ฮอกไกโด เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนํ้าพุร้อน สวนดอกไม้ โรงงานทำแก้ว ฯลฯ จึงไม่แปลกที่จะรู้สึกลังเลสับสนไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวส่วนไหนดี!? บทความนี้จึงได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวใน 5 เมืองหลักของฮอกไกโดมาให้แล้ว จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลยค่ะ!
1. ซัปโปโร
ซัปโปโร เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโดมีประชากรเกือบ 2 ล้านคน ซึ่งถือว่ามากอันดับสี่ของญี่ปุ่น มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายและกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี เดินทางสะดวก มีการผสมผสานระหว่างเสน่ห์ของเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัว เนื่องจากตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบ ส่วนทางตะวันตกและทางใต้รอบล้อมด้วยภูเขาสูง ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
1.1 อดีตที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office)
อาคารนี้เคยเป็นที่ทำการของรัฐบาล สร้างขึ้นในสมัยเมจิ (ค.ศ.1888) ก่อด้วยอิฐแดงสไตล์นีโอบาโรก ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญระดับประเทศ และเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดฮอกไกโด บุคคลทั่วไปสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของฮอกไกโด ส่วนการเดินทางก็สะดวกมาก ๆ เพราะอยู่ใกล้กับสถานีซัปโปโรเลยค่ะ
แต่ตอนนี้ปิดทำการปรับปรุงจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เลย ถึงจะเข้าไปไม่ได้แต่ได้มาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบ ๆ ก็ไม่เลวนะ!
อดีตที่ทำการรัฐบาลฮอกไกโด (Former Hokkaido Government Office)
ที่ตั้ง | 6 Chome-1 Kita 3 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0003 |
เวลาทำการ | 8.45 – 18.00 (ตอนนี้ปิดชั่วคราว) |
ค่าเข้า | ไม่มี |
การเดินทาง | นั่งรถไฟไปลงที่ JR Sapporo Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
1.2 หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Tokeidai)
สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1878 แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาคารปฏิบัติงานของวิทยาลัยเกษตรซัปโปโร หรือมหาวิทยาลัยฮอกไกโดในปัจจุบัน อาคารนี้ได้รับเลือกให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ และเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของฮอกไกโด ภายในเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้
หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Tokeidai)
ที่ตั้ง | 2 Chome Kita 1 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0001 |
เวลาทำการ | 8.45 – 17.10(เข้าได้ถึง 17.00) |
ค่าเข้า | 200 เยน |
การเดินทาง | นั่งรถไฟไปลงที่ JR Sapporo Station แล้วเดินทางเดินใต้ดินไปที่ Odori ออกทางออกหมายเลข 9 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที |
1.3 สวนโอโดริ (Odori Park)
สวนโอโดริ เป็นสวนสาธารณะสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ เดินเล่นสำหรับชาวซัปโปโร ในตอนกลางคืนสวนจะเปิดไฟประดับ สามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่แตกต่างจากตอนกลางวันได้ แถมยังเป็นจุดที่ชมซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ได้อย่างสวยงามอีกด้วย
สวนโอโดริ (Odori Park)
ที่ตั้ง | 220 Chome Odoriminami, Obihiro, Hokkaido 080-0010 |
การเดินทาง | นั่งรถไฟไปลงที่ JR Sapporo Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
1.4 โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)
เป็นน้ำพุร้อนที่สามารถเพลิดเพลินกับไปกับธารนํ้าที่ไหลลงบนภูเขาได้อย่างใกล้ชิด เป็นสถานที่ยอดนิยมช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เพราะได้แช่ออนเซ็นร้อน ๆ แว่วเสียงธารน้ำท่ามกลางใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี นํ้าออนเซ็นที่นี่ช่วยรักษาโรคผิวหนังได้ดีอีกด้วย
โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen)
