นางาซากิเป็นจังหวัดที่เต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอาหารที่เลิศรส แต่ละพื้นที่มีบรรยากาศและจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ตอบโจทย์การท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้จะมาพาทุกคนไปสัมผัส 6 ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในจังหวัดที่อยู่ปลายสุดของตะวันตกญี่ปุ่นแห่งนี้!
1. วิวสวยล้อมด้วยทะเล
จังหวัดนางาซากิตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะคิวชูซึ่งอยู่ปลายสุดของฝั่งตะวันตกญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวโดยเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยลักษณภูมิประเทศที่มีทะเลล้อมรอบทั้ง 3 ด้าน จึงมีธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่มีเกาะจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย โดยมีเกาะทั้งหมดราวหกร้อยเกาะ รวมถึงหมู่เกาะโกโตะ เกาะอิคิ และเกาะสึชิมะ มีชื่อเสียงในเรื่องนํ้าทะเลที่ใสราวกับคริสตัล
2. บทบาทสำคัญทางประวัติศาสตร์ของนางาซากิ
เนื่องจากจังหวัดนี้ตั้งอยู่ใกล้กับคาบสมุทรเกาหลีและจีนแผ่นดินใหญ่ จึงเป็นชัยภูมิที่ดีสำหรับการขนส่งทางทะเล และเป็นฐานการค้าการแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะที่เกาะอิกิและเกาะสึชิมะที่ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคคิวชูและคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ญี่ปุ่นในขณะนั้นได้รับวิทยาการจากแผ่นดินใหญ่เข้ามา เกิดการเรียนรู้ผสมผสานองค์ความรู้ใหม่ ๆ ขึ้น จนมาถึงยุคเอโดะที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ (ค.ศ.1639 – 1854) มีการสร้างเกาะเดจิมะขึ้นมาเพื่อทำการค้ากับยุโรปตะวันตก เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและวิชาการ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างญี่ปุ่นให้มีความทันสมัยทัดเทียมกับนานาประเทศ
3. เมืองแห่งสันติภาพ
ช่วงปีค.ศ. 1550 นักบุญฟรานซิสโก ซาเวียร์ ผู้นำคริสตศาสนามาเผยแพร่ในญี่ปุ่นเป็นคนแรก เดินทางเข้ามายังนางาซากิพร้อมคณะมิชชันนารี ทำให้ชาวเมืองหลายคนเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ ทางรัฐบาลเกิดความกังวลในเรื่องอิทธิพลของชาวตะวันออก จึงประกาศห้ามนับถือศาสนาคริสต์และกวาดล้างคริสต์ศาสนิกชน แม้จะถูกห้ามและกวาดล้างอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะแรงศรัทธาในคริสตศาสนาได้ ความศรัทธาได้รับส่งต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าพูดถึงจังหวัดนี้ ก็คงต้องพูดถึงเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะที่นี่เป็นจุดทิ้งระเบิดปรมาณูลูกที่สองหลังจากฮิโรชิมะ แม้จะว่าเมืองจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ได้รับการฟื้นฟูและมีความพยายามสร้างให้เป็นเมืองแห่งสันติภาพ
4. 2 มรดกโลกแห่งความภาคภูมิ
ที่นี่มีมรดกโลกที่น่าสนใจและควรค่าแก่การเยี่ยมชมอยู่ 2 แห่ง ที่แรกคือ “แหล่งคริสเตียนลับในภูมิภาคนางาซากิ (Hidden Christian Sites in the Nagasaki Region)” เป็นสถานที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ในญี่ปุ่นที่มีมายาวนานกว่า 450 ปี สะท้อนความศรัทธาอันแรงกล้าของคริสต์ศาสนิกชน ที่ต้องอยู่ร่วมความเชื่อดังเดิมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังแสดงกระบวนการเผยแพร่คริสต์ศาสนาในญี่ปุ่นอีกด้วย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปีค.ศ. 2018
ถัดมาคือ “สถานที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเมจิของญี่ปุ่นฯ (Sites of Japan’s Meiji Industrial Revolution: Iron and Steel, Shipbuilding and Coal Mining) “ ประกอบด้วยสถานที่ 23 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเกาะคิวชู โดยหลักฐานที่แสดงถึงการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมนั้นก็คือ อุตสาหกรรมเหล็ก การต่อเรือ และการทำเหมืองถ่านหิน ในช่วงกลางศ.ที่ 19 ถึงช่วงต้นศ.ที่ 20 ได้รับการจดทะเบียนเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมโลกในปีค.ศ. 2015
5. หลากหลายวัฒนธรรมที่น่าดึงดูดใจ
นอกจากธรรมชาติที่สวยงามและประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าแล้ว จังหวัดนี้ยังมีวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอีกด้วย ขอยกตัวอย่างเป็น “วาคารัน (和華蘭 – Wakaran) “ วัฒนธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ที่เกิดจากการผสมผสานวัฒนธรรมระหว่าง “วา (和 – Wa )” ของญี่ปุ่น , “คา (華- Ka)” ของจีน และ “รัน (蘭 – Ran)” ของดัตช์ สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นช่วงที่ปิดประเทศ และเปิดให้เมืองแห่งนี้เป็นท่าเรือการค้ากับต่างชาติเพียงแห่งเดียว ก่อให้เกิดการพัฒนาด้านวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ได้รับอิทธิพลจากอิทธิพลของตะวันตกและจีน ปัจจุบันวัฒนธรรมวาคารันยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น รูปแบบอาคาร อาหาร และเทศกาล หนึ่งในนั้นคือ “เทศกาลโคมไฟนางาซากิ (Nagasaki Lantern Festival) “ ซึ่งเป็นเทศกาลประจำฤดูหนาวที่มีต้นกำเนิดมาจากตรุษจีน
6. อาหารทะเลสด ๆ และเนื้อวัวสุดพรีเมียม!
นางาซากิเป็นขุมทรัพย์ทางทะเล เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นํ้าหลากหลายชนิดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งปลากระพงญี่ปุ่น ปลาอาจิ หอยนางรม และล็อบสเตอร์ เราสามารถอร่อยไปกับอาหารทะเลสดใหม่ได้ทุกฤดูกาล ใครที่เป็นสายเนื้อวากิวก็พลาดไม่ได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตเนื้อวากิวที่มีคุณภาพสูงไม่แพ้ที่อื่นเลย โดยจะเลี้ยงวัวด้วยหญ้าที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้เนื้อมีความนุ่มลิ้นแทบละลายในปาก นอกจาก “บะหมี่จัมปง” เมนูดังประจำจังหวัดแล้ว ยังมีอาหารท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมและประเพณีต่างประเทศ เช่น “เบอร์เกอร์ซาเซโบะ” ที่รอให้ทุกคนลิ้มลองกันอยู่นะคะ!
ส่วนตัวแล้ว ที่นี่เป็นเมืองที่ถ้ามีเวลา (และทุนทรัพย์) ก็อยากกลับไปซํ้าอีก เพราะเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของวัฒนธรรมได้ชันเจนผ่านอาหารและสถานปัตยกรรม รวมถึงมีพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ให้ได้เข้าไปศึกษาอีกด้วย วันเดย์ทริปอาจจะไม่พอนะคะสำหรับเมืองนี้ ส่วนใครที่อ่านแล้วสนใจสถานที่เที่ยวในจังหวัดนี้ก็สามารถเข้าไปดูสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำได้ที่บทความ: 10 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวใน “นางาซากิ” ที่ไม่ไปไม่ได้!!!
สรุปเนื้อหาจาก : nagasaki-tabinet