วันนี้ conomi พาเพื่อน ๆ มาเที่ยวจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของเกาะฮอนชู ภูมิภาคโทโฮคุ นั่นก็คือ จังหวัดอาโอโมรินั่นเองค่ะ! พูดถึงจังหวัดอาโอโมริก็ต้องนึกถึงแอปเปิ้ล และเทศกาลยักษ์ใหญ่อย่างเทศกาลเนบุตะ มัตสึริ รวมถึงภูเขาชิราคามิ แหล่งมรดกโลกที่มีต้นบีชที่ใหญ่ที่สุดในโลก และโอบล้อมไปด้วยป่าเขามากมาย เพื่อน ๆ คนไหนมีใจรักธรรมชาติล่ะก็ อาโอโมริคือทางเลือกที่ดีที่สุด มีที่ไหนให้เที่ยวกันบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ!
1. ปราสาทฮิโรซากิ
ปราสาทฮิโรซากิแต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของตระกูลซึการุ เป็น 1 ใน 7 ปราสาทที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ตัวปราสาทประกอบไปด้วย ประตูปราสาท คูปราสาท และป้อมตามมุมปราสาท ภายในปราสาทเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณ เช่น ชุดเกราะซามูไร
แม้ปัจจุบันตัวปราสาทจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่ก็ได้รับการบูรณะบริเวณฐานปราสาทขึ้นมาใหม่ และที่น่าทึ่งคือวิธีการบูรณะที่ใช้การยกตัวปราสาทออกจากฐานไปตั้งบริเวณข้าง ๆ โดยไม่ได้รื้อถอน ถือเป็นภาพที่แปลกตามากสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อน ๆ ลองนึกภาพปราสาทที่เหลือแต่ฐาน แต่ตัวปราสาทกลับวางอยู่ข้าง ๆ ดูสิคะ ซึ่งวิธีการบูรณะแบบนี้มีแค่ปราสาทฮิโรซากิเท่านั้น และปัจจุบันปราสาทแห่งนี้กลายเป็นสวนสาธารณะฮิโรซากิที่เต็มไปด้วยต้นซากุระกว่า 2,500 ต้น อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ยังมีเรือเช่าให้พายชมวิว หรือพื้นที่สำหรับนั่งปิกนิก ยิ่งช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีนักท่องเที่ยวแห่กันมาเยอะแยะเลยล่ะค่ะ ทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมดอกซากุระที่ดีสุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นนั่นเอง
ปราสาทฮิโรซากิ (弘前城)
ที่อยู่ | 1 Shimoshiroganecho, Hirosaki, Aomori 036-8356, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. *ปิดทำการวันที่ 24 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม |
ค่าเข้าชม | ผู้ใหญ่ 310 เยน เด็ก 100 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | hirosaki-kanko |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Hirosaki นั่งรถบัส Dotemachi Roop Bus บริเวณหน้าสถานี ลงที่ป้าย Shiyakusho mae |
2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ
