วันนี้ conomi จะชวนเพื่อน ๆ เก็บกระเป๋าเที่ยว จังหวัดคานางาวะ! แม้จะเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศญี่ปุ่น แต่กลับเป็นที่ตั้งของเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างโยโกฮาม่า คามาคุระ และฮาโกเนะ ดังนั้นแน่นอนว่าต้องอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย วันนี้เราจะพาไปไหนกันบ้างนั้น ไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ!
1. พระใหญ่แห่งคามาคุระ
เมืองคามาคุระ ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่อดีต เดิมทีพระใหญ่ตั้งอยู่บริเวณวัดโคโตคุอิน แต่เกิดความเสียหายจากไต้ฝุ่นและสึนามิ เมื่อประมาณศตวรรษที่ 14 และ 15 ทำให้ตัวอาคารพังทลาย เหลือแต่เพียงองค์พระใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จนทำให้เป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองคามาคุระมาจนถึงทุกวันนี้ และกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคามาคุระด้วย ซึ่งพระใหญ่คามาคุระทำจากทองสำริด มีความสูง 13.5 เมตร ถือเป็นพระใหญ่ที่สูงเป็นอันดับสองของญี่ปุ่น รองจากวัดโทไดจิ จังหวัดนารา เมื่อเข้ามาข้างในก็ต้องชำระร่างกายและจิตใจที่บ่อน้ำให้สะอาดก่อนเข้าภายในวัด ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวญี่ปุ่น เพียงแค่เพื่อนตักน้ำในบ่อมาลูบไล้ใบหน้าและร่างกาย ก็สามารถเข้าไปชมวัดได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ
พระใหญ่แห่งคามาคุระ (鎌倉大仏殿高徳院)
ที่อยู่ | 4 Chome-2-28 Hase, Kamakura, Kanagawa 248-0016, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | เมษายน – กันยายน 8.00 น. – 17.30 น. ตุลาคม – มีนาคม เที่ยงคืน – 17.00 น. (เข้าได้ถึงก่อน 15 นาทีเวลาปิดวัด) |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | – ผู้ใหญ่คนละ 300 เยน – เด็กอายุ 6 – 12 ปี 150 เยน *จุดชมพระใหญ่ คนละ 50 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | kotoku |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Enoden railway line ลงที่ Hase Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5-10 นาที |
2. สวนสนุกคอสโม่เวิลด์ โยโกฮาม่า
สวนสนุกคอสโม่เวิลด์ สัญลักษณ์เมืองโยโกฮาม่า เป็นสวนสนุกเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมอ่าว แต่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Cosmo Clock อดีตชิงช้าสวรรค์ที่เคยใหญ่ที่สุดในโลก ภายในแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ
- โซน Wonder Amaze: แหล่งรวมเครื่องเล่นน่าหวาดเสียว
- โซน Kid Carnival: สำหรับคุณหนู ๆ
- โซน Burano Street: ที่ตั้งของบ้านผีสิงที่ให้ผู้เล่นถือเทียนเพียงเล่มเดียวเดินเข้าไปภายในบ้าน รวมถึงเขาวงกตและเมืองน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ
ตอนกลางคืนเขายังมีการเปิดไฟประดับสร้างความงดงามให้กับสถานที่แห่งนี้ด้วยนะคะ เหมาะกับเพื่อน ๆ ทุกวัยแน่นอน!
