
โกเบเป็นเมืองท่าที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น นอกจากจะมีสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก ธรรมชาติที่สวยงาม และอาหารอร่อย ๆ แล้ว โกเบยังเป็นเมืองแห่งไข่มุกอีกด้วย น้อยคนนักที่จะรู้ว่าโกเบเป็นแหล่งแปรรูปและจำจัดหน่ายไข่มุกรายใหญ่ของญี่ปุ่น ในบทความนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมโกเบถึงเป็นเป็นเมืองแห่งไข่มุก มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ!
โกเบ เมืองแห่งไข่มุกอันดับหนึ่ง!
ในโกเบมีบริษัทแปรรูปไข่มุกมากกว่า 200 แห่ง และได้รับการรับรองว่าเป็นอุตสาหกรรมประจำท้องถิ่น ถ้าพูดถึงไข่มุกญี่ปุ่น หลายคนอาจจะนึกถึง เมืองอิเซะ หรือ เมืองอุวาจิมะ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไข่มุกที่สำคัญของญี่ปุ่น แต่สำหรับในโกเบนั้นแม้ว่าจะไม่ได้มีฟาร์มไข่มุกเหมือนดังเช่นเมืองที่กล่าวมา แต่รู้หรือไม่ว่ากว่า 70% ของไข่มุกที่เก็บได้จากชายหาดนั้นถูกรวบรวมในโกเบ! อีกทั้งไข่มุกที่เก็บได้ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นสร้อยคอหรือลูกปัดต่าง ๆ เพื่อจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศ โกเบจึงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งสะสมไข่มุกและมีประวัติศาสตร์กับไข่มุกยาวนานมาตั้งแต่ต้นยุคโชวะ (ค.ศ.1926 – 1945)
ประวัติศาสตร์การพัฒนาของอุตสาหกรรมไข่มุกในเมืองโกเบ
ในปี ค.ศ. 1938 เริ่มมีการเลี้ยงไข่มุกที่เมืองอิเสะ แต่ไข่มุกยังเป็นสินค้าราคาสูงเกินไปในตลาดญี่ปุ่น จึงยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายมากนัก ในขณะนั้นเองก็ได้มีการรวมกลุ่มกันของพ่อค้าชาวตะวันตกที่ท่าเรือโกเบและเริ่มส่งออกไข่มุกญี่ปุ่นจากท่าเรือโกเบไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งการเพาะเลี้ยงไข่มุกทำให้ความความต้องการไข่มุกในยุโรปและอเมริกาเพื่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยขยายโอกาสสำหรับการส่งออกไข่มุกญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี และทำให้ไข่มุกจากฟาร์มทั่วญี่ปุ่นถูกส่งมาที่ท่าเรือโกเบ ซึ่งเป็นท่าเรือการค้าระหว่างประเทศที่อยู่ใกล้กับฟาร์มไข่มุกหลักของญี่ปุ่น เช่น ใน จ.มิเอะ ภาคภูมิภาคชิโกกุและคิวชู
จะเห็นได้ว่าหากมองในเชิงภูมิศาสตร์ โกเบตั้งอยู่ใกล้กับฟาร์มไข่มุกหลักในประเทศ ทำให้บริษัทแปรรูปไข่มุกหลายแห่งเลือกมาตั้งกิจการในโกเบ ด้วยตำแหน่งของภูเขาร็อคโคใกล้เมืองคิตาโนะ ทำให้ได้รับแสงที่เหมาะสมสำหรับการคัดแยกไข่มุก เทคนิคในการแปรรูปก็ได้รับการพัฒนา พร้อมกับอุตสาหกรรมไข่มุกในโกเบที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังสงครามสิ้นสุดลง การส่งออกไข่มุกกลับมาดำเนินต่อแต่อยู่ในฐานะการค้าระหว่างรัฐบาล และทำหน้าที่สำคัญในฐานะตัวกลางการแลกเปลี่ยนกับต่างชาติ จนกระทั่งต่อมาเมื่อไข่มุกไม่ได้ถูกจัดกัดไว้แค่รัฐบาล ประกอบกับทหารอเมริกาที่ถอนทับกลับประเทศได้นำไข่มุกญี่ปุ่นกลับไปเป็นของฝาก ไข่มุกญี่ปุ่นจึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และทำโกเบกลายเป็นเมืองไข่มุกอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ด้วยการครองอัตราการแปรรูปและส่งออกไข่มุกญี่ปุ่นกว่า 80%
ส่วนตัวก็เพิ่งรู้เหมือนกันค่ะว่า โกเบเป็นแหล่งแปรรูปและส่งออกไข่มุกที่มีสัดส่วนเกินครึ่งของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีอะไรเยอะกว่าที่เคยได้ไปสัมผัสมาก ๆ ใครชอบไข่มุกลองไปโกเบดูนะคะ จะซื้อเป็นของฝากก็ได้หรือซื้อมาใส่เองก็ดีเหมือนกันค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก : pkobe.jp