พูดถึงเรื่องเที่ยวญี่ปุ่นหลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ยินชื่อจังหวัดอิบารากิสักเท่าไร ทั้ง ๆ ที่จังหวัดนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว เพราะเมื่อเทียบกันแล้วอิบารากิมีภาพลักษณ์ของเมืองบ้านนอกบ้านนาอยู่มาก และในการจัดอันดับจังหวัดประจำปีก็มักจะได้อับดับรั้งท้ายอยู่เสมอ ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าอิบารากิเป็นจังหวัดที่น่าเบื่อ
เห็นแบบนี้แต่ว่าความจริงแล้วอิบารากิไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดหรอกนะ จังหวัดนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งภูเขาและทะเล นอกจากนี้ที่เมืองสุคุบะยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และห้องแล็บมากมาย ซึ่งรวมถึงสถาบันวิจัยทางอวกาศ JAXA ด้วย ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่ได้เป็นรองจังหวัดอื่นเลย ถ้ามีการโปรโมทเพิ่มขึ้นอีกนิดรับรองว่าเด็ดดวง ว่าแล้วก็มาดูกันดีกว่าว่าจังหวัดอิบารากิที่ดูไม่ค่อยมีอะไรนี้มีอะไรให้น่าไปเยือนบ้าง
1. Hitachi Seaside Park
คิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะต้องเคยเห็นภาพทุ่งดอกไม้นี้มาก่อน ที่นี่คือสวนขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้หลากสายพันธุ์ผลัดเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ ดอกแดฟโฟดิล (daffodil) ในเดือนเมษายน ดอกเนโมฟีลา (nemophilas) หรือ baby blue eyes ในเดือนพฤษภาคม และหญ้ากอเชีย ที่กลายเป็นสีแดงในเดือนตุลาคม โดยในช่วงที่ดอกไม้ผลิบานสวนแห่งนี้ก็จะมีอีเวนต์พิเศษจัดขึ้นเป็นประจำ และที่เจ๋งก็คือทุ่งดอกเนโมฟีลาสีฟ้าของที่นี่ได้รับเลือกจาก CNN ให้เป็นหนึ่งใน 31 สถานที่ที่วิวสวยที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย
Hitachi Seaside Park (ひたち海浜公園)
ที่อยู่ | Japan, 〒312-0012 Ibaraki, Hitachinaka, Mawatari, 字大沼605-4 |
เวลาทำการ | 1 มีนาคม – 20 กรกฎาคม 9.30-17.00 น 21 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 9.30-18.00 น 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 9.30-17.00 น 1 พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 09.30-16.30 น *ปิดทุกวันอังคารและช่วงสิ้นปี |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 410 เยน / เด็ก 80 เยน |
เว็บไซต์ | hitachikaihin |
การเดินทาง | จากสถานี JR Katsuta ต่อแท็กซี่ประมาณ 15 นาที |
2. Aqua World Oarai Aquarium
Aqua World Oarai Aquarium มีทำเลที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทธแปซิฟิก เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันโต จุดเด่นของที่นี่คือการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาผสมผสานอยู่ในอควาเรียม ที่นี่เป็นบ้านของสัตว์น้ำมากกว่า 580 สายพันธุ์ และมีโชว์แสดงความสามารถของสิงโตทะเลและโลมาให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิดเลย
Aqua World Oarai Aquarium (アクアワールド茨城県大洗水族館)
ที่อยู่ | 8252-3 Isohamacho, Oarai, Higashiibaraki District, Ibaraki 311-1301, Japan |
เวลาทำการ | 9.00-17.00 น (ประตูปิด 16:00 น.) *มีวันปิดปรับปรุงในเดือนมิถุนายนและธันวาคม |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 1,850 เยน / เด็ก 930 เยน *ช่วงหยุดยาว (Golden week,วันหยุดฤดูร้อน,โอบ้ง) อาจมีตั๋วขายแบบจำนวนจำกัด |
เว็บไซต์ | aquaworld-oarai |