สวนสนุกคอสโม่เวิลด์ โยโกฮาม่า (よこはまコスモワールド)
ที่อยู่ | 4 Chome-2-28 Hase, Kamakura, Kanagawa 248-0016, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 11.00-20.00 น. *ปิดทำการทุกวันพฤหัสบดี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | cosmoworld |
วิธีเดินทาง | เดินทางจากสถานีรถไฟ Minato Mirai Station (สาย Minato Mirai, สถานี Sakuragicho Station สาย JR Keihin-Tohoku, JR Negishi หรือรถไฟใต้ดินโยโกฮาม่าสายสีน้ำเงิน และ สถานี Bashamichi Station สาย Minato Mirai |
3. โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์
โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์ นับเป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เนื่องจากสมัยก่อนที่นี่เป็นเมืองชายทะเล จึงมีการเปิดเป็นเมืองท่าเพื่อใช้ในการติดต่อกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมเดินทางมาติดต่อค้าขายเพิ่มขึ้น จนทำให้ที่นี่กลายเป็นไชน่าทาวน์ขนาดใหญ่ในปัจจุบันนั่นเอง
มาถึงที่นี่หลาย ๆ คนคงจะพอนึกภาพเยาวราชบ้านเราออกใช่ไหมล่ะคะ เพราะตลอดสองข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหารมากกว่า 620 ร้าน ยาวไปตลอดทางเดินเลยละ ทั้งร้านอาหารจากกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ไต้หวัน ร้านชาจีน ร้านติ่มซำ ร้านขายเสื้อผ้าและของใช้ แม้แต่อาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน โดยเฉพาะบริเวณซุ้มประตูยักษ์ ที่ว่ากันว่ามาถึงที่นี่แล้วไม่ลอดใต้ซุ้มนี้ถือว่ามาไม่ถึง
และที่โดดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นป้ายแดงเหลืองทองอร่ามของอาคารละแวกนี้ ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเรามาอยู่เมืองจีนจริง ๆ เลยละ หากวันไหนโชคดีก็จะได้ชมการเชิดสิงโตและขบวนพาเหรดในวันคล้ายวันเกิดกวันไท วันคล้ายวันเกิดเทพเจ้ามาซุ หรือวันชาติญี่ปุ่นด้วย นอกจากนี้ทุก ๆ วันเสาร์ยังมีกิจกรรมไทเก๊กให้เพื่อนได้ลองขยับร่างกายกันด้วยละ
โยโกฮาม่า ไชน่าทาวน์ (横浜中華街)
ที่อยู่ | Yamashitacho, Naka Ward, Yokohama, Kanagawa 231-0023, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | เปิดตลอดเวลา |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | ข้อมูลเพิ่มเติม chinatown |
วิธีเดินทาง | จาก Motomachi-Chukagai Station สาย Minato Mirai Line หรือจาก Ishikawacho Station สาย JR Negishi Line เดินต่อประมาณ 10 นาที |
4. สวนซามูเอล
สวนสาธารณะซามูเอล หรือ สวนพฤกษศาสตร์ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้แบบเขตร้อน ตะวันออก และตะวันตก โดยชื่อซามูเอล มาจากซามูเอล ค็อกกิ้ง พ่อค้าชาวอังกฤษในสมัยเมจิ ที่เคยอาศัยอยู่บริเวณนี้แล้วสร้างสวนพฤกษศาสตร์เอาไว้นั่นเอง
ภายในเพื่อน ๆ จะสามารถเพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพรรณตามฤดูกาล ทั้งพืชพันธุ์มหาสมุทรแปซิฟิก ดอกทิวลิปในฤดูหนาว รวมถึงยังสามารถชมทิวทัศน์รอบ ๆ ได้จากหอคอยซีแคน ที่สูงประมาณ 120 เมตร อีกทั้งยังสามารถชมวิวอ่าวซากามิได้แบบพาราโนม่า 360 องศาเลยละ วันไหนอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส จะมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ ได้ด้วยนะ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนกลางคืนยังมีการเปิดไฟประดับเพิ่มสีสันและความสวยงามให้สถานที่แห่งนี้ด้วย
สวนซามูเอล (江の島サムエル)
ที่อยู่ | 2 Chome-3-28 Enoshima, Fujisawa, Kanagawa 251-0036, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 9.00 – 20.00 น. (รอบสุดท้าย 19.30 น.) |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | *บริเวณสวนเข้าฟรี (ยกเว้นช่วงจัดอีเวนต์ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 250 เยน) Enoshima Sea Candle ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 250 เยน Enoshima Escar ผู้ใหญ่ 360 เยน, เด็ก 180 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ Enoden Train ไปลงที่ Enoshima ใช้เวลาประมาณ 30 นาที |
