
“ความก้าวหน้า” หรือ “การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง” ในหน้าที่การงานหรือในด้านต่าง ๆ นอกเหนือไปจากความเพียรพยายามของบุคคลผู้นั้นแล้ว “การพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์” หรือ “การเสริมดวงเสริมโชค” ก็ถือเป็นหนึ่งในการสร้างพลังกายพลังใจที่จะขาดไปไม่ได้ ในวันนี้เราจะมาพาทุกคนไปขอพรยังศาลเจ้าที่เชื่อกันว่าถ้าใครอยากที่จะก้าวหน้าหรือได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งต้องไม่พลาดที่จะไปกัน คือ “ศาลเจ้าอาตาโกะ” (Atago Jinja = 愛宕神社) ศาลเจ้าในศาสนาชินโต ซึ่งตั้งอยู่ในเขตมินาโตะ กรุงโตเกียว อยู่ไม่ไกลจากแลนด์มาร์คชื่อดังของโตเกียวอย่างโตเกียวทาวเวอร์ และย่านชิมบาชิ (Shimbashi = 新橋) และย่านธุรกิจโทราโนะมง (Toranomon = 虎ノ門) ค่ะ
ศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนภูเขาอาตาโกะ (Atagoyama = 愛宕山) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นภูเขาตามธรรมชาติที่มีระดับความสูง 25.7 เมตรหรือเท่ากับระดับความสูงของตึกประมาณชั้น 8-9 โดยภูเขาอาตาโกะมีความสูงที่สุดในบรรดาภูเขาตามธรรมชาติที่ตั้งอยู่ใน 23 เขตของกรุงโตเกียว แต่ถ้าไม่จำกัดความสูงของภูเขาตามธรรมชาติว่าต้องตั้งอยู่ใน 23 เขตโตเกียวแล้วล่ะก็ ภูเขาคุโมโทริ (Kumotori Yama หรือ Kumotori San = 雲取山) จะถือว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโตเกียว เนื่องจากมีความสูงถึง 2,017.13 เมตร แต่ก็อาจจะมีบางคนสงสัยว่าแล้วภูเขาฮาโกเน่ (Hakonesan = 箱根山) ในสวนสาธารณะโทยาม่า (Toyama Kouen = 戸山公園) ที่เขตชินจูกุ ดูเหมือนจะมีความสูงมากกว่าภูเขาอาตาโกะนี้ไม่ใช่หรือ? คำตอบ คือ ถูกต้องค่ะ!! ภูเขาฮาโกเน่มีความสูงมากกว่าภูเขาอาตาโกะ โดยมีความสูงที่ 44.6 เมตร แต่ทว่าภูเขาฮาโกเน่ไม่ได้เป็นภูเขาตามธรรมชาติ แต่จัดว่าเป็น “ภูเขาที่มนุษย์สร้างขึ้น” ดังนั้นตำแหน่งภูเขาตามธรรมชาติที่สูงที่สุดใน 23 เขตโตเกียวจึงตกเป็นของภูเขาอาตาโกะไปโดยปริยายค่ะ
ศาลเจ้าอาตาโกะถูกสร้างขึ้นตามคำสั่งของโชกุนโทกูงาวะ อิเอยาสุ?
ในส่วนของประวัติของศาลเจ้าอาตาโกะ แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1603 ตามคำสั่งของโชกุน โทกูงาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu = 徳川家康) (โชกุนลำดับที่ 1 จากตระกูลโทกูงาวะ) เพื่อเป็นศาลเจ้าไว้คอยช่วยปกป้องรักษาคุ้มครองนครเอโดะ (ซึ่งต่อมาก็คือกรุงโตเกียวในปัจจุบัน) เพื่อให้รอดพ้นจากอัคคีภัย และแคล้วคลาดจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ เนื่องจากในสมัยนั้นบริเวณนี้เป็นที่แห้งแล้ง เกิดไฟไหม้บ่อยครั้ง รวมถึงศาลเจ้าแห่งนี้ยังใช้เป็นหอสังเกตการณ์เวลาที่เกิดอัคคีภัยขึ้นในนครเอโดะอีกด้วย เนื่องจากตั้งอยู่บนภูเขาสูง จึงทำให้สามารถมองเห็นทัศนียภาพของนครเอโดะได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง และยังมีบันทึกกล่าวไว้ว่าในสมัยก่อนในวันที่อากาศดีปลอดโปร่ง สามารถที่จะมองเห็นได้ไกลไปจนถึงคาบสมุทรโบโซ ในจังหวัดชิบะ ซึ่งเป็นคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิกได้นอกจากนี้ศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้ยังเคยถูกใช้เป็นที่ตั้งเสาสัญญาณส่งคลื่นวิทยุครั้งแรกของญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1925 (ปีไทโชที่ 14) อีกด้วย
“บันไดหินแห่งความสำเร็จ” ไฮไลต์สำคัญของศาลเจ้าอาตาโกะ
