยางิด้วยนะ!