ที่ตั้ง | Jozankeionsennishi, Minami Ward, Sapporo, Hokkaido 061-2303 |
การเดินทาง | ขึ้นรถบัส Jotetsu Bus หมายเลข 7 หรือ 8 จาก Sapporo Station Bus Terminal ไปลงที่ Jozankei Onsen |
2. โอตารุ
โอตารุเป็นเมืองท่าตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของฮอกไกโด ห่างจากเมืองหลวงซัปโปโรเพียง 30 กม. ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินโดยรถไฟประมาณ 30 นาที เป็นเมืองที่มีอาคารและโกดังเก่าแก่สไตล์ตะวันตกที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อยู่หลายแห่ง สามารถเดินเล่นไปตามคลองชมตึกรามบ้านช่องได้ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน โกดังสไตล์ตะวันตกได้เปลี่ยนมาเป็นร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมดื่มดำกับบรรยากาศและสถาปัตยกรรมได้
2.1 คลองโอตารุ (Otaru Canal)
คลองโอตารุสร้างเสร็จในปีค.ศ. 1923 โดยขุดเข้ามาจากชายฝั่งเล็กน้อย จึงมีลักษณะโค้งมน แต่เดิมใช้เป็นท่าเทียบเรือขนส่งสินค้า ปัจจุบันเลิกกิจการไปแต่มีการอนุรักษ์คลองโอตารุเอาไว้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีการติดตั้งตะเกียงตามทางเดิน และมีการรีโนเวทโกดังเก็บสินค้าริมคลองให้เป็นร้านอาหารและร้านค้าที่ยังคงบรรยากาศโกดังแบบเดิมๆเอาไว้
คลองโอตารุ (Otaru Canal)
ที่ตั้ง | Minatomachi, Otaru-shi, Hokkaido Otaru canal, 047-0007 |
การเดินทาง | นั่งรถไฟไปลงที่ JR Otaru Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
2.2 โรงผลิตแก้วคิตะอิจิกลาส (Kitaichi Glass Atelier for Tourists)
คิตะอิจิกลาส เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแก้วทำมือชื่อดังระดับประเทศ เปิดกิจการมาตั้งแต่สมัยบุกเบิกของฮอกไกโด (ค.ศ. 1869〜1882) แก้วของคิตะอิจิมีคุณภาพสูงมีหลากหลายประเภทให้ได้เลือกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึก หรือจะเข้าร่วมเวิร์คช็อปทำเครื่องแก้วของตัวเองที่มีแค่ชิ้นเดียวในโลกได้อีกด้วย!
โรงผลิตแก้วคิตะอิจิกลาส (Kitaichi Glass Atelier for Tourists)
ที่ตั้ง | 7-26 Sakaimachi, Otaru, Hokkaido 047-0027 |
เวลาทำการ | 8:45 – 18:00 |
การเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR Hagodate Line ไปลงที่ Minami Otaru Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที |
2.3 ภูเขาเทนงุ (Mt. Tengu)
เป็นภูเขาที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองโอตารุมาก สามารถนั่งใช้กระเช้าลอยฟ้าเพื่อไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์ 180 องศาของเมืองโอตารุได้ จะชมตอนกลางวันก็ดี ตอนกลางคืนก็สวยเหมือนกันค่ะ ใครชอบเล่นสกีก็สามารถขึ้นไปเล่นสกีที่บนภูเขาได้ด้วยนะคะ
ภูเขาเทนงุ (Mt. Tengu)
ที่ตั้ง | 2 Chome Tenguyama, Otaru, Hokkaido 047-0012 |
เวลาทำการ (Ropeway) | เวลากระเช้า: 9.00 – 21.00 *เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตรวจสอบเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ tenguyama.ckk.chuo-bus.co.jp |
ราคา (Ropeway) | ผู้ใหญ่ ไปกลับ: 1,400 เยน, ขาเดียว 840 เยน เด็ก: ไปกลับ: 700 เยน, ขาเดียว 420 เยน |
การเดินทาง | นั่งรถบัสจาก JR Otaru Station Terminal ไปลงที่ Tenguyama |
3. ฮาโกดาเตะ
ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของฮอกไกโด เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในญี่ปุ่น เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเกือบ 5 ล้านคนต่อปี! นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ฮาโกดาเตะยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกด้วย เพราะเป็นเมืองท่าที่เปิดทำการค้าระหว่างประเทศแห่งแรกของญี่ปุ่น พร้อมกับท่าเรือโยโกฮาม่าและท่าเรือนางาซากิ เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงาม โดยเฉพาะทิวทัศน์ยามคํ่าคืนสุดโรแมนติกซึ่งเป็นที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ
3.1 ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate)