5. พิพิธภัณฑ์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ
ใครเป็นแฟนพี่ม่อนห้ามพลาด กับ พิพิธภัณฑ์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ หรือพิพิธภัณฑ์โดเรมอนในเมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นเมืองที่ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ นักเขียนการ์ตูนชื่อดังเรื่องโดเรม่อน หุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตทำงานอยู่นั่นเอง
ภายในพิพิธภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ชั้น ที่ชั้นแรกเพื่อน ๆ สามารถชมผลงานของอาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดเรมอน ปาร์แมน นินจาฮัตโตริ ทว่าที่ชั้นนี้มีกฎอยู่คือห้ามถ่ายรูปนะคะ ส่วนชั้นสองเพื่อน ๆ สามารถเพลิดเพลินกับโรงละครหนังสั้น ห้องอ่านการ์ตูน ห้องจำลองในฉากต่าง ๆ รวมถึงเหล่าตัวการ์ตูนที่รอให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่วนชั้นสุดท้ายเพื่อน ๆ สามารถพักทานอาหารอร่อย ๆ ในคาเฟ่โดเรมอน แวะซื้อของที่ระลึกจากตัวการ์ตูนเรื่องอื่น ๆ ของฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะได้ด้วย และสำหรับที่นี่ไม่ต้องกังวลว่าจะฟังคำอธิบายภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เพราะเขามีเครื่อง Audio Guide ที่มีถึง 4 ภาษาให้เราเลือกด้วยทั้งภาษาญี่ปุ่น เกาหลี จีน และอังกฤษ
พิพิธภัณฑ์ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ (藤子・F・不二雄ミュージアム)
ที่อยู่ | 2 Chome-8-1 Nagao, Tama Ward, Kawasaki, Kanagawa 214-0023, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 10.00 – 18.00 น. (มีรอบเข้าชม 10.00/12.00/14.00/16.00) *ปิดทำการทุกวันอังคาร ช่วงโกลเดนวีค และวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | – ผู้ใหญ่ 1,000 เยน – เด็กอายุ 12-18 ปี 700 เยน – เด็กอายุ 4-11 ปี 500 เยน *เด็กอายุต่ำกว่า 4 ปี เข้าฟรี **ต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าเท่านั้น ไม่มีตั๋วขายหน้าพิพิธภัณฑ์นะคะ ควรจองตั๋วล่วงหน้า 4-5 วัน และเก็บรักษาตั๋วให้ดี สามารถซื้อตั๋วได้ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ Loppi จากร้าน Lawson ทุกสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | fujiko-museum |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ Odakyu หรือ Odawara ลงสถานีโนโบริโตะ หรือรถไฟ JR Nambu Line ลงสถานีโนโบริโตะ หลังจากนั้นนั่งรถบัสลายการ์ตูนของพิพิธภัณฑ์บริเวณหน้าสถานีได้เลย |
6. พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นกลางแจ้ง
พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นกลางแจ้ง รวบรวมบ้านญี่ปุ่นแบบโบราณอายุ 200-300 ปี ไว้กว่า 20 หลัง อย่างบ้านไร่ Gasshozukuri บริเวณชิราคาวาโกะ ศาลเจ้า กังหันน้ำบ้านซามูไร บ้านพ่อค้า หมู่บ้านชาวประมง และเวทีคาบุกิในสมัยเอโดะ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนได้ รวมถึงการอนุรักษ์บ้านแบบโบราณของญี่ปุ่นที่กำลังจะสูญหายให้คงเหลือไว้ นอกจากนี้ยังสามารถชมการสาธิตงานฝีมือดั้งเดิม อย่างการย้อมผ้าสีคราม การทุบโมจิ งานหัตถกรรมจากไม้ไผ่ การเล่านิทานพื้นบ้าน เครื่องมือและเครื่องดนตรีพื้นบ้าน แถมเพื่อน ๆ ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมการย้อมผ้าสีคราม เพื่อทดลองทำผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าพันคอด้วยตนเองได้ด้วย แต่อาจต้องเสียเงินเพิ่มเล็กน้อย หากวันไหนโชคดีก็จะได้ชมการแสดงสิงโตเต้นรำด้วย และในโอกาสสำคัญทุก ๆ ปี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังรวบรวมคอเลกชั่นภาพสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสมัยเอโดะอีกด้วย
พิพิธภัณฑ์บ้านญี่ปุ่นกลางแจ้ง (川崎市立日本民家園)