เมื่อพูดถึงจังหวัดอาโอโมริ ไม่มีใครไม่รู้จักเทศกาลเนบูตะมัตสึริ หรือเทศกาลแห่โคมไฟอันยิ่งใหญ่ ที่จัดขึ้นในเมืองโอมินาโตะ จังหวัดอาโอโมริ ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี เหล่าโคมไฟรูปร่างต่าง ๆ เช่น ซามูไร เทพเจ้า ปีศาจ หรือแม้กระทั่งสัตว์น่ารัก ๆ จะถูกดึงขึ้นให้ลอยบนท้องฟ้าสูงกว่า 10 ฟุต และเมื่อมาถึงพิพิธภัณฑ์นี้ เพื่อน ๆ จะสะดุดตากับตัวอาคารที่ถูกตกแต่งด้วยแผ่นโลหะสีแดง ส่วนภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทศกาลเนบูตะมัตสึริ ที่สามารถเดินชมภาพถ่ายของเทศกาลในแต่ละปี รวมถึงเหล่าโคมไฟสีแดงอันโดดเด่นรูปปลาทองสีแดง ที่มีตั้งแต่ขนาดใหญ่เท่าของจริงไปจนถึงขนาดจำลองที่ย่อส่วนมาอีกที ถือเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้เลยละค่ะ นอกจากนี้เราจะได้เห็นเกี้ยวที่ใช้ในขบวนพาเหรดอีกด้วย เป็นงานประณีตที่สวยงามสุด ๆ ไปเลย ในช่วงวันหยุดยังสามารถเข้าชมการแสดงเต้นรำ ประกอบกับดนตรีพื้นบ้านที่หาชมได้แค่ที่นี่อีกด้วยนะ
พิพิธภัณฑ์ศิลปะพื้นบ้านเนบูตะ (ねぶたの家)
ที่อยู่ | 1 Chome-1-1 Yasukata, Aomori, 030-0803, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-19.00 น. *ปิดทำการในช่วงวันหยุดสิ้นปีและวันที่ 9-10 สิงหาคม (ช่วงเทศกาลเนบูตะมัตสึริ) |
ค่าเข้าชม | คนละ 600 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | nebuta |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟ JR Aomori Station ไปทางทิศเหนือประมาณ 5 นาที |
3. ศูนย์ศิลปะโทวาดะ
ภายในศูนย์ศิลปะโทวาดะมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับงานศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก เปรียบเสมือนการจำลองเมืองเมืองหนึ่งผ่านตัวอาคารที่ใช้เป็นห้องแสดงผลงาน และเมื่อเข้าไปข้างในเพื่อน ๆ จะสามารถเห็นถึงโครงสร้างที่แตกต่างระหว่างอาคารแต่ละหลัง ซึ่งสามารถเดินถึงกันได้ด้วยทางเดินกระจก ส่วนภายนอกตัวอาคารประติมากรรมที่โดดเด่นสะดุดตาคงไม่พ้นเจ้าม้าที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรุ่งเรืองนั่นเองค่ะ และสำหรับอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้เลย คือการตกแต่งไฟยามค่ำคืน ตั้งแต่เวลา 21.00 น.เป็นต้นไป ทั่วทุกอาหารและประติมากรรมต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่กลางแจ้งจะสะท้อนแสงออกมานั่นเอง
ใครสนใจที่นี่แล้วต้องการรีวิวอย่างละเอียดสามารถตามไปอ่านได้บทความ ปล่อยใจไปกับศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ Towada Art Center จังหวัดอาโอโมริ ได้เลยนะคะ
ศูนย์ศิลปะโทวาดะ (十和田市現代美術館)
ที่อยู่ | 10-9 Nishi2bancho, Towada, Aomori 034-0082, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. *ปิดทำการทุกวันจันทร์และช่วงวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม | คนละ 510 เยน *หากวันไหนมีนิทรรศการพิเศษสามารถซื้อตั๋วชมรวมกันได้เลย ในราคา 1,000 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | owadaartcenter |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสที่วิ่งระหว่าง Shinchinohe Towada Station และ Towada City ลงที่ป้าย Towada shi Chuo หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
4. แหล่งโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า
