เทศกาลโอบงเป็นเทศกาลรำลึกถึงบรรพบุรุษในวัฒนธรรมญี่ปุ่น จะจัดขึ้นช่วงเดือน ก.ค.ถึงเดือน ส.ค. ซึ่งตรงกับหน้าร้อน ในเทศกาลโอบงจะมีกิจกรรมรำวงที่เรียกว่า “บงโอโดริ” ซึ่งจะขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น แต่บงโอโดริที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นจะมีอยู่สามแห่ง ได้แก่ 1. นิชิโมไน บงโอโดริ (Nishimonai Bonodori) ในจังหวัดอาคิตะ 2. กุโจ โอโดริ (Gujo Odori)ในจังหวัดกิฟุ และ 3. อาวะโอโดริ ในจังหวัดโทคุชิมะ ปัจจุบันเทศกาลอาวะโอโดริได้รับความนิยมจนมีการจัดกิจกรรมขึ้นในหลายพื้นที่ รวมไปถึงในแถบโตเกียวอีกด้วย ในบทความนี้จะชวนคุณมาทำความรู้จักกับ “อาวะโอโดริแห่งโทคุชิม่า” ต้นกำเนิดของอาวะโอโดริ!
รู้จักกับ “อาวะโอโดริแห่งโทคุชิม่า”
อาวะโอโดริแห่งโทคุชิม่า เป็นการร่ายรำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 400 ปี เป็นหนึ่งในสามเทศกาลสำคัญในภูมิภาคชิโกกุ สันนิษฐานว่าอาวะโอโดริเกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1586 โดยเป็นการเต้นรำเฉลิมฉลองการก่อสร้างปราสาทโทคุชิมะ ส่วนท่าร่ายรำได้รับอิทธิพลมาจาก “โนกาคุ” (Nogaku) หรือละครโนที่เรารู้จักกันนั้นเอง สะท้อนให้เห็นว่าอาวะโอโดริมีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับชาวญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ว่ากันว่าในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1868) แคว้นโทคุชิมะถึงกับออกคำสั่งห้ามการเต้นรำอยู่หลายครั้ง เนื่องจากกลัวว่าความอยากเต้นรำของชาวเมืองจะนำไปสู่การลุกฮือขึ้น และในยุคนั้นนักรบหรือซามูไรจะร่วมเต้นรำกับชาวบ้านทั่วไปไม่ได้ อาวะโอโดริจึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพ่อค้าที่กลายเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ตกทอดมาถึงทุกวันนี้
ในช่วงยุคเมจิถึงยุคไทโช (ค.ศ.1868 – 1926) ญี่ปุ่นรับวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามา ทำให้เริ่มมีการนำเครื่องดนตรีตะวันตก เช่น ไวโอลิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดนตรีประกอบการเต้นรำ และพอเข้ายุคโชวะ (ค.ศ. 1926–1989) ก็มีการจัดอาวะโอโดริขึ้นที่ย่านโคเอ็นจิในกรุงโตเกียว ทำให้อาวะโอโดริกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ กระทั่งในปี ค.ศ.1970 อาวะโอโดริก็ได้รับเลือกให้ไปแสดงในงาน Japan World Exposition ซึ่งจัดขึ้นที่โอซาก้า ทำให้ต่างประเทศเริ่มรู้จักอาวะโอโดริในฐานะวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ประเภทของอาวะโอโดริ
อาวะโอโดริมีสไตล์การเต้นที่หลากหลาย แต่มีสไตล์หลักอยู่ 3 แบบได้แก่ สไตล์นงกิ สไตล์โกจาเฮ และสไตล์อาโฮะ ซึ่งแต่ละสไตล์มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
1. สไตล์นงกิ
เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1925 จากคณะเต้นรำเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งชื่อเรียกก็มาจากชื่อคณะนั่นเอง มีลักษณะเด่นคือ การยืดหลัง ลดสะโพกและยืนบนปลายเท้า เป็นสไตล์การเต้นที่สนุกสนานและเข้าร่วมได้ง่ายที่สุดในสามสไตล์หลัก
2. สไตล์โกจาเฮ
เกิดจากคณะเต้นรำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดโทคุชิมะ มีสมาชิกมากกว่า 350 คน มีลักษณะเด่นคือ การเคลื่อนไหวที่ประสานกับดนตรีช้า ๆ นักเต้นจะลดสะโพกลงแทบติดกับพื้นและก้าวไปข้างหน้าด้วยการสับฝีเท้าพร้อมกับถือพัดไปด้วย
3. สไตล์อาโฮะ
เกิดคณะเต้น “เอโดะโกะเร็น” และคณะเต้น “อาโฮะเร็น” ลักษณะเด่นคือ เป็นการเต้นรำที่ดูมีพลังมากที่สุดในสามสไตล์ โดยหากเป็นนักเต้นชายจะโน้มตัวไปข้างหน้าและเต้นเป็นจังหวะพร้อมถือโคมไว้ในมือ
ความแตกต่างระหว่างชายและหญิง
ในการเต้นอาวะโอโดริ สมาชิกชายหญิงในคณะจะเต้นรำแยกกัน การเต้นรำของนักเต้นชายจะเน้นการเต้นรำอย่างมีชีวิตชีวา สวมชุดยูกาตะหรือฮัปปิและใส่ถุงเท้าทาบิ ในขณะที่การเต้นรำของนักเต้นหญิงจะเน้นการเต้นรำอย่างสง่างาม สวมชุดยูกาตะ งอบ และใส่รองเท้าเกี๊ยะ
อาวะโอโดริแห่งโทคุชิมะเป็นการเต้นรำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ทรงคุณค่า เหตุผลที่ได้รับความนิยมคือ เราสามารถเอ็นจอยกับทวงท่าการเต้นที่หลากหลาย สำหรับใครที่สนใจอยากดูอาวะโอโอริของแท้ แนะนำให้ไปชมเทศกาลอาวะโอโดริ (Awa Dance Festival) โดยจะจัดขึ้นในเมืองโทคุชิม่าช่วงวันที่ 12 – 15 สิงหาคมของทุกปี เป็นเทศกาลอาวะโอโดริที่ใหญ่ที่สุด เพราะจัดขึ้นที่ต้นกำเนิดของการเต้นรำสุดสนุกนี้นั้นเอง!
สรุปเนื้อหาจาก : yomiuri-ryokou.co.jp