การเดินทาง | จากสถานี JR Nakaminato ต่อรถบัส Ibaraki Kotsu หมายเลข 50 ที่มุ่งไป Ibaraki Kotsu Ibadaimae Office (茨大前営業所) ใช้เวลา 6-7 นาที เสียค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ 170 เยน เด็ก 90 เยน หรือให้ง่ายต่อแทกซี่ไปเลย ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีค่ะ |
3. ศาลเจ้าคาชิมะ
ศาลเจ้าคาชิมะแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของศาลเจ้าคาชิมะอื่น ๆ มากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 660 ก่อนคริสตศักราช นอกจากจะเก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโตแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อว่าเป็นศาลเจ้าที่พลังวิญญาณแก่กล้าที่สุดในคันโตด้วย โดยมี คาเคมิคาสุจิ โนะ โอคามิ (武神武甕槌大神) หรือเทพเจ้าแห่งชัยชนะ เป็นเทพประจำศาลเจ้า บรรยากาศเงียบสงบที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าคาชิมะทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเดินเล่นยามบ่ายและชำระจิตใจไปพร้อมๆ กัน
ศาลเจ้าคาชิมะ (鹿島神宮)
ที่อยู่ | Hitachinaka, Ibaraki 312-0011, Japan |
เวลาทำการ | เปิด 24 ชั่วโมง *ที่ขายเครื่องราง 8:30 – 16:30 น. |
ค่าเข้าชม | ไม่มี |
เว็บไซต์ | kashimajingu |
การเดินทาง | มีรถบัสด่วนวิ่งตรงจากสถานีโตเกียว (เส้นทางที่มุ่งไปยัง Kashimajingu Station ) ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 2100 เยน |
4. น้ำตกฟุคุโรดะ
1 ใน 3 น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นหนึ่งในน้ำตก 100 แห่งที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย น้ำตกแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในฤดูใบไม้ร่วงที่บรรดานักท่องเที่ยวจะพากันไปชมความงามของใบไม้แดง แต่สำหรับใครที่อยากเห็นน้ำตกในรูปแบบที่ต่างออกไปก็ขอแนะนำให้ลองไปช่วงหน้าหนาวดู เพราะเป็นช่วงเดียวที่จะได้เห็นน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็ง หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า เฮียวบาคุ (氷瀑) ซึ่งเป็นภาพน่าตื่นตาที่หาชมไม่ได้ง่าย ๆ
น้ำตกฟุคุโรดะ (袋田の滝)
ที่อยู่ | 3-19 Fukuroda, Daigo, Kuji District, Ibaraki 319-3523, Japan |
เวลาทำการ | พฤษภาคม-ตุลาคม 8.00 น. – 18.00 น. พฤศจิกายน 8.00 น. – 17.00 น. ธันวาคม-เมษายน 9.00 น. – 17.00 น. |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 150 เยน |
เว็บไซต์ | town.daigo.ibaraki |
การเดินทาง | จากสถานี JR Fukuroda (Suigun Line) ต่อรถบัสหรือแทกซี่ 7-10 นาที (รถบัสออก 10:37 12:31, 14:00, 14:30 น.) |
5. ไคราคุเอน
จังหวัดที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอย่างอิบารากิแท้จริงแล้วคือศูนย์รวมของที่เที่ยวสวยงามดี ๆ นี่เอง สำหรับไคราคุเอนนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 สวนที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว สร้างขึ้นโดย โทคุงาวะ นาริอากิ ไดเมียวลำดับที่ 9 แห่งแคว้นมิโตะ ในปีค.ศ. 1842 ปัจจุบันสวนแห่งนี้เป็นทั้งอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ จุดชมวิว และมรดกของประเทศญี่ปุ่น ผู้คนนิยมไปเที่ยวสวนไคราคุเอนในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อชมความงดงามของดอกบ๊วยจะออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งไปทั่ว
ไคราคุเอน (偕楽園)
ที่อยู่ | 1 Chome-3-3 Tokiwacho, Mito, Ibaraki 310-0033, Japan |