พื้นที่ทางโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า เป็นพื้นที่ทางโบราณคดีที่อุดมสมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น บริเวณนี้นักโบราณคดีค้นพบซากหลังคา บ้านเรือนในสมัยโจมง หรือ 10,000-2,000 ปีที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายบริเวณที่ยังต้องสำรวจอยู่
ข้าง ๆ โบราณคดีแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โจมง จิยุคัง ภายในพิพิธภัณฑ์มีการจัดแสดงวัตถุโบราณที่ถูกขุดพบบริเวณพื้นที่แห่งนี้ พร้อมประวัติศาสตร์สมัยโจมง เกี่ยวกับสภาพภูมิศาสตร์ วิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยนั้น รวมถึงบ้านเรือนที่ถูกค้นพบด้วย นอกจากนี้เพื่อน ๆ ยังสามารถลองใส่เสื้อผ้าย้อนยุค พร้อมลองใช้สิ่งประดิษฐ์ที่เคยเป็นเครื่องมือของคนในสมัยนั้น และลองชิมอาหารท้องถิ่นได้อีกด้วย ไม่แน่ว่าที่นี่อาจได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของประเทศญี่ปุ่นอีกแหล่งหนึ่งก็ได้
แหล่งโบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า (三内丸山遺跡)
ที่อยู่ | Maruyama-305 Sannai, Aomori, 038-0031, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-17.00 น. *ปิดทำการในช่วงวันหยุดสิ้นปี |
ค่าเข้าชม | เข้าชมได้ฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | annaimaruyama |
วิธีเดินทาง | ขึ้นรถบัสจาก Aomori Station ลงที่ป้าย Sannai Maruyama Isekimae ใช้เวลาประมาณ 20 นาที |
5. เกาะคาบุชิมะ
เกาะคาบุชิมะ หรือเกาะนกนางนวล เนื่องจากเกาะแห่งนี้กลายเป็นที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของเหล่านกนางนวลหางดำ หรือ อุมิเนะโกะ ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติอีกด้วย และไม่ว่าจะแดดออก ฝนตก ลมพัดแรง เพื่อน ๆ ก็ควรใส่หมวกหรือพกร่มมาด้วยนะคะ เพราะที่นี่มีนกนางนวลมากกว่า 40,000 ตัว ที่พร้อมจะปล่อยอุนจิลงบนหัวเราเมื่อไรก็ได้
และสำหรับใครที่ต้องการมาชมนกนางนวลหางดำที่นี่ ต้องมาในช่วงเดือนมีนาคม เนื่องจากเป็นช่วงที่เหล่านกนางนวลออกมาจับสัตว์ทะเลกินที่เกาะนี้ และจะบินจากไปในช่วงเดือนสิงหาคม เพราะฉะนั้นหากใครตั้งใจจะมาดูนกนางนวลโดยเฉพาะล่ะก็ต้องวางแผนให้ดีๆ นะคะ ไม่งั้นมาแล้วไม่เจอเสียเที่ยวแย่เลย
เกาะคาบุชิมะ (蕪嶋神社)
ที่อยู่ | Same-56-2 Samemachi, Hachinohe, Aomori 031-0841, Japan |
เวลาทำการ | เข้าชมได้ตลอด |
ค่าเข้าชม | เข้าชมได้ฟรี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | kabushimajinja |
วิธีเดินทาง | เดินจาก JR Hachinohe Line ใช้เวลาประมาณ 13 นาที |
6. ภูเขาโอโซเรซัง
ว่ากันว่าที่นี่เป็นที่เชื่อมต่อระหว่างโลกหนึ่งกับอีกโลกหนึ่ง เพราะบรรยากาศของกลิ่นซัลเฟอร์ที่อบอวลอยู่ในอากาศ ประกอบกับสองข้างทางที่มีพระพุทธรูปเรียงราย และกังหันอันน้อยหมุนติ้ว ๆ รวมถึงคำกล่าวขานที่ว่าที่นี่เป็นสถานที่รวบรวมดวงวิญญาณ เพราะพื้นที่บางส่วนของยังคงมีกลุ่มควันแก๊สจากภูเขาไฟ กลิ่นกำมะถันและ น้ำพุร้อนไหลออกมา ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมักถูกเรียกว่า จิโกกุ ที่แปลว่า นรก
