จังหวัดคาโกชิมะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะคิวชู อุดมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ และเป็นที่ตั้งของมรดกโลกสำคัญของญี่ปุ่นถึง 3 แห่ง! เริ่มต้นด้วย “เกาะยากุชิมะ” ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1993 ถัดมาคือ “สถานที่แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมจิของญี่ปุ่น” ซึ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมโลกในปีค.ศ. 2015 และสุดท้ายคือ “เกาะอามามิโอชิมะ” ซึ่งได้รับการจดทะเบียนในปี ค.ศ. 2021 ทำให้กลายเป็นจังหวัดเดียวในญี่ปุ่นที่มีแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติถึงสองแห่ง! จะสวยงามและทรงคุณค่าขนาดนั้น มาชมกันเลย!
1. เกาะยาคุชิมะ มรดกโลกทางธรรมชาติ
หลังจาก UNESCO ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เกาะยาคุชิมะก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวขึ้นมาทันที ทั้งในและนอกประเทศต่างให้การยอมรับว่าเป็นเกาะที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง
ภายในเกาะมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้ได้ลองทำมากมาย พูดได้ว่าไปครั้งเดียวไม่พอแน่นอน! โดยตัวอย่างกิจกรรมที่เราแนะนำก็เช่น เดินป่าสูดอากาศบริสุทธิ์ในป่าที่เขียวชอุ่ม หยุดฟังเสียงหัวใจของต้นยาคุสึกิหรือต้นสนญี่ปุ่นอายุกว่าพันปี หรือจะไปรับประจุพลังงานที่หน้านํ้าตกก็ดีไม่แพ้กัน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติ หรืออยากลองทำกิจกรรมอาบป่าเพื่อผ่อนคลายร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าที่สุด
จุดชมวิวน้ำตก Senpiro (千尋の滝) ที่เกาะยาคุชิมะ
ข้อมูลเกาะยาคุชิมะ
ที่ตั้ง | Yakushima, Kumage District, Kagoshima, Japan |
วิธีเดินทาง | นั่งเรือเฟอร์รี่จากคาโกชิมะ ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง |
2. ชูเซคัง มรดกแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมญี่ปุ่น
เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2015 ได้มีการประกาศขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นตัวแทนของการพัฒนาอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลเอโดะถึงสมัยเมจิ (ค.ศ.1853 – 1868) ทั้งหมด 23 แห่งใน 8 จังหวัดโดยมีชื่อเรียกรวมว่า “สถานที่แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมเมจิของญี่ปุ่น” ซึ่งวำหรับจังหวัดคาโกชิมะมีด้วยกันทั้งหมด 3 แห่ง ดังนี้ค่ะ
1. พิพิธภัณฑ์โชโกะชูเซคัง
พิพิธภัณฑ์โชโกะชูเซคัง (旧集成館) ในอดีตเคยเป็นโรงงานหินสไตล์ตะวันตกที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าเมืองซัตสึมะซึ่งตระหนักว่าจำเป็นต้องมีโรงผลิตอาวุธปืนใหญ่และเรือรบเพื่อป้องกันการคุกคามทางทะเลจากตะวันตก ด้วยเหตุนั้นโชโกะชูเซคังจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาไว้ผลิตชิ้นส่วนสำหรับเรือและปืนใหญ่ โดยอาศัยพลังงานความร้อนจากเตาเผาถ่านเทรายามะเพื่อหลอมวัสดุและถ่าน พร้อมด้วยมีการดึงพลังน้ำจากคลองเซกิโยชิมาขับเคลื่อนกังหังน้ำเพื่อให้พลังงาน ปัจจุบันนั้นก็กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เอาไว้จัดแสดงและอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชูเซคังค่ะ
ข้อมูลพิพิธภัณฑ์โชโกะชูเซคัง (旧集成館)
ที่ตั้ง | 9698-1 Yoshinocho, Kagoshima, 892-0871, Japan |
เวลาทำการ | 8:30 – 17:30 |
ราคาเข้าชม | ผู้ใหญ่ 1,000 เยน / เด็ก 500 เยน |
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถบัสทัวร์เมืองคาโกชิมะ และลงที่ป้าย Senganen-mae (Iso Teien-mae) จากนั้นเดินต่ออีก 1 นาที |
2. ซากเตาเผาถ่านเทรายามะ