ไฮไลต์ของศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้คือ “โอโตโกะซากะ” (Otokozaka = 男坂) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ “บันไดหินแห่งความสำเร็จ” (Shusse no Ishida = 出生の石段) ภาษาอังกฤษคือ “Success Steps” ซึ่งมีทั้งหมด 86 ขั้นด้วยกัน และมีความชันค่อนข้างมากถึง 45 องศา
ที่มาของบันไดหินแห่งความสำเร็จนี้มาจากที่ว่า ในวันหนึ่งขณะที่โชกุนโทกูงาวะ อิเอะมิซึ (Tokugawa Iemitsu = 徳川 家光) (โชกุนลำดับที่ 3 จากตระกูลโทกูงาวะ) ได้เดินทางผ่านที่ศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้ โดยหลังจากที่ได้เดินทางไปสักการะไหว้ยังวัดโซโจจิ (Zojoji = 増上寺) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงไม่ห่างจากศาลเจ้าอาตาโกะ ในตอนนั้นก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกบ๊วยบนยอดเขาอาตาโกะบริเวณศาลเจ้าได้บานสะพรั่งอย่างสวยงามพอดี
โชกุนโทกูงาวะ อิเอมิซึ เมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกอยากได้ดอกบ๊วยมาครอบครอง จึงได้ออกคำสั่งอย่างทันทีว่า “ใครก็ได้รีบขี่ม้าขึ้นไปเด็ดดอกบ๊วยนั้นมาซะ!” แต่เนื่องจากบันไดหินของภูเขาอาตาโกะมีความสูงชันเป็นอย่างมากผู้คนก็ต่างพากันคิดว่า “แค่คิดจะปีนขึ้น – ลงยังคิดหนัก แล้วจะให้ขี่ม้าขึ้นไปยิ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปแทบไม่ได้เลย ถ้าตกลงมาโชคช่วยก็อาจจะแค่บาดเจ็บ แต่ถ้าโชคร้ายก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้…”
ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเสนอตัวขึ้นไปเด็ดดอกบ๊วยดังกล่าว เมื่อโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิซึเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจและเริ่มเกิดอาการเกรี้ยวกราด ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีซามูไรคนหนึ่งขี่ม้าปีนขึ้นบันไดหินชัน 45 องศานี้ไปเด็ดดอกบ๊วยซึ่งตั้งอยู่ข้างบนภายในศาลเจ้าอาตาโกะลงมาให้แก่โชกุนโทกูงาวะ อิเอมิซึ
ชายผู้นั้นมีชื่อว่า มากะคิ เฮย์คุโระ (Magaki Heikuro = 曲垣平九郎) ซึ่งต่อมาได้รับการชื่นชมยกย่องจากโชกุนโทกูงาวะ อิเอมิซึ ว่าเป็น “ผู้มีฝีมือในการขี่ม้าเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น” ซึ่งชื่อเสียงดังกล่าวก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่นครเอโดะแต่ยังแพร่กระจายไปทั่วประเทศในเวลาต่อมาอีกด้วย ดังนั้นจึงได้มีผู้คนต่างเชื่อกันว่าถ้าสามารถพิชิตบันไดหินแห่งนี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จ เกิดความก้าวหน้ารวมไปถึงได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง จึงทำให้มีผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะบูชาพร้อมทั้งพิชิตปีนบันไดหินแห่งนี้จากทั่วทุกแห่งจวบจนมาถึงปัจจุบัน
ทางด้านขวาของบันไดหินแห่งความสำเร็จนี้ ยังมีบันได “อนนะซากะ” ( Onnazaka = 女坂) หรือ “บันไดสุภาพสตรี” ซึ่งมีความชันน้อยกว่าและเดินง่ายกว่า ถ้าใครไม่ถนัดบันไดหินแห่งความสำเร็จก็สามารถเลือกที่จะใช้บันไดสุภาพสตรีนี้แทนได้นะคะ
ทั้งนี้ตัวผู้เขียนก็แนะนำว่าตอนขาขึ้นให้ปีนขึ้นทางบันไดหินแห่งความสำเร็จ เพื่อให้สิ่งที่เราขอเป็นจริง และพอขากลับก็ให้เปลี่ยนมาใช้บันไดสุภาพสตรีนี้เพื่อไม่ให้คำขอกลับลงมาพร้อมเรา รวมถึงยังได้บรรยากาศตอนลงที่ต่างออกไปอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าใครไม่สามารถปีนขึ้นบันไดหินทั้ง 2 แบบนี้ได้ บริเวณด้านข้างของศาลเจ้าก็มีลิฟท์ไว้ให้ใช้บริการเช่นกัน แต่มาถึงทั้งทีก็เชื่อว่าใครๆ ก็คงอยากลองปีนพิชิตบันไดกันถูกต้องไหมคะ? พยายามเข้าค่ะ!!