บริเวณนี้ยังมีศาลเจ้าของเทพเจ้าอิตะโกะ ที่เชื่อว่าสามารถสื่อสารกับเหล่าคนตายได้ ทำให้แถวนั้นมีของไหว้ผู้ตายวางอยู่ข้าง ๆ ด้วย ดังนั้นไม่แปลกเลยหากเพื่อน ๆ รู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง ยิ่งถ้าเดินลึกเข้าไปจะพบสะพานโค้งสีแดงที่ข้ามผ่านระหว่างแม่น้ำแซนซู ว่ากันว่าสะพานแห่งนี้แหละค่ะที่เชื่อมต่อระหว่างโลกหนึ่งกับอีกโลกหนึ่งไว้
ที่นี่ยังมีเส้นทางไว้เดินสำรวจป่าได้ด้วย บริเวณนั้นก็จะมีน้ำพุร้อนอยู่ถึง 4 แห่ง ใครเดินป่ามาเหนื่อย ๆ ก็มาพักแช่ตัวสบาย ๆ ที่น้ำพุร้อนได้ เพราะน้ำพุที่นั้นมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบทางเดินอาหารด้วยนะ หรือหากใครมีโอกาสมาช่วงวันที่ 20-24 กรกฏาคม ซึ่งตรงกับเทศกาล Osore-zan มีการแสดงที่ศาลเจ้าอิตะโกะ รวมถึงผู้คนมากมายที่หลั่งไหลกันเข้ามาสักการะบรรพบุรุษของตน
กิจกรรมเยอะแบบนี้ใครกำลังวางแพลนเที่ยวภูเขาโอโซเรซังคงมีหัวหมุนกันทีเดียว เราเลยมี model course แนะนำมาให้ที่บทความ เอาใจสายมู! แนะนำคอร์สเที่ยวพาวเวอร์สปอตภูเขาโอโซเระซัน จังหวัดอาโอโมริ ไปตามเก็บกันได้เลยนะคะ
ภูเขาโอโซเรซัง (恐山)
ที่อยู่ | Ohata, Mutsu, Aomori 039-4401, Japan |
เวลาทำการ | เดือนพฤษภาคม – ตุลาคม 06:00-17:00 (อาจเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล) |
ค่าเข้าชม | – ผู้ใหญ่ 500 เยน – เด็ก 200 เยน (หมู่คณะ 20 คนขึ้นไป ผู้ใหญ่ 400 เยน) |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | mutsu-kanko |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัสจากสถานี JR Shimokita แล้วต่อรถบัสจาก Shimokita ใช้เวลาประมาณ 40 นาที |
7. ภูเขาฮักโกดะ
สำหรับผู้ที่หลงใหลในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นขุนเขา ป่าไม้ ลำธาร ทะเลสาบ ภูเขาฮักโกดะ คือที่ ๆ คุณตามหาค่ะ เนื่องจากภูเขาแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของจังหวัดอาโอโมริ เรื่องความสวยงามของทิวทัศน์คงไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ร่วง ที่ต้นไม้ผลัดกันเปลี่ยนสีให้นักท่องเที่ยวได้เพลินเพลิน ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติยอดนิยม เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพหรือวาดรูปธรรมชาติ
ในฤดูหนาวที่นี่จะถูกหิมะปกหลุมจนเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน รวมถึงต้นไม้ที่ถูกแช่แข็งจนกลายเป็น Snow Monster หรือ ปีศาจหิมะตามรูปร่างที่เปลี่ยนไป แถมยังเป็นลานสกีที่ท้าทายความสามารถของผู้เล่นอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ที่นี่ยังมีออนเซ็นซูกายุ ที่สามารถจุคนได้เป็นจำนวนมากให้เพื่อนๆ ได้ผ่อนคลายกันด้วย หากใครไม่อยากเดินที่นี่ก็มีบริการกระเช้าให้นั่งขึ้นไปบนยอดเขา สามารถชมวิวได้แบบ 360 องศาเลยละค่ะ