ที่อยู่ | 7 Chome-1-1 Masugata, Tama Ward, Kawasaki, Kanagawa 214-0032, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 9.30-17.00 น. (มีรอบเข้าชม 10.00/12.00/14.00/16.00) *ปิดทำการทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | – ผู้ใหญ่ 550 เยน – ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 330 เยน – นักเรียนมัธยมปลายและนักศึกษา 330 เยน (ต้องโชว์บัตรแสดงตัว) *เด็กมัธยมต้นและต่ำกว่านั้นเข้าฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nihonminkaen |
วิธีเดินทาง | นั่งรถไฟ JR Nambu จากสถานี Kawasaki มาลงที่สถานี Noborito แล้วเดินต่ออีกประมาณ 25 นาทีค่ะ |
7. พิพิธภัณฑ์ราเมงชินโยโกฮาม่า
นอกจากจะมีพิพิธภัณฑ์คัพนูดเดิ้ล ของนิชชินแล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับราเม็ง ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมาที่มีรากฐานมาจากประเทศจีน ราเม็งแต่ละชนิด และน้ำซุปอีกกว่า 40 ชนิด ซึ่งตัวพิพิธภัณฑ์จะจำลองมาจากหมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า อยากให้คนทั่วไปได้ลิ้มรสราเม็งต่าง ๆ จากทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ในที่เดียว
ในชั้นแรกจะเป็นการรวมร้านค้าราเม็งต่าง ๆ ชื่อดังประมาณ 9 ร้าน และมีเมนูเด็ดๆ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถกดเลือกเมนูจากตู้อัตโนมัติหน้าร้านได้เลย ส่วนชั้นสองเป็นการจำลองถนนและอาคารบ้านเรือนในชิตามาชิ เมืองเก่าของโตเกียว ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีเมนูราเม็งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด รวมถึงเป็นที่ตั้งของร้านราเม็งอีก 3 ร้าน และชั้นสุดท้ายจะเป็นที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของราเม็งในแต่ละภูมิภาค ทั้งน้ำซุป ท็อปปิ้ง และชามราเม็ง รวมถึงของที่ระลึก วัตถุดิบที่ใช้ในการทำราเม็ง ให้เพื่อน ๆ ได้จับจ่ายนำไปทำเป็นราเม็งแสนอร่อยที่บ้านได้ด้วย
พิพิธภัณฑ์ราเมงชินโยโกฮาม่า (新横浜ラーメン博物館)
ที่อยู่ | 2 Chome-14-21 Shinyokohama, Kohoku Ward, Yokohama, Kanagawa 222-0033, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 11.00 – 22.00 น. น. (มีรอบเข้าชม 10.00/12.00/14.00/16.00) *ปิดทำการทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | – ผู้ใหญ่ (19 ขึ้นไป) 400 เยน – เด็ก (6 – 18 ปี) และผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปี 50 เยน *ต่ำกว่า 6 ขวบ เข้าฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | raumen |
วิธีเดินทาง | จากสถานี Yokohama ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Yokohama city subway มาลงที่สถานี Shinyokohama แล้วออกทางออกหมายเลข 8 เดินต่ออีกประมาณ 5-10 นาที |
8. ศาลเจ้าสึรุกาโอกะ ฮาจิมังกุ
ศาลเจ้าสึรุกาโอกะ ฮาจิมังกุ มีไฮไลท์เด่นตรงบันไดหินขนาดใหญ่และความโดดเด่นจากพื้นเพทางด้านประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญในยุคสมัยเมืองหลวงคามาคุระ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งซามูไร
ศาลเจ้านี้ได้รับความเคารพจากท่าน โยริโทโมะแห่งมินาโมโตะ โชกุนผู้ก่อตั้งรัฐบาลคามาคุระเป็นอย่างสูง หลังจากที่ก่อตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ท่านจึงได้ทำการย้ายศาลเจ้ามาประดิษฐานยังตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบัน และเคารพบูชาในฐานะผู้คุ้มครองคามาคุระ จึงกล่าวได้ว่าศาลเจ้านี้เป็นศูนย์รวมจิญวิญญาณที่สำคัญของสังคมตะวันออกญี่ปุ่นในสมัยนั้นเลยค่ะ
ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมอย่าง ยาบุซาเมะ หรือ การยิงธนูบนหลังม้า โดยพิธีกรรมยาบุซาเมะที่ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกุ คาดว่าเริ่มต้นขึ้นในสมัยคามาคุระ โดยท่านโยริโทโมะ เพื่อสวดภาวนาเพื่อสันติภาพ และเป็นโอกาสให้เหล่าทหารได้แสดงทักษะการยิงธนูต่อหน้าศาลเจ้าและผู้คนจำนวนมาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังมีเทศกาลที่จัด พิธียาบุซาเมะ ในเดือนกันยายนของทุกปีอยู่นะคะ!
