สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น JR Times by JR East ก็เป็นเว็บหนึ่งที่เหมาะกับการทำการบ้านเพื่อเตรียมทริปลุยญี่ปุ่น โดย JR Times by JR East เป็นเว็บไซต์ที่รวมทุกบทความเกี่ยวกับรถไฟที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ ซึ่งรวมถึงบทความรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ ห้ามพลาดที่สามารถนั่งรถไฟไปได้ รีวิวรถไฟสุดพิเศษของ JR East และอีกมากมาย!
คนที่ชอบเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาวอาจจะเลือกไปฮอกไกโดกันเป็นหลัก แต่ถ้าอยากหลบผู้คนล่ะก็ โทโฮคุก็เป็นอีกที่หนึ่งที่มีหิมะหนาปุยและมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน ซึ่งวิธีเที่ยวโทโฮคุในฤดูหนาวให้สนุกมีมากมาย ตั้งแต่การไปเที่ยวตามเทศกาลฤดูหนาว การเล่นสกี ไปจนถึงการเที่ยวแบบ Slow Life โดยนั่งรถไฟเที่ยวย่านชนบทเพื่อสัมผัสบรรยากาศท้องถิ่น และถ้าการนั่งรถไฟเที่ยวแบบนี้คือ Vibe การเที่ยวที่เพื่อน ๆ กำลังมองหาล่ะก็ เรามีรีวิวการเที่ยวไปตามทางรถไฟสายท้องถิ่นในโทโฮคุจากคุณ Kevin Koh มาฝากกัน!
ท่องแดนหิมะไปกับทางรถไฟท้องถิ่นโทโฮคุในฤดูหนาว
เวลานั่งรถไฟเที่ยวในทริปวันหยุด คุณจะใช้เวลาบนรถกันอย่างไรกันบ้าง? บางคนอาจจะถ่ายรูปบรรดารถไฟที่คุณเจอไว้หลายรูป โดยเฉพาะ รถไฟพิเศษเช่นรถจักรไอน้ำหรือบรรดารถไฟ Joyful Train
ด้วยทางรถไฟท้องถิ่นมากมายในญี่ปุ่นที่มีทั้งของ JR และไม่ใช่ของ JR แบบนี้ จึงมีรถไฟให้นั่งและวิวให้มองเยอะไม่หวาดไม่ไหวแน่นอน! แม้ญี่ปุ่นจะสวยงามในทุกฤดู แต่ผมชอบการนั่งรถไฟยาวๆ ในฤดูหนาวเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หิมะจะเปลี่ยนวิวรอบข้างให้ดูราวกับภาพวาดหมึกสีขาวดำ และนี่คือบางส่วนของทางรถไฟท้องถิ่นในภูมิภาคโทโฮคุ (東北地方 Tōhoku-chihō) ที่ผมชอบเดินทางและถูกบริหารโดย JR East!