ภูเขาฮักโกดะ (八甲田山)
ที่อยู่ | Fukazawa Komagome, Aomori, 030-0955, Japan |
เวลาทำการ | 09.00-16.20 น. *กลางเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ปิดให้บริการ 15.40 น. |
ค่าเข้าชม | ค่าขึ้นกระเช้าขึ้นภูเขาฮักโกดะ – เที่ยวเดียว 1,180 เยน – ไปกลับ 1,850 เยน |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | hakkoda-ropeway |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส JR Bus จาก Aomori Station หรือ Shin Aomori Station ไปยังทะเลสาบโทวาดะ ลงที่สถานีกระเช้าภูเขาฮักโกดะ หรือป้ายอื่นๆ ที่อยู่บริเวณเดียวกับภูเขา |
8. ลำธารโออิราเสะ
ลำธารโออิราเสะที่ยาวกว่า 14 กิโลเมตรนี้ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติโทวาดะฮาจิมันไท เห็นแค่รูปก็อยากไปแล้วใช่ไหมล่ะคะ เพราะลำธารโออิราเสะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยนะ โดยเฉพาะช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน หรือช่วงฤดูใบไม้ร่วง เหล่าใบไม้ที่เคยเขียวชอุ่ม จะพากันเปลี่ยนเป็นสีส้ม สีแดง ทำให้บรรยากาศบริเวณลำธารแห่งนี้สวยงามสุด ๆ ไปเลยค่ะ
เนื่องจากลำธารโออิราเซะไหลมาจากทะเลสาบโทวาดะ เพื่อน ๆ จึงสามารถเดินสำรวจป่าเลียบลำธารจากเมืองเนโนคูจิ ไปยังเมืองยาซูมิยะได้เป็นระยะทาง 9 กิโลเมตร ไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง หรือใครอยากใช้บริการรถบัสรับส่งก็มีแวะจอดริมทางให้ได้ลงไปชมวิวบริเวณนั้นเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถชมน้ำตกที่ไหลออกมาจากผนังของหุบเขาได้ด้วยนะ นับว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ดีที่สุดในการชมทะเลสาบโทวาดะเลยค่ะ
8. ลำธารโออิราเสะ (奥入瀬渓流)
ที่อยู่ | 60 Okuse, Towada, Aomori 034-0301, Japan |
เวลาทำการ | เปิดตลอดเวลา |
ค่าเข้าชม | ไม่มี |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | towadako |
วิธีเดินทาง | นั่งรถบัส JR Bus Tohoku ที่ชานชาลา H16 จากสถานี JR Hachinohe ทางออกตะวันตก ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที |
9. ตลาดปลาฟุรุกาวะ
ตลาดปลาขนาดใหญ่ของจังหวัดอาโอโมริ สองข้างทางของตลาดแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยแผงลอยจากสินค้าที่ส่งตรงมาจากทะเล เพื่อนๆ สามารถชิมอาหารทะเล เช่นปลาสด หรืออาหารท้องถิ่น ผักและผลไม้ตามฤดูกาล จะว่าไปแล้วขึ้นชื่อว่าตลาดปลาแต่กลับโด่งดังเรื่องอาหารการกิน ทั้งๆ ที่ภาพตลาดปลาแว๊บแรกคือเหมือนตลาดสดขายปลาอะไรทำนองนี้ ทว่าที่นี่มีการเปิดให้เป็นตลาดปลาที่คล้ายโรงอาหาร คือ นักท่องเที่ยวสามารถเลือกทานอาหารทะเลสดๆ ได้ไม่จำกัด เรียกว่าการกินแบบ Nokkedon ส่วนอาหารที่มีจัดเตรียมไว้แล้วจะเรียกว่า Donburi คือการนำอาหารมาโปะลงบนข้าวพูน ๆ สำหรับที่นี่เมนูยอดนิยมคงหนีไม่พ้นซาชิมิ ที่ทั้งอร่อยและราคาไม่แพงอย่างที่คิด!
