เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดโทจิงิหลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า “นิกโก” ละก็ คงจะอ๋อกันเลยใช่ไหมละคะ! จังหวัดโทจิงิตั้งอยู่ที่ภูมิภาคคันโตบนเกาะฮอนชู ใกล้กับกรุงโตเกียว หากมาที่นี่เพื่อน ๆ จะได้พบกับแหล่งมรดกโลกขึ้นชื่อที่เมืองนิกโก ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถบัส World Heritage ทัวร์แหล่งมรดกโลกได้อย่างเต็มที่ รวมถึงเพลิดเพลินกับภูมิทัศน์อันสวยงามของธรรมชาติอย่างใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงได้อีกด้วย ใครพร้อมแล้วออกเดินทางไปด้วยกันเลย!
1. ทะเลสาบจูเซ็นจิ
ทะเลสาบชูเซ็นจิ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดโทจิงิ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟนันตาอิ โดยรอบของทะเลสาบล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันงดงามมากมาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ในการมาพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงศตวรรษที่ 20 บริเวณนี้ก็เต็มไปด้วยบ้านพักตากอากาศของชาวต่างชาติ รวมถึงปัจจุบันก็ยังเป็นที่ตั้งบ้านพักต่างอากาศของทูตฝรั่งเศส ริมทะเลสาบชูเซ็นจิ เพื่อน ๆ สามารถสนุกสนานกับเส้นทางเดินป่าได้ตลอดสี่ฤดูกาล ที่นี่เป็นจุดชมวิวดอกซากุระและดอกกุหลาบพันปี รวมถึงในฤดูใบไม้ร่วงก็มีวิวใบไม้ที่พากันเปลี่ยนสีให้เพื่อน ๆ ได้เพลิดเพลินด้วย นอกจากจะเดินเล่นริมทะเลสาบแล้ว ยังสามารถนั่งเรือสำราญชมใบไม้เปลี่ยนสีตามเส้นทางโคโยเมะกุริได้ด้วยนะ ที่นี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนรักธรรมชาติไม่ควรพลาดเลยละ
ทะเลสาบจูเซ็นจิ (中禅寺湖)
ที่อยู่ | Nikko, Tochigi, Japan |
เวลาทำการ | เรือสำราญ ให้บริการเฉพาะสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน-พฤศจิกายนเท่านั้น |
ค่าบริการ | ล่องเรือสำราญ มีค่าใช้จ่าย 1,250 เยน (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือออกทุก ๆ 1 ชั่วโมง) |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nikko-kankou |
การเดินทาง | จากสถานี Nikko สามารถนั่งรถบัส Tobu ที่ผ่านน้ำพุร้อน Chuuzen-ji หรือ Yumoto Onsen แล้วลงที่ป้ายน้ำพุร้อน Chuuzen-ji 0kdoyho เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที |
2. น้ำตกเคกอน