ทางรถไฟสาย Kitakami (北上線)
ทางรถไฟสาย Kitakami (北上線 Kitakami-sen) เชื่อมสถานี Kitakami (北上駅 Kitakami-eki) ในเมืองคิตาคามิ (Kitakami City) ของจังหวัดอิวาเตะกับสถานี Yokote (横手駅 Yokote-eki) ในเมืองโยโกเตะ (Yokote City) ของจังหวัดอาคิตะ ด้วยระยะทาง 61 กม. เท่านั้น ทางรถไฟสายนี้จึงไม่ได้เป็นทางรถไฟที่ยาวแต่อย่างใดเลย ยิ่งเมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ภูมิภาคโทโฮคุและทางรถไฟสายอื่นที่วิ่งผ่านในพื้นที่แล้วด้วย ตั้งแต่ที่ทางรถไฟสายนี้สร้างเสร็จในปี 1924 ทางรถไฟสาย Kitakami ได้ทำหน้าที่สำคัญมากมาย โดยเฉพาะในช่วงก่อนการสร้าง Tohoku Shinkansen และ Akita Shinkansen ขึ้นมา
อย่างแรกที่ทำให้ผมสนใจทางรถไฟสาย Kitakami ก็คือการที่รถไฟของทางรถไฟสาย Kitakami ออกวิ่งจากชานชลา 0 แม้ผมจะใช้ชีวิตและนั่งรถไฟในญี่ปุ่นมาแล้วเป็นปี แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมเจอรถไฟที่ออกวิ่งจากชานชลา 0 โดยปัจจุบันมีสถานีรถไฟราว 35 สถานีที่ใช้งานชานชลา 0 อยู่
ครั้งแรกที่ผมเห็นการระบุชานชลาด้วยเลข 0 ผมก็มีคำถามในใจ ทำไมถึงเป็นเลข 0? ชานชลานี้จะอยู่ตรงไหนของสถานี ในเมื่อสถานีส่วนมากจะเริ่มที่ชานชลา 1? ชานชลานี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร? ผมได้คำตอบเมื่อผมมาถึงที่ชานชลาในเช้าวันที่ผมจะเดินทางบนทางรถไฟสาย Kitakami ชานชลา 0 เป็นชานชลาที่หลบอยู่ตรงริมสถานีและมีแป้นปะทะ (Buffer Stop) ที่สุดสาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสถานีปลายทางทั้งหมด สิ่งที่น่าสนใจก็คือตัวชานชลาจะสั้นกว่าที่อื่นๆ ของทางรถไฟสายหลัก Tohoku (Tōhoku Main Line) อย่างเห็นได้ชัด อาจจะเพราะรถไฟที่วิ่งตามทางรถไฟสาย Kitakami ไม่ได้บรรทุกผู้โดยสารมากขนาดนั้น จึงมีจำนวนตู้รถที่น้อยกว่า
วิวฤดูหนาวที่คินชูโกะ
แม้ทางรถไฟจะวิ่งใกล้หรือวิ่งไปตามแม่น้ำวากะ (和賀川 Waga-gawa) อยู่พอสมควร แต่บรรดาวิวที่ยิ่งใหญ่ที่คุณจะเห็นได้นั้นอยู่ที่บริเวณสถานี Wakasennin (和賀仙人駅 Wakasennin-eki) เป็นต้นไป ถือเป็นระยะทางหนึ่งในสามของทางรถไฟ หลังการก่อสร้างเขื่อนยูดะ (Yuda Dam) เสร็จสมบูรณ์ในปี 1964 ทะเลสาบที่เป็นผลพลอยได้นั้นถูกตั้งชื่อว่าคินชูโกะ (錦秋湖, Kinshūko) และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเขตวากะในจังหวัดอิวาเตะที่ทางรถไฟสาย Kitakami วิ่งผ่านจนถึงทุกวันนี้ รถไฟจะวิ่งบนรางยกระดับไปตามริมฝั่งและข้ามทะเลสาบคินชูโกะ และภาพของขบวนรถไฟที่ตัดกับผืนน้ำสีฟ้าของทะเลสาบโดยมีภูเขาเป็นฉากหลัง วิวสวยแบบนี้จะให้พลาดไปได้อย่างไร!