อย่าลืมโค้งก่อนและหลังเข้าไปยังศาลเจ้านะ!!
ส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะรู้กันว่าหลังจากที่เดินผ่านเสาโทริอิสีแดงมาแล้ว ก็จะพบกับจุดล้างมือมังกร แต่หลายคนทราบไหมคะว่ามีอีก 2 สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมก่อนที่จะเดินเข้าไปล้างมือ คือ
- ต้องโค้งตอนเข้าและออกจากศาลเจ้าเสมอ
- ต้องเดินชิดริมขอบด้านข้างอย่าเดินตรงกลางของทางเข้าศาลเจ้า
โดยเวลาก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในศาลเจ้า เราควรที่จะโค้งทำความเคารพบริเวณหน้าเสาโทริอิสีแดง 1 ครั้ง และเดินชิดขอบด้านข้าง ไม่ควรเดินตรงกลางขอบทางเข้าศาลเจ้าเนื่องจากบริเวณทางเดินตรงกลางจะเป็นทางเดินที่เทพเจ้าจะใช้เดิน และเมื่อไหว้ขอพรเสร็จแล้ว ขากลับหลังจากที่เดินลงบันไดแล้วลอดผ่านเสาโทริอิสีแดง อย่าลืมที่จะหันกลับมาทำการโค้งคำนับ 1 ครั้งด้วยนะคะ!
เมื่อพิชิตบันไดสำเร็จแล้วภายในศาลเจ้าก็ยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจอยู่!!
เมื่อเราเดินขึ้นพิชิตบันไดหินสำเร็จมาถึงยังด้านบนแล้ว เราจะเจอกับอาคารหลักของศาลเจ้า ก็ให้ทำการไหว้ยังบริเวณอาคารหลักแห่งนี้ก่อน โดยวิธีการไหว้ที่ถูกต้องคือ โยนเงินใส่กล่องบริจาคแล้วค่อยทำการ “ปรบมือ 2 ครั้ง – โค้ง 2 ครั้ง – อธิษฐาน – โค้ง 1 ครั้ง” หรือจำง่าย ๆ ว่า “2-2-1” ตามแบบฉบับคนญี่ปุ่นก็ได้นะคะ
ทั้งนี้ ก่อนที่จะถึงบริเวณขอพรหรือบริเวณกล่องใส่เงินบริจาค ทางด้านซ้ายจะมี “หินโชคดี” ตั้งไว้อยู่ค่ะ โดยเชื่อกันว่าเมื่อลูกคลำหินนี้แล้วจะมีโชคดีเกิดขึ้นกับตัวเรา เพราะฉะนั้นอย่าลืมลูบหินในบริเวณนี้กัน
ในส่วนของการบริจาคเงิน ถ้าใครรู้สึกว่าไม่มีเงินเยนญี่ปุ่นเพื่อโยนใส่กล่องบริจาค ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป ทางศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้ได้มีการวางกล่องบริจาคเพื่อรับเงินสกุลต่างประเทศเอาไว้โดยเฉพาะอีกด้วยค่ะ!! (ทางศาลเจ้าปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้ดีเป็นอย่างมากเลย)
ในส่วนของเทพเจ้าหลักของศาลเจ้าอาตาโกะ คือ เทพโฮมูสุบิ โนะ มิโกโตะ (Homusubi No Mikoto = 火産霊命) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งไฟ นอกจากผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับไฟ เช่น นักดับเพลิง จะต่างพากันนับถือแล้ว ผู้ที่ทำงานในสาขาเกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์ ค้าขาย ก็นิยมมาสักการะกราบไหว้บูชายังศาลเจ้าอาตาโกะนี้เช่นกัน
นอกจากนั้นแล้วภายในตัวศาลเจ้าย่อยยังเป็นมี เทพแห่งน้ำ (Mizuhanome No Mikoto = 罔象女命) และ เทพแห่งภูเขา (Ooyamazumi No Mikoto = 大山祇命) และ เทพเจ้าแห่งกองทัพ (Yamato Takeru No Mikoto = 日本武尊) อีกด้วย
หลังจากที่ไหว้พระขอพรเสร็จแล้วถ้าใครอยากซื้อเครื่องราง เสี่ยงเซียมซีหรือเขียนแผ่นคำอธิษฐานก็สามารถทำได้ แต่ไฮไลต์ที่แนะนำคือ “การให้อาหารปลาคราฟ” ในบริเวณบ่อนำของศาลเจ้า ซึ่งอาหารปลาสามารถซื้อได้จากซุ้มขายเครื่องรางค่ะ
ถ้ามีเวลาอย่าลืมแวะลองน้ำแข็งใสแก้ชง!