เตาเผาถ่านเทรายามะ (寺山炭窯跡) เป็นเตาเผาที่ใช้ผลิตถ่านขาวส่งให้โรงงานหินอีกที ซึ่งตัวเตาถือว่ามีขนาดใหญ่มากในสมัยนั้น อีกทั้งด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง มีการก่ออิฐซ้อนทับหลายชั้นเหมือนเช่นกำแพงปราสาท ทำให้สามารถทนความร้อนได้ถึง 1500 องศา ซึ่งถือว่าสูงมาก ๆ ในตอนนั้น
สถานที่ตั้งของเตาเผานั้นก็นับว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดีทีเดียวเชียว เพราะมีแหล่งน้ำไหลผ่าน อีกทั้งมีต้นโอ๊กและต้นบีชซึ่งสามารถนำไปแปรรูปเป็นถ่านขาวคุณภาพสูงได้อยู่มากมาย ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมเมจิที่สำคัญในคาโกชิมะเลยค่ะ
ข้อมูลซากเตาเผาถ่านเทรายามะ (寺山炭窯跡)
ที่ตั้ง | 10701-68 Yoshinocho, Kagoshima, 892-0871, Japan |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคาเข้าชม | ฟรี |
วิธีเดินทาง | ขับรถจากสถานี JR Kagoshima Chuo ประมาณ 40 นาที |
3. คลองเซกิโยชิ
คลองเซกิโยชิ (関吉の疎水溝) เป็นคลองน้ำที่มีความสูงต่างระดับ 8 เมตร ยาว 8 กิโลเมตร ซึ่งในระหว่างเส้นทางน้ำก็มีอุโมงค์น้ำซึ่งถูกขุดด้วยมืออีกถึง 18 แห่งตลอดทาง กล่าวได้ว่าการวางแผนขุดคลองเซกิโยชินั้นถือเป็นจุดที่ทำให้โรงหินผลิตประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้ เพราะพลังน้ำที่ถูกดึงขึ้นมาจากคลองนั้นช่วยขับเคลื่อนกังหันน้ำและแปรมาเป็นพลังงานสำคัญของโรงหิน
ข้อมูลคลองเซกิโยชิ (関吉の疎水溝)
ที่ตั้ง | 1222 Shimotacho, Kagoshima, 892-0873, Japan |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง |
ราคาเข้าชม | ฟรี |
วิธีเดินทาง | ขับรถจากสถานี JR Kagoshima Chuo ประมาณ 40 นาที |
สถานที่ทั้ง 3 แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับโครงการชูเซคัง ซึ่งเป็นสร้างการก่อสร้างโรงงานสไตล์ตะวันตกสมัยใหม่แห่งแรกในเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในสมัยเมจิได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้โครงการชูเซคังยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นแข็งแรง และสร้างชาติให้เจริญรุ่งเรืองได้มาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย
3. “เกาะอามามิ” เกาะสวรรค์สุดหรรษา
เกาะอามามิโอชิมะตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดคาโกชิมะและจังหวัดโอกินาว่า ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งร่วมกับ เกาะโทคุโนะชิมะ ส่วนเหนือของเกาะโอกินาว่า และเกาะอิริโอโมเตะ
เกาะอามามิมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ ทำให้สัตว์ประจำถิ่นที่มีตั้งแต่อดีตยังคงมีชีวิตรอดจนถึงทุกวันนี้ ตัวอย่างสัตว์ประจำถิ่น เช่น กระต่ายอามามิ นกลิดธ์เจย์ และนกเดินดง ซึ่งนอกจากความอุดมสมบูรณ์บนบกแล้ว ในท้องทะเลก็เป็นที่อยู่ของปะการังกว่า 200 ชนิด เป็นที่อยู่อาศัยของปลา บนชายฝั่งก็เป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล พูดได้ว่าเกาะอามามิโอชิมะเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตหลากหลายรูปแบบทั้งบนบกและในท้องทะเล ด้วยความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทำให้มีกิจกรรมหลากหลาย เช่น ดำนํ้าตื้น เดินป่า หรือศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นต้น
ข้อมูลเกาะอามามิโอชิมะ
ที่ตั้ง | Kagoshima, Japan |
วิธีเดินทาง | น่าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากท่าเรือเมืองคาโกชิมะใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง |
คาโกชิมะเป็นอีกจังหวัดที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติสูง มีทั้งภูเขาและทะเล และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก โดยเฉพาะของขึ้นชื่ออย่างคุโรบูตะ หมูดำคุณภาพ! ไปญี่ปุ่นครั้งหน้า ลองมาเที่ยวคาโกชิมะดูนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก : kagoshima-kankou Terayama Charcoal Kiln Sekiyoshi Sluice