JR EAST Winter 2024 Destinations

ภูมิภาคโทโฮคุ เป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของฮอนชู และอยู่ทางทิศใต้ของฮอกไกโด โดยเป็นภูมิภาคที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะฤดูหนาวซึ่งจะมีหิมะตกในพื้นที่ส่วนใหญ่ ยังไม่พอ โทโฮคุยังมีหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ครั้งนี้เราเลยขอมาแชร์เสน่ห์เหล่านี้ผ่านโลเคชั่นสกีรีสอร์ทและบ่อน้ำพุร้อนที่มาพร้อมกับทิวทัศน์อันตระการตา อีกทั้งยังเดินทางจากโตเกียวได้อย่างสะดวกและคุ้มค่าด้วยบัตรโดยสารรถไฟ JR EAST

1. ซาโอออนเซน สกีรีสอร์ท  (Zao Onsen Ski resort)

Zao Onsen Ski Resort

ซาโอออนเซ็น สกีรีสอร์ท อยู่ที่จังหวะยามากาตะ มีลักษณะพื้นที่ลาดยาวลงเขา และมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลกด้วยทิวทัศน์สุดตระการตาเมื่อมองลงมาจากลานสกีด้านบนจะพบกับต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งอันน่าทึ่งอีกทั้งยังเป็นลานสกีรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

ที่นี่มีลานสกีและเส้นทางเล่นสกีมากถึง 26 แห่งที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินได้ตั้งแต่นักสกีมือใหม่ไปจนถึงนักสกีขั้นสูง คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจขณะไถสกีลงเขาท่ามกลางปีศาจน้ำแข็ง (樹氷, จุเฮียว)​ อันน่าทึ่ง นอกจากการเล่นสกีและกีฬาฤดูหนาวแล้ว พื้นที่แห่งนี้เป็นรีสอร์ทแบบครบวงจรที่สามารถหากิจกรรมเพลิดเพลินได้ เช่นการท่องเที่ยวในแหล่งชุมชน พักผ่อนในโรงแรมบ่อน้ำพุร้อนแท้ ๆ และการแช่เท้าในบ่อน้ำพุร้อนเพื่อผ่อนคลายหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน

การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปยังสถานี Yamagata ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที หลังจากนั้นนั่งรถบัสประจำทางจากสถานี Yamagata ไปยังสถานีขนส่งซาโอ (Zao Bus Terminal) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที และเดินต่อไปยังลานสกีประมาณ 10 นาที

2. ซาโอ ออนเซ็น (Zao Onsen)

Zao Onsen

ถ้าอยากแช่น้ำพุร้อนเพื่อคลายเหนื่อยจากการเล่นสกีล่ะก็ มาที่ซาโอ ออนเซ็นกันเลย ออนเซ็นแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดยามากาตะถูกรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีอ่างอาบน้ำกลางแจ้งที่ผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างลงตัวที่นี่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถพบได้ในเมืองน้ำพุร้อนหรือโรงแรมอื่น ๆ นักเล่นสกีและคนรักบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมากมาที่นี่เพื่อคลายความเมื่อยล้า

ลักษณะพิเศษของน้ำพุร้อนที่นี่คือน้ำพุมีกำมะถันที่มีความเป็นกรดสูงซึ่งมีสรรพคุณในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดแข็งตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปวดเส้นประสาท อีกทั้งขึ้นชื่อในฐานะบ่อน้ำพุร้อนเพื่อความงาม เพราะช่วยส่งเสริมการไหลเวียนโลหิตและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังและยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนและสวยงามหลังอาบน้ำที่นี่

การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ให้นั่งรถไฟ Yamagata Shinkansen ไปยังสถานี Yamagata ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากสถานีขนส่งยามากาตะ ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังซาโอออนเซ็น และลงที่สถานีขนส่งซาโอออนเซ็น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 1 นาทีไปยังสถานที่

3. อัปปิโคเก็น สกีรีสอร์ท (APPI Snow Mountain Resort)

APPI Snow Mountain Resort 1

อัปปิโคเก็น สกีรีสอร์ท เป็นสกีรีสอร์ทยอดนิยม พิกัดอยู่ในที่ราบสูงอัปปิโคเก็น เมืองฮาจิมันไต จังหวัดอิวาเตะ เสน่ห์ของที่นี่คือ หิมะที่นุ่มฟูที่ทัดเทียมหิมะที่ฮอกไกโด อีกทั้งในปี 2023 ยังได้รับรางวัล “สกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นปี 2022” ในงาน “WORLD SKI AWARDS 2022” ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่สุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเล่นสกีของโลก