ครั้งแรกที่ผมนั่งทางรถไฟสายนี้ ผมตะลึงงันไปกับความงามของวิวที่เห็น สีแดงของสะพานทางรถไฟทอดข้ามแม่น้ำวากะโดดเด่นยิ่งกว่าเคยท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมยอดเขาและคลุมผิวน้ำทะเลสาบคินชูโกะที่จับเป็นน้ำแข็ง ดูแล้วไม่ต่างกับภาพวาดพู่กันขาวดำที่สายตาของคนดูจะจับจ้องไปที่สีแดงเด่นของภาพวาด
ผ่อนคลายกับออนเซ็นที่สถานี Hotto-Yuda
คงพูดได้ว่ากิจกรรมที่น่าสนใจที่สุดที่ต้องไปสัมผัสให้ได้ของทางรถไฟสายนี้อยู่ ณ สถานี Hotto-Yuda (ほっとゆだ駅 Hotto-Yuda-eki) หนึ่งในสถานีไม่กี่แห่งที่มีพนักงานประจำอยู่ของทางรถไฟสายนี้ ซึ่งในจำนวนนั้นมีสถานีปลายทางอีกสองแห่งรวมอยู่ด้วย สิ่งที่ทำให้สถานี Hotto-Yuda โดดเด่นก็คือการเป็นที่แรกในญี่ปุ่นที่มีออนเซ็นให้บริการอยู่ในตัวอาคารสถานี ตัวออนเซ็นนั้นถูกสร้างในปี 1989 ซึ่งเป็นเวลาไม่นานหลังจากที่อดีต Japanese National Railways (JNR) ถูกปรับให้เป็นของเอกชนและ JR East เข้ามาดูแลการให้บริการของทางรถไฟสาย Kitakami แทน
สถานี Hotto-Yuda เป็นเพียงหนึ่งในสถานีจำนวน 20 แห่งในญี่ปุ่นที่ผู้ใช้บริการรถไฟสามารถผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนได้แทบจะในทันทีหลังจากลงรถ นอกจากจะเป็นที่แรกแล้ว สิ่งที่ทำให้สถานีแห่งนี้ต่างจากที่อื่นก็คือการมีไฟจราจรติดตั้งอยู่ในโซนอาบน้ำ ซึ่งไฟจราจรนี้ทำหน้าที่เป็นตัวจับเวลาเพื่อเตือนผู้ใช้บริการว่ารถไฟขบวนถัดไปจะมาเมื่อไหร่นั่นเอง ไฟสีเขียวจะขึ้น ณ เวลา 45 ก่อนรถไฟมา ไฟเหลืองจะขึ้น ณ เวลา 30 นาทีล่วงหน้า และไฟแดงที่ 15 นาทีล่วงหน้า คุณจะเห็นระบบนี้ได้ในอีกที่เดียวในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (ที่สถานี Minami-Kodakara-Onsen ในจังหวัดกิฟุ)
ทางรถไฟสาย Hanawa (花輪線)
ทางรถไฟสายถัดไปของบทความนี้ก็มีสถานีปลายทางอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะและจังหวัดอาคิตะเช่นเดียวกันกับทางรถไฟสาย Kitakami โดยทางรถไฟสาย Hanawa (花輪線 Hanawa-sen) นี้เชื่อมระหว่างสถานี Kōma (好摩駅 Kōma-eki) ในจังหวัดอิวาเตะและสถานี Ōdate (大館駅 Ōdate-eki) ในจังหวัดอาคิตะ แต่ที่จริงแล้วขบวนรถไฟจะเริ่มให้บริการที่สถานี Morioka ถ้าคุณอยากจะลองเดินทางบนทางรถไฟสาย Hanawa จากฝั่งจังหวัดอิวาเตะล่ะก็ คุณสามารถไปถึงได้ง่ายๆ จากสถานี Morioka
เช่นเดียวกันกับทางรถไฟสายท้องถิ่นอื่นๆ ที่หยิบยกขึ้นมาในบทความนี้ ปัจจุบันทางรถไฟสาย Hanawa แทบจะให้บริการผู้คนในท้องถิ่นโดยเฉพาะ ยกเว้นบรรดาคนรักกีฬาฤดูหนาวที่มักมาเยือนลานสกีที่ตั้งอยู่ตามเส้นทางรถไฟสายนี้
วิวฤดูหนาวบนทางรถไฟสาย Hanawa