ศาลเจ้าสึรุกาโอกะ ฮาจิมังกุ (鶴岡八幡宮)
ที่อยู่ | 2 Chome-1-31 Yukinoshita, Kamakura, Kanagawa 248-8588, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | 6.00 – 21.00 น. (ตุลาคม-มีนาคม) 05:00-21.00 น. (เมษายน-กันยายน) |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | พิพิธภัณฑ์ 200 เยน , บริเวณศาลเจ้าเข้าฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | hachimangu |
วิธีเดินทาง | เดิน 10 นาที จากทิศตะวันออกสถานี JR Kamakura |
9. ทะเลสาบอาชิ
ทะลสาบอาชิ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชมวิวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง โดยเป็นทะเลสาบชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเกิดจากการประทุของภูเขาไฟฮาโกเนะเมื่อ 3,000 ปีก่อน ทำให้กิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ก็คือ การล่องเรือโจรสลัดไปบนทะเลสาบอาชิโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ!
ซึ่งเรือนี้ก็จะวิ่งวนเป็นวงกลม ผ่าน 3 ท่าเรือ Togendai – Motohakone-ko – Hakonemachi เรือที่ใช้นำชมก็ไม่ใช่เรือข้ามฟากธรรมดานะคะ แต่เป็นเรือสำหรับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเลย! บนเรือทุกลำก็จะมีดาดฟ้าให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมายืนชมวิวบริเวณยอดเสากระโดง หรือถ่ายรูปเล่นได้ แถมยังมีการตกแต่งให้คล้ายเรือโจรสลัด ใครเป็นแฟน One Piece ล่ะก็ฟินสุด ๆ แน่นอนค่ะ!
ทั้งนี้ เรือชมทะเลสาบจะมีทั้งหมด 4 ลำ แต่ละลำก็จะแตกต่างกันไป เช่น สีแดง The Royal เป็นเรือโจรสลัด สีเขียว The Vasa เป็นเรือรบสวีเดน สีขาว The Frontier เรือรบอังกฤษ และสีน้ำตาล The Victory เรือรบอังกฤษโบราณ โดยเพื่อน ๆ สามารถเลือกล่องเรือได้ 2 แบบ คือ Hakone Sightseeing Boats และ Izuhakone Sightseeing Boats ซึ่งจะออกจากท่าเรือ Moto-Hakone และ Haknone-machi แล้วไปลงที่ท่าเรือ Togendai และ Kojiri
ทะเลสาบอาชิ (芦ノ湖)
ที่อยู่ | Motohakone, Hakone, Ashigarashimo District, Kanagawa 250-0522, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | เรือรอบแรกเริ่มประมาณ 9.30 น. ,รอบสุดท้ายเวลาประมาณ 17.00 น. *ตรวจสอบตารางเดินเรือได้ที่: hakonenavi |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | ตั๋วไปกลับ – ผู้ใหญ่ 2,220 เยน – เด็ก 1,110 เยน *สามารถซื้อตั๋วได้ที่ท่าเรือทั้ง 3 แห่ง (Togendai – Motohakone-ko – Hakonemachi ) |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | hakonenavi |
วิธีเดินทาง | จาก Hakone-Yumoto สามารถนั่งรถบัสมาได้เลย ใช้เวลาประมาณ 35 นาที หรือนั่งรถบัสจาก Odawara ใช้เวลาประมาณ 50 นาที |
10. หุบเขาโอวาคุดะนิ
โอวาคุดะนิ คือ หุบเขาภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาคามิซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเมืองฮาโกเนะ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน ภูเขาแห่งนี้เกิดระเบิดไอน้ำร้อนครั้งใหญ่ ทำให้มีไอน้ำร้อนลอยขึ้นมาอยู่ตลอดบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งคล้ายกับปากนรก จึงเรียกกันว่าหุบโอวาคุดะนิ หรือหุบเขานรกนั่นเอง แถมที่นี่ยังถูกใช้เป็นฉากการ์ตูนเรื่อง Evangelion: New Theatrical Edition ด้วยนะ!