ฮาโกดาเตะ ได้รับเลือกให้เป็นสามทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่นนอกเหนือจากโกเบและนางาซากิ วิวทิวทัศน์ที่เห็นจากภูเขาฮาโกดาเตะยามค่ำคืนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฮาโกดาเตะที่ทำให้ชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยว อาจจะเริ่มต้นทริปด้วยโบสถ์แม่พระแห่งเทวดา อารามแทรปปิสท์ (Our Lady of the Angels Trappistine Abbey) ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของฮาโกดาเตะ และต่อด้วยโบสถ์ หรือสถานที่ราชการซึ่งเป็นร่องรอยที่หลงเหลือเอาไว้ตั้งแต่ยุคบุกเบิก
ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate)
ที่ตั้ง | Hakodateyama, Hakodate, Hokkaido 040-0000 |
การเดินทาง | นั่งรถไฟจาก JR Hakodate Station แล้วนั่งรถบัส Hakodate Bus |
3.2 ตลาดดงบุริโยโคโจ (Hakodate Morning Market)
ตลาดดงบุริโยโคโจ เป็นตลาดที่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารทะเลอยู่ใกล้กับสถานีฮาโกดาเตะ ภายในตลาดก็จะมีร้านขายขายอาหารสด ๆใหม่ ๆ ส่งตรงจากทะเลในราคาสบายกระเป๋า นอกจากคุณภาพและความอร่อยของอาหารแล้ว ตลาดฮาโกดาเตะยังเป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์อีกด้วย อาหารทะเลที่ขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารตามฤดูกาล ใครชอบทานอาหารทะเลห้ามพลาดเลยนะคะ
ตลาดดงบุริโยโคโจ (Hakodate Morning Market)
ที่ตั้ง | 9-19 Wakamatsucho, Hakodate, Hokkaido 040-0063 |
เวลาทำการ | *บางร้านอาจมีเวลาเปิดปิดต่างกัน มกราคม – เมษายน 6.00 AM – 2.00 PM พฤษภาคม – ธันวาคม 5.00 AM – 2.00 PM |
เว็บไซต์ | hakodate-asaichi.com |
การเดินทาง | นั่งรถไฟจาก JR Hakodate Station แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาที |
4. ฟุราโนะ
ฟุราโนะ เป็นเมืองที่โดดเด่นด้วยธรรมชาติที่สวยงาม รายล้อมด้วยภูเขาสูง แม่นํ้าทางตอนเหนือและใต้ พร้อมกับที่ราบกว้างใหญ่ ทำให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เหมาะกับการชมสวนดอกไม้ หรือทำกิจกรรมในฟาร์ม เป็นเมืองที่เหมาะกับการมาเที่ยวกับครอบครัวที่มีเด็กมากๆ เพราะมีกิจกรรมที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติให้คุณหนูๆ สนุกสนานได้ตลอดทั้งวัน
4.1 ทุ่งลาเวนเดอร์ฟุราโนะ
ทุ่งลาเวนเดอร์เป็นตัวแทนของฟุราโนะ สวนดอกไม้ในเมืองฟุราโนะมีหลากหลายที่ให้ได้เลือกไป อาจจะไปที่เดียววันเดียว หรือจะไปหลาย ๆ ที่ในวันเดียวก็ได้เช่นกัน โดยแต่ละที่ก็จะมีจุดเด่นจุดขายต่างกันออกไป สวนดอกไม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้ปลูกแค่ดอกลาเวนเดอร์เพียงอย่างเดียวแต่จะปลูกดอกไม้อื่น ๆ ตามฤดูกาล สามารถเข้าชมความสวยงามได้ตลอดทั้งปี
ทุ่งลาเวนเดอร์ฟุราโนะ
ที่ตั้ง | Nakafurano, Sorachi District, Hokkaido 071-0700 |
เว็บไซต์ | farm-tomita |
การเดินทาง | นั่งรถไฟสาย JR Furano Line ขึ้นจากสถานี Furano Station ไปลงที่ Lavender-Farm Station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที |
5. บิเอะ
บิเอะ ตั้งอยู่ใจกลางเกาะฮอกไกโด มีลักษณะเด่นที่ภูมิประเทศที่มีเนินเขาสูงตํ่าคล้ายคลื่น และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เขียวชอุ่มงดงาม นอกจากลักษณะภูมิประเทศที่สวยงามแล้ว พืชผลทางการเกษตรก็มีคุณภาพไม่แพ้กัน ปัจจุบันทางเมืองได้พยายามผลักดันให้เมืองบิเอะเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เพื่อรักษาทัศนียภาพที่สวยงามให้กับคนรุ่นหลังอีกด้วย
5.1 ทุ่งดอกไม้บนเนินเขาที่บิเอะ
ที่เมืองบิเอะมีสวนดอกไม้มีชื่อเสียงมาก เช่น สวนชิกิไซโนะโอกะ (Shikisai No Oka) และ เซรุบุฮิลล์ (Zerubu Hill) นอกจากทุ่งดอกไม้แสนสวยแล้วยังมีเนินไมลด์เซเว่น (Mild Seven Hill) และ เนินเขาเจ็ดลูกอ่อนและบ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond) ให้ได้แวะไปเที่ยวชมความสวยงามของธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของเกาะฮอกไกโดอีกด้วย
ฮอกไกโดเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องอาหาร สถาปัตยธรรม และธรรมชาติ เป็นจังหวัดที่ไปซํ้าได้ไม่รู้เบื่อเลยค่ะ ส่วนตัวชอบโอตารุมาก เพราะเป็นสถานที่ถ่ายทำของหนังเรื่องโปรด ไปตามรอยมาแล้วฟินมากเลยค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก hokkaido-labo