เวลาทำการ | กลางเดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน 6.00-19.00 น. ตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์ 7.00-18.00 น. *ส่วนที่นอกเหนือจากสวนหลักเปิดตลอดเวลา |
ค่าเข้าชม | แบบเดี่ยว – ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป ไม่รวมนักเรียน) 300 เยน – เด็ก 150 เยน แบบกลุ่ม – ผู้ใหญ่ (15 ปีขึ้นไป ไม่รวมนักเรียน) 230 เยน – เด็ก 120 เยน *ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปเข้าครึ่งราคา |
เว็บไซต์ | ibaraki-kairakuen |
การเดินทาง | จาก JR สาย Joban Line ไปลงที่สถานี JR Kairakuen จากนั้นเดินต่ออีกนิดหน่อย |
6. โคโดคัน
โคโดคันถูกสร้างขึ้นโดยไดเมียวโทคุงาวะ นาริอากิ เพื่อเป็นโรงเรียนสอนเด็กให้เป็นผู้นำในสังคม เมื่อเทียบกับสวนไคราคุเอนที่ดูยิ่งใหญ่อลังการแล้ว โคโดคันก็ดูจะตรงข้ามกันด้วยความเป็นโบราณสถานที่เรียบง่ายและคลาสสิกกว่ามาก อาคารเก่าหลังนี้เปิดให้คนภายนอกเข้าชมได้ ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมลองแวะไปสัมผัสบรรยากาศแบบสมัยก่อนที่นี่ดู
โคโดคัน (弘道館)
ที่อยู่ | 1 Chome-6-29 Sannomaru, Mito, Ibaraki 310-0011, Japan |
เวลาทำการ | 20 กุมภาพันธ์ – กันยายน 9.00 น. ถึง 17.00 น. ตุลาคม – 19 กุมภาพันธ์ 9.00 น. ถึง 16.30 น. *ปิดทำการช่วงปีใหม่ |
ค่าเข้าชม | แบบเดี่ยว – ผู้ใหญ่ 400 เยน – นักเรียนประถม-มัธยมต้น 200 เยน – ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป 200 เยน แบบกลุ่ม (มากกว่า 20 คน) – ผู้ใหญ่ 300 เยน – นักเรียนประถม-มัธยมต้น 150 เยน – ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป 200 เยน |
เว็บไซต์ | kodokan-ibaraki |
การเดินทาง | จากสถานี JR Mito ทางออกทิศเหนือ เดินต่ออีกประมาณ 8 นาที |
7. สะพานแขวนริวจิน
สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในเกาะหลักฮอนชูของญี่ปุ่นด้วยความยาว 375 เมตร ในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะมีเทศกาลที่ชื่อว่า “ริวจินเคียว โคอิโนโบริ” ที่จะมีการปักธงปลาคาร์ฟแบบที่ใช้ในวันเด็กผู้ชายของญี่ปุ่นเรียงยาวพาดผ่านขนานไปกับสะพานแห่งนี้ สีสันสดใสของธงปลาคาร์ฟที่ตัดกับสีเขียวเข้มของภูเขาทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สวยงามน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นสีสันของใบไม้ที่ตัดกับสะพานสีฟ้าในฤดูใบไม้ร่วงก็น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน
สะพานแขวนริวจิน (竜神大吊橋)
ที่อยู่ | 2133-6 Keganocho, Hitachiota, Ibaraki 313-0351, Japan |
เวลาทำการ | 8:30-17:00 น. |
ค่าเข้าชม | แบบเดี่ยว – ผู้ใหญ่ 320 เยน – เด็ก (ประถม-มัธยมต้น ) 210 เยน แบบกลุ่ม (มากกว่า 30 คน) – ผู้ใหญ่ 290 เยน – เด็ก (ประถม-มัธยมต้น ) 190 เยน |
เว็บไซต์ | ohtsuribashi.ryujinkyo |
การเดินทาง | จากสถานี JR Hitachi-Oota ต่อรถบัสอีกประมาณ 45 นาที |
8. ตลาดปลานากามินาโตะ
จังหวัดอิบารากิตั้งหันหน้าเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งของอาหารทะเลสด ใครชอบทานซูชิหรือซาชิมิต้องไปตลาดปลานากามินาโตะให้ได้เลย ที่นี่นอกจากจะมีอาหารทะเลสดใหม่เรียงรายให้เลือกแล้ว ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูซีฟู้ดส่งตรงจากทะเล และถ้าเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคมละก็ อย่าพลาดเมนูพิเศษสุดนั่นคือซุปปลาตกเบ็ด หรือ Angler fish ที่หน้าตาอาจไม่ชวนน้ำลายสอเท่าไหร่ แต่รสชาติจะเป็นยังไง มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องไปลองพิสูจน์!