น้ำตกเคกอน เกิดจากน้ำของทะเลสาบชูเซนจิ ทะเลสาบขนาดใหญ่ของจังหวัดโทจิงิ ที่ตกจากหน้าผาสูงกว่า 97 เมตร กลายเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลแรงตลอดทั้งปี และที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วย แต่ว่าวันไหนที่อากาศเย็นหมอกจะลงหนามากจนอาจจะมองไม่เห็นน้ำตกเลยละ ส่วนในช่วงฤดูหนาวน้ำตกจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ดูสวยงามแปลกตาสุด ๆ
สำหรับจุดชมวิวน้ำตกสามารถชมได้สองที่คือ บริเวณด้านบนที่เป็นจุดขายของ และด้านล่างที่ต้องใช้ลิฟต์ลงไปถึงจะมองเห็น แต่ก่อนจะลงเพื่อน ๆ สามารถชมวิวน้ำตกผ่านจอมอนิเตอร์ขณะซื้อตั๋วเข้าชมได้ เพราะถ้าหากลงไปแล้วเจอแต่หมอกคงไม่คุ้มเนอะ ขอบอกก่อนเลยว่าอากาศข้างล่างบริเวณน้ำตกหนาวเย็นมาก ๆ สมกับฉายาตู้เย็นธรรมชาติจริง ๆ ทั้งเสียงน้ำตกกระทบหิน นกเฮ้าส์มาร์ตินที่บินรอบ ๆ สวยงามน่าประทับใจที่สุดเลย
น้ำตกเคกอน (華厳の滝)
ที่อยู่ | 2479-2 Chugushi, Nikko, Tochigi 321-1661, Japan |
เวลาทำการ | 8.00 น.–17.00 น. |
ค่าเข้าชม | – ผู้ใหญ่ 550 เยน – เด็ก 330 เยน *รวมค่าขึ้นลิฟต์แล้ว |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | kegon |
การเดินทาง | จากสถานี JR Tobu-nikko ให้นั่งรถบัสลงรถที่ป้าย ชุเซนจิ ออนเซ็น (Shuzenji Onsen) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที |
3. แม่น้ำสายคินุกาวะ
ร่วมท้าทายกับกิจกรรมแสนสนุกอย่างการล่องแก่งในแม่น้ำคินุกาวะ ที่เพื่อน ๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ที่เป็นโขดหินรูปร่างประหลาด ธรรมชาติรอบหุบเขาคินุกาวะ ทั้งป่าไม้ผลัดใบ ดอกซากุระภูเขายามฤดูใบไม้ผลิ เหล่านกน้อยที่พากันส่งเสียงร้องก้องป่าในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง น้ำในแม่น้ำก็ใสจนเห็นปลาว่ายเลยละ แถมยังได้เห็นทักษะการพายเรือของนักพายท่ามกลางกระแสน้ำอันเชี่ยวกราด ยิ่งตอนเวลานั่งเรือแล้วน้ำกระเซ็นโดนหน้าเป็นอะไรที่สดชื่นสุด ๆ คลายร้อนได้ดีเลย ถือเป็นการดื่มด่ำธรรมชาติอีกแบบหนึ่งที่สนุกสุดเหวี่ยงไปเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าใครอยากชมวิว ๆ เซลฟี่สวย ๆ ก็สามารถไปที่สะพานแขวนคินุทะเทะอิวะ (ห่างจากแม่น้ำ 5 นาที) หรือที่เรียกกันว่าเป็นสะพานแขวนแต่งงาน เพราะเป็นจุดจุดพาวเวอร์สปอตด้านความรักนั่นเองค่ะ สนใจอ่านข้อมูลต่อได้ที่ สะพานหรือใจเธอที่โคลงเคลง? พิสูจน์รักแท้พร้อมมูด้านความรักที่ “สะพานแขวนแห่งการแต่งงาน” เมืองนิกโก!