สำหรับวิธีทาน Nokkedon หรือ Donburi เพื่อน ๆ ต้องซื้อตั๋วสำหรับถ้วยข้าวก่อน ซึ่งจะแบ่งเป็น แบบ 5 ใบ 540 เยน และแบบ 10 ใบ 1,080 เยน หลังจากนั้นจึงสามารถเดินเลือกหาอาหารได้ตามใจชอบ แล้วนั่งทานที่โต๊ะได้เลย บนโต๊ะก็มีเครื่องปรุงให้พร้อมแล้วด้วย เรียกได้ว่าบริการทุกอย่างจริง ๆ สมกับเป็นโรงอาหารแห่งอาโอโมริตามคำร่ำลือจริง ๆ ค่ะ
ตลาดปลาฟุรุกาวะ (古川市場 のっけ丼 青森魚菜センター)
ที่อยู่ | 1 Chome-11-16 Furukawa, Aomori, 030-0862, Japan |
เวลาทำการ | เปิดทำการทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น. *ปิดให้บริการทุกวันอังคาร |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | aomori-ichiba |
วิธีเดินทาง | จากสถานีรถไฟอาโอโมริมาทางตะวันออกเฉียงใต้ เพียง 5 นาที |
10. Hotel Apple Land Aomori
หากมาถึงจังหวัดอาโอโมริแล้ว ไม่รู้จะพักที่ไหน โดยเฉพาะคนที่ชอบทานแอปเปิ้ลยิ่งห้ามพลาด เราขอแนะนำโรงแรม Hotel Apple Land เมืองสึงารุเลยค่ะ! เนื่องจากแอปเปิ้ล เป็นผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดอาโอโมริ เจ้าของโรงแรมจึงปิ๊งไอเดียแปลก ๆ ขึ้น ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถมาสัมผัสได้แค่ที่นี่เท่านั้น หากได้มาพักที่นี่แน่นอนว่าต้องได้แช่ออนเซ็นที่บ่อซึการุมินามิดะ โดยมีลูกแอปเปิ้ลลอยตุ๊บป่องอยู่เต็มไปหมด พร้อมน้ำร้อนที่ไหลมาจากถ่านไม้ไผ่เผา ที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้คงความสดชื่นเอาไว้ และด้วยความที่บ่อแห่งนี้เป็นบ่อแบบเปิด ระหว่างแช่ตัวในน้ำเพื่อน ๆ สามารถสูดกลิ่นสายลม และชมวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ไปพลาง ๆ ได้ นอกจากนี้จากบริเวณห้องพักยังสามารถมองเห็นวิวของภูเขาอิวากิ และ เทือกเขาชิราคามิได้ด้วย แถมยังได้ลองทานอาหารท้องถิ่นอย่าง Noresore Don ที่ทางโรงแรมจะเสิร์ฟเป็นอาหารเช้าสำหรับแขกที่เข้ามาพักในโรงแรม รวมถึงอาหารอื่นๆ ที่ใช้แอปเปิ้ลเป็นวัตถุดิบหลัก สมกับเป็น Apple Land จริง ๆ ค่ะ
Hotel Apple Land Aomori (青森 南田温泉)
ที่อยู่ | Minamita-166-3 Machii, Hirakawa, Aomori 036-0111, Japan |
เวลาทำการ | ควรเข้าเช็คอินเวลา 15.00 – 22.00 น. และเช็คเอาท์เวลา 6.00 – 10.00 น. |
เว็บไซต์เพิ่มเติม | apple-land |
ราคาห้องพัก | ขึ้นอยู่กับห้องพักที่เลือก *สามารถจองและเลือกห้องพักผ่านเว็บไซต์ตัวแทนจองที่พักออนไลน์ได้ |
วิธีเดินทาง | เดินทางจากสถานี Hirosaki โดยขึ้นรถไฟ JR สาย Ou Line แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย Konan Line มาลงที่สถานี Hiraga หลังจากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที |
ทริปญี่ปุ่นครั้งหน้า มาเที่ยวอาโอโมริกัน!
จังหวัดอาโอโมริเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ยังหลงเหลือความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติให้เราได้เห็นกัน ออกไปกอดเขา กอดทะเลแล้ว อย่าลืมกอดตัวเองกันด้วยนะ เพราะสภาพอากาศที่อาโอโมริหนาวถึงขั้นติดลบเลยก็มี เนื่องจากเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดติดกับฮอกไกโด ดังนั้นเพื่อน ๆ อย่าลืมเช็คสภาพอากาศ และเตรียมเสื้อผ้ามาให้เหมาะสมก่อนมาเที่ยวด้วยนะคะ
ผู้เขียน: baiosfalim