อีกชื่อหนึ่งของทางรถไฟสายนี้คือทางรถไฟสาย Towada-Hachimantai Shikisai (十和田八幡平四季彩ライン) และอย่างที่ชื่อบอกเลย วิวตามทางรถไฟสาย Hanawa นี้สวยงามตลอดทั้งปี เพราะรถไฟจะวิ่งไปตามแนวแม่น้ำโยเนะชิโระ (米代川 Yoneshiro-gawa) ในโอดาเตะ ลัดเลาะไปมาผ่านพื้นที่ฮาจิมันไต (八幡平) ที่เด็มไปด้วยภูเขาระหว่างจังหวัดอาคิตะและจังหวัดอิวาเตะ ผ่านไร่ทุ่งในจังหวัดอิวาเตะและมุ่งหน้าไปยังสถานี Kōma ด้วยความที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา จึงมีหิมะตกหนาตลอดทางรถไฟ และการได้มองออกไปเห็นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะและผืนป่าสีขาวระหว่างที่รถไฟวิ่งผ่านทางที่ดูเหมือนอุโมงค์หิมะนั้นเป็นภาพตรึงตาที่จะเห็นได้จากข้างในรถไฟ
ไฮไลท์พิเศษเลยก็คือวิวที่เราถ่ายรูปเก็บไว้ได้ ฮาจิมันไตเป็นพื้นที่ที่มีภูเขามากมาย รวมถึงภูเขาอิวาเตะ (岩手山 Iwate-san) สุดยิ่งใหญ่ที่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดของและเป็นความภาคภูมิใจของคนจังหวัดอิวาเตะด้วย ระหว่างที่รถไฟวิ่งไปตามพื้นที่ของจังหวัดอิวาเตะ เราจะเห็นภูเขาอิวาเตะได้จากบนรถไฟ และเป็นโอกาสให้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปได้อย่างเหลือเฟือ!
ชิมโทริเมชิสักนิดที่สถานี Ōdate
ประสบการณ์หนึ่งที่หาที่อื่นได้ยากก็คือการได้ชิมเอกิเบ็นที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ที่สถานี Ōdate ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Hanazen (花善) บริษัทเอกิเบ็นท้องถิ่นที่เริ่มกิจการในฐานะมุมจำหน่ายเบ็นโตะในเรียวกังแห่งหนึ่งเมื่อปี 1899 ในขณะที่บริษัทเอกิเบ็นส่วนมากจะผลิตเอกิเบ็นหลายแบบ แต่ Hanazen จะผลิตเอกิเบ็นเพียงแบบเดียวอยู่ไม่กี่สูตรเท่านั้น นั่นคือโทริเมชิ (鶏めし) เมนูที่ข้าวจะถูกหุงด้วยน้ำซุปรสเลิศพร้อมเนื้อไก่และรากโกโบ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอื่นๆ เห็นเรียบง่ายแบบนี้ แต่โทริเมชิ เอกิเบ็นของ Hanazen พิสูจน์คุณภาพความอร่อยมาแล้วด้วยการชนะรางวัลประกวดเอกิเบ็นที่จัดโดย JR East มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 และถูกพูดถึงในสื่อมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งโทริเมชิอร่อยมากจน Hanazen เปิดสาขาในปารีสมาแล้วเมื่อปี 2018
ฮิไนจิโดริ โทริเมชิ (比内地鶏鶏めし Hinai-jidori-torimeshi) ของ Hanazen จัดเป็นหนึ่งในสามเอกิเบ็นอันดับต้นๆ ในใจผม และผมมักจะซื้อมันซ้ำแล้วซ้ำอีกระหว่างอยู่ที่จังหวัดอาคิตะ แม้ว่าจะยังมีเอกิเบ็นอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้ลองก็ตาม! ความลับของมันนั้นอยู่ที่เนื้อไก่ที่ใช้ โดยฮิไนจิโดริ (比内地鶏) เป็นไก่ที่ถูกเพาะเลี้ยงในท้องถิ่นและถือเป็นหนึ่งในสามพันธุ์ไก่ที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ในจำนวนนั้นมีไก่ซัตสึมะของจังหวัดคาโกชิมะและโคจินของนาโกยะ