ในบริเวณพื้นที่ของศาลเจ้ายังมี “คาเฟ่ยามาโนะอุเอโนะจายะ” (Yama No Ue No Chaya = 山の上の茶屋) ให้บริการทั้งนั่งสั่งอาหารในร้านและซื้อทานนั่งบริเวณเก้าอี้ด้านนอก โดยภายในร้านยังมีซุ้มจำหน่ายขายสินค้า เช่น ใบชา พริกป่น น้ำผลไม้กล่อง เป็นต้นอีกด้วย ทั้งนี้ เมนูแนะนำที่จำหน่ายขายไม่เหมือนศาลเจ้าอื่น ๆ คือ “ยะคุโยเคะโคริ” (Yakuyoke Kori = 厄除け氷) หรือ “น้ำแข็งใสแก้ชง” ซึ่งใช้บ๊วยที่ปลูกในบริเวณศาลเจ้ามาทำเป็นไซรัปรสบ๊วยค่ะ รสหวานอมเปรี้ยวของบ๊วยกินในอากาศร้อน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี
ร้านคาเฟ่ยามาโนะอุเอโนะจายะ
ที่อยู่ | 1 Chome-5-2, Atago, Minato Ward, Tokyo 105-0002, Japan |
วัน-เวลาทำการ | 11:00 น.-16:00 น. (ปิดทุกวันพฤหัสบดี) |
ช่วงราคา | 350 เยน-1,700 เยน (ยังไม่ได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) |
การเดินทาง | จากสถานี Kamiyacho สายรถไฟใต้ดิน Hibiya เดิน 5 นาที |
ศาลเจ้าที่ยังคงโครงสร้างแบบเดิมมาโดยตลอด
แม้ว่าศาลเจ้าอาตาโกะแห่งนี้จะถูกทำลายหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นการโดนไฟเผาไหม้เสียหายในเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่นครเอโดะ ปี ค.ศ. 1657 หรือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโต ปี ค.ศ. 1923 ก็ตาม แต่ศาลเจ้าก็ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่เสมอ โดยอาคารปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1958 แม้จะเป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แต่ตัวศาลเจ้าก็ยังคงโครงสร้างในรูปแบบเดิมเอาไว้ ในส่วนงานเทศกาลสำคัญของทางศาลเจ้า “งานเทศกาลบันไดหินแห่งความสำเร็จ” จะถูกจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี ในช่วงเดือนกันยายน โดยจะมีการแบกแห่ซุ้มศาลเจ้าโอมิโกชิ (Omikoshi = 御神輿) ขึ้นลงบันไดหินแห่งความสำเร็จนี้ เป็นหนึ่งในงานอีเว้นท์ที่น่าสนใจไม่ควรพลาด ถ้าใครมีโอกาสลองไปดูนะคะ!!
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? กับศาลเจ้าที่มาแนะนำกันให้รู้จักกันในวันนี้ ความก้าวหน้า ความสำเร็จในหน้าที่การงานหรือในเรื่องต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์เราทุกคนปรารถนาให้มีเกิดขึ้น แต่ถ้าบางครั้งเราลองพยายามสุดความสามารถแล้วยังไม่ได้ผลตามที่ใจต้องการ บางทีเราก็อาจจะต้องมูเพื่อเพิ่มดวงเสริมโชคกันบ้างดู เพราะอาจจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นก็เป็นไปได้ ดังนั้นถ้าใครมีเวลานอกเหนือจากการไปเที่ยวยังโตเกียวทาวเวอร์สถานที่ท่องเที่ยวที่จะพลาดไปไม่ได้ของโตเกียวแล้ว ก็แนะนำให้ลองไปไหว้พระขอพรและลองวัดกำลังขาของตน ด้วยการลองพิชิตปีนขั้นบันไดหินแห่งความสำเร็จนี้กันดู ก็ขออวยพรให้ทุกคนโชคดีประสบความสำเร็จก้าวหน้ากันทุกคนค่ะ!
ศาลเจ้าอาตาโกะ
ที่อยู่ | 1 Chome-5-3, Atago, Minato Ward, Tokyo 105-0002, Japan |
วัน-เวลาทำการ | 09.00 น. – 16.00 น. |
การเดินทาง | จากสถานี Kamiyacho สายรถไฟใต้ดิน Hibiya เดิน 5 นาที |
สรุปเนื้อหาจาก : atago-jinja