APPI Snow Mountain Resort 2

ที่นี่มีคอร์สให้เลือกมากกว่า 20 คอร์สที่ทุกคนสามารถเล่นสนุกกันได้ ตั้งแต่ผู้เล่นระดับมือใหม่ หรือ ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ไปจนถึงคอร์สโลดโผนที่ฝ่าดงต้นไม้สำหรับนักเล่นสกีขั้นสูง และที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนที่นี่คือ “อาหารแห่งที่ราบสูงอัปปิ” ที่อร่อยจนนักสกีมือโปรหลายท่านต้องบอกต่อ ไม่ว่าจะเป็นราเม็ง หมี่เย็นโมริโอกะ และเนื้อเสียบไม้แสนอร่อย หากมีโอกาสมาต้องมาลองให้ได้สักครั้ง

Morioka Reimen
หมี่เย็นโมริโอกะ หนึ่งในเมดูดังของจังหวัดอิวาเตะ

การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ Tohoku Shinkansen ไปยังสถานี Morioka ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที หลังจากนั้นขึ้นรถบัสคิตะ (Kita) จังหวัดอิวาเตะที่มุ่งหน้าไปยังอัปปิโคเก็น (Appi Kogen Ski) จากป้ายรถบัสทางออกทิศตะวันตกของสถานี Morioka หมายเลข 26 ไปลงที่สกีรีสอร์ทใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที

4. นิวโต ออนเซ็นเคียว (Nyuto-onsen-kyo Hot Springs)

Nyuto Onsen

นิวโต ออนเซ็นเคียว คือแหล่งน้ำพุร้อนทั้งเจ็ดที่กระจายตัวอยู่บริเวณตีนเขานิวโตในอุทยานแห่งชาติโทวาดะ ฮาจิมันไต น้ำพุร้อนแต่ละแห่งล้วนมีแหล่งที่มาของตัวเอง ทำให้คุณภาพของน้ำพุร้อนแต่ละที่แตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั้นในนิวโต ออนเซ็นเคียวก็มีน้ำพุร้อนอีกมากกว่าสิบประเภท ว่ากันว่าการอาบน้ำพุร้อนในบ่อน้ำพุร้อนทั้งเจ็ดจะช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทั้งหมด ดังนั้นที่นี่จึงเป็น “น้ำพุร้อนที่ใฝ่ฝัน” ที่ชีวิตนี้ต้องไปให้ได้สักครั้ง

Yamaimo Nabe
ยามาอิโมะนาเบะที่เลื่องลือ เมนูเด็ดประจำนิวโต ออนเซ็นเคียว

นอกจากนี้ เสน่ห์อันน่าทึ่งของที่นี่คือบรรยากาศแบบสปาย้อนยุคท่ามกลางป่าบริสุทธิ์ แถมอาหารของที่นี่ก็พลาดไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น “ยามาอิโมะนาเบะ” เมนูหม้อไฟโด่งดังเสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวมันเทศและผักท้องถิ่น มีรสชาติพิเศษจากซุปมิโซะ ถ้าถามว่าอร่อยขนาดไหน? ก็ถึงขั้นที่มีลูกค้าที่มาที่นี่เพื่อมาทานเมนูนี้โดยเฉพาะทีเดียว

การเดินทาง: จากสถานีโตเกียว ขึ้นรถไฟ Akita Shinkansen ไปยังสถานี Tazawako ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จากสถานีขนส่งทาซาวะโกะเอกิมาเอะ (Tazawako Station Bus Terminal) ขึ้นรถบัสอูโกะโคสึ (Ugokotsu bus) ที่มุ่งหน้าไปยังนิวโตะออนเซ็นเคียวใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

5. คุซัตสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

Kusatsu Onsen

คุซัตสึ ออนเซ็นตั้งอยู่ในจังหวัดกุนมะ เป็นหนึ่งในสามบ่อน้ำพุร้อนชั้นนำของญี่ปุ่นและเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่คนญี่ปุ่น สามารถเห็นฉากเป็นวิวหิมะอีกด้วย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) แต่ที่สำคัญเลยก็คือที่นี่เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติที่ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,200 เมตร น้ำพุร้อนมีปริมาณมากและมีคุณภาพสูง โดยพื้นฐานแล้วมีความเป็นกรดอ่อนๆ จึงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และว่ากันว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันสิว เยียวยาบาดแผล และรักษาโรคผิวหนัง