แม่น้ำสายคินุกาวะ (鬼怒川ライン下り)
ที่อยู่ | 1414 Kinugawaonsen Ohara, Nikko, Tochigi 321-2522, Japan |
เวลาทำการ | เรือล่องแม่น้ำสายคินุกาวะ เปิดให้บริการทุกวันในช่วงกลางเดือนเมษายน-เดือนพฤศจิกายน เวลา 9.00-15.45น. *ปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนเมษายน **เรือมีทั้งหมด 12 รอบ ออกทุก ๆ 30 นาที แนะนำให้จองที่นั่งในเว็บหรือโทรไปจงล่วงหน้าไม่งั้นต้องรอคิวนาน (เวลาที่ใช้ในการล่องเรือแต่ละรอบประมาณ 40 นาที) |
ค่าบริการ | – ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 3,200 เยน – เด็ก ( 4 ปี – ประถมศึกษา) 2,200 เยน – ทารก (1 – 3 ปี) 700 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nikko-kankou |
การเดินทาง | จากสถานี Kinugawa Onsen สาย Tobu Nikko แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที |
4. สวนดอกไม้อะชิคากะ
สวนดอกไม้ที่มีการจัดแสดงดอกไม้นานาพันธุ์ตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนเมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม ที่นี่จะโดดเด่นไปด้วยต้นวิสเทอเรียอายุกว่า 150 ปี จำนวน 4 ต้น ที่กำลังบานสะพรั่งจนกลายเป็นอุโมงค์วิสเทอเรียสีขาวที่มีความยาวกว่า 80 เมตร นอกจากนี้ยังมีต้นวิสทอเรียสีเหลือง และสายพันธุ์อื่น ๆ อีกกว่า 350 ต้น รวมถึงดอกอาซาเลียอีกกว่า 5,000 ต้น ที่จะมาเพิ่มสีสันให้กับสวนดอกไม้แห่งนี้
เมื่อเริ่มเข้าฤดูหนาว ที่นี่จะมีการจัดไฟประดับ ฮิคาริโนะฮานะโนะนิวะ หรือ สวนดอกไม้แสง ซึ่งภายในสวนยังประดับไปด้วยหลอดไฟกว่า 3 ล้านดวง รวมถึงการประดับไฟจำลอง Kiseki no oofuji หรือ ต้นฟูจิใหญ่อันน่ามหัศจรรย์ รวมถึงยังมีการประดับไฟบนพื้นของเนินเขา ที่นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เต็มไปด้วยเหล่าคู่รัก และครอบครัว ที่มาดื่มด่ำบรรยากาศอันแสนโรแมนติก และ สวยงามราวกับอยู่ในความฝันนั่นเอง สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาชมก็คือ ช่วงกลางเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคมนั่นเอง
สวนดอกไม้อะชิคากะ (あしかがフラワーパーク)
ที่อยู่ | 607 Hasamacho, Ashikaga, Tochigi 329-4216, Japan |
เวลาทำการ | 9:00 – 18:00 น. *ปิดให้บริการช่วงวันหยุดปีใหม่ ทุกวันพุธและวันพฤหัสบดีแรกของเดือนกุมภาพันธ์ |
ค่าเข้าชม | – ผู้ใหญ่ 300 – 1,700 เยน – เด็ก 100 เยน – 800 เยน *ราคาแตกต่างกันไปตามฤดูกาลที่ดอกไม้บาน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | ashikaga |
การเดินทาง | เดินจากสถานี JR Tomita หรือจากประตูทางออกทางทิศใต้ของสถานี Ashikagashi รถไฟสาย Tobu Isesaki ประมาณ 15 นาที หรือจะใช้บริการรถ Shuttle Bus รับส่งฟรีของที่นี่ก็ได้ค่ะ |
5. วัดนิกโกซังรินโนจิ
NIKKO is NIPPON (เมืองนิกโก คือ ประเทศญี่ปุ่น) เนื่องจากเมืองนิกโกถือเป็นที่ตั้งของแหล่งมรดกมากมาย รวมถึงวัดรินโนจิ หนึ่งในแหล่งมรดกโลกของนิกโก ซึ่งถือเป็นวัดในศาสนาพุทธที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นโดยพระโชโด โชนิน ผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ในนิกโกนั่นเอง