ทางรถไฟสาย Yonesaka (米坂線)
ขณะที่ทางรถไฟอีกสองสายที่หยิบยกมาในบทความนี้ล้วนอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ แต่ที่สุดท้ายที่จะขอพูดถึงนั้นเป็นเส้นทางรถไฟที่เริ่มจากพื้นที่ในโทโฮคุและมาจบที่จังหวัดนีงาตะ ทางรถไฟสาย Yonesaka (米坂線 Yonesaka-sen) เชื่อมระหว่างสถานี Yonezawa (米沢駅 Yonezawa-eki) ในเมืองโยเนะซาว่าจังหวัดยามากาตะกับสถานี Sakamachi (坂町駅 Sakamachi-eki) ในเมืองมุราคามิ (Murakami City) จังหวัดนีงาตะ และเป็นอีกทางรถไฟสายท้องถิ่นที่โดดเด่นเรื่องวิวสุดตื่นตาในฤดูหนาว
วิวฤดูหนาวตามทางรถไฟสาย Yonesaka
ด้วยความที่พื้นที่รอบๆ ทางรถไฟสาย Yonesaka นั้นเต็มไปด้วยภูเขา ทำให้พื้นที่เมืองต่างๆ ที่ทางรถไฟผ่านจะมีหิมะตกหนามากในฤดูหนาว โดยเฉพาะที่โอกุนิ (Oguni) ซึ่งหิมะมักจะปกคลุมหนากว่า 2 เมตร ผมยังจำตอนที่มองออกไปหน้าต่างหลังจากรถไฟออกจากสถานี Oguni ได้สักพักและรู้สึกทึ่งว่าหิมะทับถมสูงขนาดไหน ซึ่งมันเยอะมากจนทุกอย่างรอบๆ ตัวผมกลายเป็นสีขาวหมดจนแทบจะมองอะไรรอบตัวไม่ออกเลย ยิ่งไปกว่านั้น เพราะพื้นที่เมืองโยเนะซาว่ามีลักษณะเป็นแอ่งที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขามากมาย พื้นที่แห่งนี้จึงมีหิมะตกเยอะและเอื้อให้ผู้โดยสารมีโอกาสเห็นวิวหิมะมากมายระหว่างเดินทางไปตามทางรถไฟสายนี้ในฤดูหนาว
ตอนที่ผมลงรถที่สถานี Minami-Yonezawa (南米沢駅 Minami-Yonezawa-eki) เพื่อเดินรอบๆ ท่ามกลางหิมะและสำรวจเมืองโยเนะซาว่า ผมก็เห็นซุ้มประตูโทริอิของศาลเจ้าตั้งจมอยู่ลึกในชั้นหิมะ รวมถึงหลังคาอาคารไม้เก่าๆ ของ Kojima Brewery ที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นหิมะหนาสีขาว ภาพที่เห็นนี้ทำให้ผมรู้สึกเงียบสงบในใจมากๆ ได้อย่างบอกไม่ถูก แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มหนาวๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน เพราะมีหิมะเข้าไปละลายอยู่ในรองเท้าบู้ทของผม แต่สำหรับคนที่มาจากประเทศเขตร้อนชื้นล่ะก็ วิธีสัมผัสความเย็นเฉียบของฤดูหนาวที่ดีที่สุดก็คงเป็นวิธีนี้ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่คนท้องถิ่นสัมผัสกัน
ยังมีอะไรอีกมากที่รออยู่บนทางรถไฟทั้ง 3 สายนี้!
ที่จริงแล้วทางรถไฟทั้ง 3 สายที่เราดูกันไปยังมีอะไรดีๆ รออยู่อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสระบบ Switchback ของรถไฟที่หาได้ยาก และการนั่งชมวิวสวยๆ ของแม่น้ำอาราคาวะจากบนรถไฟเป็นต้น! ใครอยากจัดทริปนั่งรถไฟชิวๆ เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวแบบ Slow Life ก็ลองมาดูข้อมูลเพิ่มเติมในบทความ “ท่องแดนหิมะไปกับทางรถไฟท้องถิ่นโทโฮคุในฤดูหนาว” ไว้เป็นโพยกันได้เลย จิ้มลิ้งก์ข้างล่างโลด!