เมื่อมาถึงที่นี่เพื่อน ๆ จะพบกับกลุ่มควันที่พวยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา พร้อมกลิ่นกำมะถันที่ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในออนเซ็นบริเวณนั้นอยู่หลายที่ ทว่าที่โอวาคุดานิไม่ได้โดดเด่นแต่เพียงออนเซ็นเท่านั้น เพราะเพื่อน ๆ สามารถทดลองทำ Kuro Tamago หรือ ไข่ดำ ซึ่งเป็นไข่ที่นำไปต้มในบ่อกำมะถันของหุบเขาโอวาคุดานิ ไข่ดำนี้จะดำแค่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น เนื้อและรสชาติข้างในยังเหมือนไข่ต้มธรรมดา ว่ากันว่าถ้าได้กินไข่ดำ 1 ฟอง จะอายุยืนขึ้นไปอีก 7 ปีเชียว! นอกจากนี้ยังสามารถนั่งกระเช้าชมแร่กำมะถันและควันที่พวยพุ่งออกจากปากปล่องภูเขาไฟได้ด้วย
หุบเขาโอวาคุดะนิ (大涌谷)
ที่อยู่ | 62VC+3R, Sengokuhara, Hakone, Ashigarashimo District, Kanagawa 250-0631, Japan |
เวลาเปิด-ปิด | ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 -17.00 น. |
ค่าเข้าชม (อัพเดต 2024) | เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย *สำหรับไข่ดำสามารถซื้อได้ในราคาถุงละ 500 เยน (มีทั้งหมด 5 ฟอง) |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | owakudani |
วิธีเดินทาง | จาก Owakudani station มายังหุบเขาได้เลยค่ะ ใช้เวลาประมาณ 5 นาที และที่สถานียังเป็นอีกหนึ่งจุดในการขึ้นกระเช้าโรปเวย์ด้วย ส่วนราคาจะแตกต่างกันไปตามจุดหมายของแต่ละสถานีค่ะ |
ทริปหน้าไปเที่ยว “คานางาวะ” กันเถอะ!
คานางาวะ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดสำหรับประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศญี่ปุ่น จากเมืองท่าเรือโยโกฮาม่าที่ได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมแปลกใหม่จากต่างประเทศ ทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งในปัจจุบันเองก็ยังนิยมถูกนำไปใช้เป็นโลเคชั่นภาพยนตร์และอนิเมะมากมาย! หรือใครเป็นสายโฟโต้ ดอกไฮเดรนเยียที่เบ่งบานในคานางาวะก็สวยควรค่าไปตามถ่ายอย่างแรง! หรือใครจะไปทานอาหารทะเลสด ๆ ริมทะเล ก็ดีไม่น้อย เอาเป็นว่าเที่ยวคานางาวะ รับรองครบจบไม่มีเบื่อแน่นอนค่ะ ใครไปแล้วก็อย่าลืมเอาภาพมาอวดกันบ้างล่ะ!