ข้างวัดรินโนจิ ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าโทโชกุ และศาลเจ้าฟูระตะซันด้วย เรียกได้ว่ามาถึงที่นี่เที่ยวได้หลายแห่งเลยละ เมื่อไปถึงที่แล้วเพื่อน ๆ ต้องไม่พลาดไปสักการะศาลาซันบุสึ ที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป 3 องค์ และอาคารอีก 38 หลัง หรือเดินชมสวนโชโย สวนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ ที่ถือเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกแห่งหนึ่ง ประตูนิเท็มมงและประตูโคกะมง สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่มีการตกแต่งสวยงาม รวมถึงเจดีย์ 5 ชั้น ที่ถ้าหากเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นภาพแกะสลัก 12 นักษัตรตามปฏิทินจีนด้วย นอกจากนี้ในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งตรงกับพิธีโกฮังชิกิ ว่ากันว่าหากเข้าไปร่วมพิธีนี้จะทำให้อายุยืนด้วยนะ
วัดนิกโกซังรินโนจิ (日光山輪王寺)
ที่อยู่ | 2300 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1494, Japan |
เวลาทำการ | 8.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | – เฉพาะศาลาซันบุสึ 400 เยน – สวนโชโย 300 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | rinnoji |
การเดินทาง | นั่งรถบัสจาก JR Nikko Station หรือจะเดินต่อก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที |
6. ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ
ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ โดดเด่นด้วยอาคารไม้ลงลายสีทอง แกะสลักอย่างสวยงามตามแบบญี่ปุ่น ภายในศาลเจ้าเพื่อน ๆ สามารถชมอาคารที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติชาติถึง 8 หลัง โดดเด่นด้วยประตูทางเข้าโยเมมง ที่เห็นแล้วต้องอึ้งกับผลงานการแกะสลักไม้เป็นสัตว์ต่าง ๆ บนซุ้มประตู ถัดไปอีกนิดจะพบประตูคารามง ที่มีภาพวาดสีขาวสลับกับการแกะสลักแบบจีนบริเวณซุ้มประตู สวยงามไม่แพ้กันเลยละค่ะ นอกจากนี้เพื่อนๆต้องไม่พลาดชมงานประติมากรรมชิ้นเอกอย่าง แมวนอนหลับ ที่สื่อถึงการอธิษฐานให้โลกสงบสุข และภาพลิงสามตัว ที่สื่อถึงการไม่ดู ไม่พูดและไม่ฟัง รวมถึงงานเทศกาลที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ และใบไม้ร่วง อย่าง เฮียคุโมโนะโซโรอิ เซ็นนินมุฉะเงียวเร็ทสึ หรือ ขบวนนักรบพันคน และ ชินจิยาบุซาเมะพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ยิงธนูจากหลังม้า
ศาลเจ้านิกโกโทโชกุ (日光東照宮)
ที่อยู่ | 2300 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1494, Japan |
เวลาทำการ | 8.00-17.00 น. |
ค่าเข้าชม | คนละ 1,300 เยน *หากต้องการชมภาพแกะสลักแมวหลับต้องเสียค่าผ่านประตูเพิ่มอีกคนละ 520 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | toshogu |
การเดินทาง | จากสถานี JR Nikko เพื่อนสามารถเดินหรือนั่งรถบัสมาก็ได้ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที |
7. ศาลเจ้านิกโกฟุตะระซัน