นอกจากน้ำพุร้อนแล้ว เรายังสามารถใส่ชุดยูกาตะเดินเล่นไปตามถนนที่เรียงรายไปด้วยโรงแรม ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารได้ด้วย หรือจะไปแช่น้ำพุร้อนที่ห้องอาบน้ำสาธารณะก็ได้เหมือนกัน โดยในพื้นที่นี้มีที่พักให้เลือกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักสไตล์ญี่ปุ่นอันเงียบสงบไปจนถึงโรงแรมท่องเที่ยวแสนสนุกที่เหมาะสำหรับการเดินทางเป็นหมู่คณะ และรีสอร์ทยอดนิยมสำหรับครอบครัวและคู่รัก ทำให้คุซัตสึ ออนเซ็นกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของนักเดินทางหลากหลายกลุ่ม

Kusatsu Onsen Yumomi 1

แถมน้ำพุร้อนที่นี่ยังมีกิจกรรม “ยูโมมิ” อันโด่งดัง ซึ่งเป็นการใช้กระดานขนาด 180 ซม. มากวนน้ำในบ่อน้ำพุร้อนให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้คุณแช่น้ำได้อย่างสบายตัวแถมรับประโยชน์จากแร่ธาตุในน้ำได้แบบเต็ม ๆ

Kusatsu Onsen Yumomi 2

การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ Joetsu Shinkansen ไปยังสถานี Takasaki ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที จากนั้นเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายธรรมดาจากสถานี Takasaki และลงที่สถานี Naganohara-Kusatsuguchi Station ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที หลังจากนั้นขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปยังสถานีขนส่งคุซัตสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที

เช็คข้อมูลเพิ่มเติม ณ เว็บไซต์ทางการของ JR EAST PASS ที่

www.jreast.co.jp

เที่ยวโทโฮคุสุดคุ้มกับ “JR EAST PASS (Tohoku area)”

ท่องเที่ยวภูมิภาคโทโฮคุสุดคุ้มด้วย JR EAST PASS (โทโฮคุ) ค่าโดยสารสำหรับผู้ใหญ่ 30,000 เยน และเด็ก 15,000 เยน โดยสามารถใช้บริการจองที่นั่งทั้งชินคันเซ็นและรถไฟด่วนพิเศษอย่างไม่จำกัดรอบในระยะเวลา 5 วันที่กำหนด

คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด:

JR EAST PASS (Tohoku area)

สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบการจองใหม่ “JR-EAST Train Reservation”

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2021 ระบบจองตั๋วออนไลน์ JR East ได้ถูกนำมาปรับปรุงใหม่อีกครั้ง ทำให้การซื้อตั๋วง่ายยิ่งขึ้นระบบนี้อำนวยความสะดวก ในส่วนของการซื้อตั๋ว และจองที่นั่งก่อนเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นได้ จากนั้นจึงค่อยมาออกตั๋วที่ตู้จำหน่ายก่อนขึ้นรถไฟ

การลงทะเบียนเป็นสมาชิก JR-EAST Train Reservation ไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถใช้งานได้ตั้งแต่วันที่ลงทะเบียน (สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับบริการจองโปรดศึกษาจากคู่มือผู้ใช้ของ JR-EAST Train Reservation)

ข้อมูลเพิ่มเติม
รายละเอียดบริการ JR-EAST Train Reservation (ภาษาอังกฤษ): About this service

ราคาตั๋ว JR East Pass และแคมเปญที่เกี่ยวข้อง: JR East Press Release

ซื้อตั๋วได้ง่ายๆ ! เพียงค้นหาเส้นทาง

Route Search & Reservation จะเป็นตัวช่วยให้คุณค้นหาเส้นทางไปยังจุดหมายปลายทางของคุณได้จากทางเว็บไซต์ของเราที่จะทำให้คุณสามารถซื้อตั๋วและสำรองที่นั่งของเส้นทางที่คุณค้นหาได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ค้นหาเส้นทาง & จองบนเว็บไซต์หลักของ JR East ได้ตามลิ้งก์ด้านล่างนี้

transit.jre-maas.com/en/

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ ข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการ

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า