ตลาดปลานากามินาโตะ (那珂湊おさかな市場)
ที่อยู่ | 19-8 Minatohoncho, Hitachinaka, Ibaraki 311-1221, Japan |
เว็บไซต์ | nakaminato-osakanaichiba |
การเดินทาง | จาก JR สาย Joban Line เปลี่ยนไปสาย Hitachinaka Kaihin Tetsudo Minato Line ใช้เวลา 10 นาที ลงที่สถานี JR Nakaminato |
9. ภูเขาสึคุบะ
ภูเขาสึคุบะถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดอิบารากิ และมักจะถูกเปรียบเทียบกับภูเขาไฟฟูจิว่า “ฟูจิทางทิศตะวันตก สึคุบะทางทิศตะวันออก” ความงามของทั้งตัวภูเขาและทิวทัศน์โดยรอบทั้งหมดทำให้ที่นี่ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 100 วิวภูเขาที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลยทีเดียว สำหรับคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติ ที่นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ไม่ควรพลาด เพราะมีทั้งเส้นทางเดินเขา กระเช้าไฟฟ้า และรถไฟโมโนเรล นอกจากนี้ระหว่างทางขึ้นเขาก็มีจุดท่องเที่ยวชวนพิศวงที่เต็มไปด้วยของแปลก ๆ ชื่อว่า “Gama Cave, Gama Land” ด้วย
ภูเขาสึคุบะ (筑波山)
ที่อยู่ | Tsukuba, Ibaraki 300-4352, Japan |
ค่าเข้าชม | แบบเดี่ยว – ผู้ใหญ่ 320 เยน – เด็ก (ประถม-มัธยมต้น ) 210 เยน แบบกลุ่ม (มากกว่า 30 คน) – ผู้ใหญ่ 290 เยน – เด็ก (ประถม-มัธยมต้น ) 190 เยน |
เว็บไซต์ | mt-tsukuba |
การเดินทาง | จาก JR Tsukuba ต่อรถบัสไปยังภูเขาภูเขาสึคุบะประมาณ 30 นาที *เช็คตารางและค่าโดยสารได้ ที่นี่ |
10. หลวงพ่อโตแห่งเมืองอุชิคุ
หลวงพ่อโตแห่งเมืองอุชิคุตั้งตระหง่านอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสึคุบะ ได้รับการบันทึกลงในกินเนสต์บุ๊คว่าเป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงถึง 120 เมตร หรือเทียบได้กับตึก 38 ชั้นเลยทีเดียว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวที่ความสูง 85 เมตร ได้ ถ้าอากาศเป็นใจละก็อาจจะเห็นไปได้ไกลถึงโตเกียวสกายทรีเลยล่ะ
หลวงพ่อโตแห่งเมืองอุชิคุ (牛久大仏)
ที่อยู่ | 2083 Kunocho, Ushiku, Ibaraki 300-1288, Japan |
เวลาทำการ | วันธรรมดา 9.30 น. – 17.00 น เสาร์/อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.30 น. – 17.30 ช่วงตุลาคม – กุมภาพันธ์ 9.30 น. – 16.30 น |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็ก 400 เยน |
เว็บไซต์ | daibutu |
การเดินทาง | JR สาย Joban Line ลงที่สถานี JR Ushiku |
ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า ไปเที่ยวอิบารากิกัน!
จังหวัดอิบารากิมีที่เที่ยวสวย ๆ เพียบ แล้วก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดเลย ยังไงก็ขอฝากจังหวัดอิบารากิไว้ในอ้อมใจของเพื่อน ๆ ด้วยนะคะ และถ้าไหน ๆ ก็เที่ยวอิบารากิแล้ว ขยับขึ้นไปอีกนิดเพื่อสนุกกันต่อที่จังหวัดโทจิงิและจังหวัดฟุกุชิม่าก็ยังได้