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่โด่งดังในเรื่องการให้โชคลาภ และเรื่องการผูกดวงคู่ครอง พื้นที่อันกว้างขวางบริเวณศาลเจ้าส่วนใหญ่เป็นที่โล่ง มีเพียงห้องโถงไฮเดน ตั้งอยู่ทางด้านซ้าย รวมถึงห้องโถงอื่น ๆ อีก ถัดจากศาลเจ้าไปไม่ไกลนัก เพื่อน ๆ จะพบสะพานชินเคียว หรืออสรพิษคู่ ซึ่งเป็นสะพานไม้สีแดงที่พาดข้ามแม่น้ำไดยะไปยังแหล่งทางเข้าของมรดกโลก สะพานแห่งนี้จึงถือเป็นสะพานเก่าแก่ที่สวยงามของญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ที่มีตำนานว่ากันว่า ศาลเจ้าและวัดของนิกโกคือหลังของงูที่เทพเจ้าปล่อยออกมาแล้วมีหญ้าขึ้นจนกลายมาเป็นสะพานนี้นั่นเอง นอกจากนี้ศาลเจ้าฟุตะระซังยังมีอีกสองแห่ง คือ บนยอดเขานันไต และทางทิศเหนือของทะเลสาบชูเซนจิ
ศาลเจ้านิกโกฟุตะระซัน (日光二荒山神社)
ที่อยู่ | 2307 Sannai, Nikko, Tochigi 321-1431, Japan |
เวลาทำการ | 8.00-17.00 น. |
ค่าบริการ | ข้ามสะพานชินเคียวเสียค่าเข้าชมเพิ่มอีกคนละ 500 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | futarasan |
การเดินทาง | จากสถานี JR Nikko มีรถรับส่งทัวร์มรดกโลก เวียนรอบละ 13 นาที จากสถานี Tobu Nikko หากจะมาที่นี่ต้องลงรถที่หน้าวัดไทยุอิน ฟุตาระซัน |
8. เอโดะ วันเดอร์แลนด์
สวนสนุกที่จะพาคุณมาเที่ยวสมัยเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นอาคาร บ้านเรือน สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ล้วนเป็นสถาปัตยกรรมในสมัยเอโดะทั้งสิ้น รวมถึงพนักงานภายในสวนสนุกก็ยังแต่งกายเป็นชุดชาวบ้านสมัยเอโดะด้วย เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากกลายเป็นคนหลงยุคจริงไหมละ ดังนั้นที่สวนสนุกแห่งนี้จึงมีบริการให้เช่าชุดชาวบ้านโบราณมาเดินเล่นในเมืองด้วย
นอกจากนี้เพื่อน ๆ ยังสามารถสนุกกับโซนอื่น ๆ อย่างบ้านผีสิงที่ทำเป็นวัดร้างเต็มไปด้วยผีญี่ปุ่น ภาพลวงตา และเขาวงกตนินจา ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งอีก 2 แห่ง คือ Kodenmacho Jail House และ Kira Kozukenosuke Residence รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกด้วย ส่วนอาคารอื่น ๆ ก็ทำเป็นร้านค้าที่แสดงให้เห็นถึงอาชีพของชาวบ้านในยุคนั้น ยิ่งกว่านั้นเพื่อน ๆ ยังมีโอกาสได้ชมการแสดงละครสดในโรงละครทั่วสวนสนุก ซึ่งแต่ละโรงก็จะแสดงแตกต่างกันไป เช่น มายากล ศิลปะการต่อสู้ เป็นต้น
เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (日光江戸村)
ที่อยู่ | 470-2 Karakura, Nikko, Tochigi 321-2524, Japan |
เวลาทำการ | 9:30-16:00 *ปิดให้บริการทุกวันพุธ |
ค่าเข้าชม | 4,700 เยน *ฤดูร้อนหลัง 14.00 น.และฤดูหนาวหลัง 13.00 น. ลดราคาเหลือเพียง 4,100 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | edowonderland |
การเดินทาง | จาก Kinugawa Onsen นั่งรถบัส Tobu bus ไปลงที่ Nikko Edomura มีบริการรถบัสฟรีไปยัง Fujiya Kanko Center ใกล้ศาลเจ้าโทโชกุ |
9. ออนเซ็นยุนิชิกะวะ
ออนเซ็นแห่งประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลไทระ ว่ากันว่าเหล่าซามูไรที่หนีออกมาได้ค้นพบออนเซ็นริมแม่น้ำ ที่ช่วยในการรักษาบาดแผลได้ ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาของแม่น้ำยุนิชิกะวะ ปัจจุบันออนเซ็นแห่งนี้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนเป็นที่ตั้งของเรียวกังและเกสท์เฮาส์มากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณแม่น้ำนิชิกาวะยังมีการให้บริการรถบัสสะเทินน้ำสะเทินบกชมวิวทิวทัศน์โดยรอบแม่น้ำด้วย ยิ่งถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่ช่วงปลายเดือนมกราคม – ต้นเดือนมีนาคม ซึ่งตรงกับเทศกาลคะมะคุระ เพื่อน ๆ จะได้เห็นบ้านหิมะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่าคามาคุระ สวยงามไปด้วยแสงไฟจากเปลวเทียนที่จุดอยู่ภายในบ้าน นอกจากนี้ยังมีงานเทศกาลประจำปีที่ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถชื่นชมศิลปะวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นอย่างการแสดงโบราณพร้อมเสียงดนตรี ตามด้วยขบวนแห่เฮเกะเอะมาคิเกียวเรทซึ ที่อลังการควรค่าแก่การดูชมอย่างยิ่งเลยละค่ะ
ออนเซ็นยุนิชิกะวะ (湯西川温泉)
ที่อยู่ | Yunishigawa, Nikko, Tochigi 321-2601, Japan |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nikko-kankou |
การเดินทาง | นั่งรถบัสสายนิกโกะ ยุนิชิกาวะ ออนเซน จากสถานี ไอสุคินุกาวะเซน แล้วลงที่ป้ายยุนิชิกาวะ ออนเซน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที |
10. ถนนอิโรฮาซากะ
เรียกได้ว่าเป็นถนนคู่ที่คดเคี้ยวสุด ๆ ไปเลยละค่ะ ดูจากภาพแล้วคนขับคงจะเวียนหัวไม่ใช่น้อย แต่ขอบอกเลยว่าวิวทิวทัศน์รอบข้างจะทำให้เพื่อนๆลืมอาการเหล่านั้นไปเลย ซึ่งถนนที่นี่จะเชื่อมต่อจากใจกลางเมืองนิกโกไปยังทะเลสาบชูเซ็นจิ จัดเป็นถนนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเชียวนะ เรียกได้ว่าเป็น Nihon Romantic Highway นั่นเองค่ะ
สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องการไปทะเลสาบชูเซ็นจิละก็ แน่นอนว่าต้องผ่านถนนคดเคี้ยวสายนี้แน่นอน และเพื่อความปลอดภัยถนนที่นี่จึงเป็นแบบวันเวย์ แยกระหว่างทางลงกับทางขึ้นนั่นเอง สำหรับทางขึ้นจะผ่านสถานี ropeway ที่สามารถนั่งกระเช้าอะเคจิไดระขึ้นไปยังจุดชมวิวได้ และสามารถถ่ายภาพอิโรฮาซากะกับน้ำตกบริเวณจุดพักได้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพื่อน ๆ จะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามโรแมนติกราวกับภาพวาด เพราะถนนสายนี้จะถูกกลบไปด้วยเหล่าใบไม้สีแดง เหลือง ส้ม สลับกัน น่าชมสุด ๆ เลยละค่ะ
ถนนอิโรฮาซากะ (いろは坂)
ที่อยู่ | Nikko, Tochigi, Japan |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | pref.tochigi |
การเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานี JR หรือ Tobu Nikko ไปยัง Chuzenjiko Onsen หรือ Yumoto Onsen แล้วลงที่ป้าย Akechidaira bus stop ใช้เวลาประมาณ 35 นาที หรือจะเช่ารถขับก็คุ้มสุด ๆ *เช่ารถขับสามารถเช่าได้ในเมืองนิกโก วันละประมาณ 5,400 เยน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นรถที่เลือกด้วย |
ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า ไปเที่ยวโทจิงิกัน!
นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวที่กล่าวมาแล้ว จังหวัดโทจิงิยังมีเมนูเด็ด ๆ มากมาย อย่างเนื้อวัวโทจิงิวากิว สาเกท้องถิ่น และยังเป็นแหล่งปลูกสตรอว์เบอร์รีอันดับหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นด้วยนะ! ดังนั้นมาถึงที่นี่แล้วอย่าพลาดไปเก็บสตรอเบอร์รี่สด ๆ ที่สวนกันด้วยนะคะ สวนสตรอว์เบอร์รีในจังหวัดโทจิงินั่นสามารถหาได้ทั่วเมืองเลยละ ใครใจดีก็อย่าลืมเก็บมาฝากกันด้วยนะ!