ทุกคนรู้จัก Gran Class บนชินกันเซ็นไหม? หากพูดถึงประสบการณ์นั่งรถไฟสุดพิเศษที่หาได้ในญี่ปุ่น นอกจากรถไฟธีมพิเศษอย่าง Joyful Train ที่สร้างสีสันให้กับการเดินทางแล้ว บางคนอาจจะกำลังมองหาความพิเศษที่มากับความเรียบง่ายแต่หรูหรามีระดับ และถ้านี่คือสิ่งที่เพื่อน ๆ กำลังมองหาอยู่ ขอแนะนำให้รู้จัก Gran Class ที่นั่งที่หรูหราที่สุดบนรถไฟชินกันเซ็นผ่านรีวิวจากคุณ Carissa Loh กัน!
Gran Class รถไฟชินกันเซ็นที่หรูหราที่สุดของญี่ปุ่น
คุณอาจจะรู้จักชั้น First Class ของเครื่องบิน แต่คุณรู้จักชั้น First Class ของรถไฟหรือไม่? ด้วยจำนวนที่นั่งเพียง 18 ที่นั่งต่อขบวนเท่านั้น (จากทั้งหมด 731 ที่นั่งบนรถไฟซีรีส์ E5/H5 ความยาว 10 ตู้รถของ Tohoku/Hokkaido Shinkansen หรือจากทั้งหมด 924 ที่นั่งบนรถไฟ E7/W7 ความยาว 12 ตู้รถของ Hokuriku/Joetsu Shinkansen ) ทำให้การนั่งตู้รถ Gran Class (グランクラス Guran Kurasu) สุดหรูหราและเอ็กซ์คลูซีฟนี้เป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงแน่นอน
นอกจากจะกว้างและนั่งสบายเป็นพิเศษแล้ว ผู้โดยสารยังจะได้รับการบริการอย่างใส่ใจจากพนักงานบริการของ Gran Class การบริการอาหารมื้อเบาๆ และขนมของว่าง การบริการเครื่องดื่มแบบไม่อั้น และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ในบทความนี้ เราจะไปดูกันว่าการนั่ง Gran Class บนรถไฟ Tohoku Shinkansen จากสถานี Tokyo (東京駅) ไปสถานี Shin-Aomori (新青森駅) ที่ใช้เวลา 3 ชั่วโมงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ามีอะไรรออยู่ ณ ที่นั่ง Gran Class มาอ่านต่อเพื่อทำความรู้จักกันเลย!
ตู้รถ Gran Class อยู่ ณ ตู้รถคันที่ 10 ของขบวนรถไฟ Tohoku/Hokkaido Shinkansen ที่มีความยาว 10 ตู้รถ และจะอยู่ที่ตู้รถคันที่ 12 ของขบวนรถไฟ Hokuriku/Joetsu Shinkansen ที่มีความยาว 12 ตู้รถ เหตุผลนั้นเนื่องจากตู้รถเหล่านี้จะอยู่ที่ปลายขบวนรถไฟซึ่งมีขนาดพื้นที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับตู้รถคันอื่นๆ เพราะเป็นตู้รถที่มีห้องคนขับด้วยนั่นเอง
ก่อนที่คุณจะขึ้นตู้รถ Gran Class คุณจะเห็นสัญลักษณ์ตั้งแต่สติ๊กเกอร์บนพื้น ไปจนถึงประตูรถไฟ และป้ายดิจิทอล ตู้รถไฟ Gran Class เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2011 และปัจจุบันกำลังให้บริการเป็นปีที่ 11 แล้ว
เมื่อก้าวเข้าไปในตู้รถ Gran Class คุณอาจจะไม่อยากเชื่อว่าคุณกำลังอยู่บนรถไฟ! “Gran” เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “ใหญ่” และที่นั่ง Gran Class เป็นที่นั่งที่มีพื้นที่กว้างเหลือเฟือจริงๆ โดยทั้งตู้ Gran Class จะมีที่นั่งแถวหน้ากระดานเพียง 6 แถวที่ถูกจัดวางแบบ 2+1
นอกจากนี้ ที่นั่งที่รองรับการนั่งได้อย่างถูกต้องตามหลักสรีระและสมดุลยังมอบความสบายแบบเหนือระดับให้คุณได้ไม่ว่าจะนั่งท่าไหนหรือมีสรีระเป็นอย่างไร บรรดาที่นั่งบุหนังแท้เหล่านี้สามารถปรับเอนได้มากถึง 45 องศาและถูกจัดวางอยู่ในตัว Back Shell ดังนั้นคุณจะไม่ถูกรบกวนแม้ผู้โดยสารคนอื่นจะปรับเบาะเอนก็ตาม และคุณเองก็ไม่รบกวนผู้โดยสารคนอื่นเวลาที่คุณปรับเอนเบาะนั่งของตัวเองด้วยเช่นกัน
และเช่นเดียวกันกับการที่เครื่องบินมีพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ตู้รถ Gran Class เองก็มีพนักงานบริการของ Gran Class ที่ต้อนรับผู้โดยสาร Gran Class ทั้ง 18 คนอย่างอบอุ่น โดยพวกเขาพร้อมที่จะข่วยให้การนั่งรถไฟของคุณนั้นสะดวกสบาย
อิ่มอร่อยบน Gran Class
เมื่อรถไฟเดินทางออกจากสถานี พนักงานบริการจะนำผ้าเปียกสำหรับเช็ดมือมาให้พร้อมส่งเมนูที่มีลิสต์อาหารและเครื่องดื่มให้ โดยปกติแล้วอาหารจะถูกนำมาเสิร์ฟไม่นานหลังจากที่รถไฟออกจากสถานีรถไฟที่เราขึ้นรถมา ยกเว้นว่าคุณจะมีรีเควสเรื่องเวลาในการเสิร์ฟ คุณสามารถสั่งเครื่องดื่มได้มากเท่าที่ต้องการตลอดการนั่งรถไฟ สำหรับเครื่องดื่มแก้วแรกของฉันนั้น ฉันเลือกน้ำแอปเปิ้ลซึ่งถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมอาหารว่าง
คุณรู้ไหม? อาหารว่าง (軽食 karushoku) ที่ Gran Class เสิร์ฟให้กับผู้โดยสารนั้นเป็นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่สดใหม่ที่สุด และเมนูจะเปลี่ยนไปทุกฤดู (ทุกๆ 3 เดือน)
อาหารที่เสิร์ฟบนรถไฟที่วิ่งในแต่ละทิศ (ขาออกและขาเข้า) และในแต่ละเส้นทาง (Tohoku/Hokkaido Shinkansen และ Hokuriku Shinkansen) นั้นจะต่างกันออกไป ดังนั้นในแต่ละฤดูจะมี อาหารว่าง Gran Class ทั้งหมดสี่แบบด้วยกัน
ที่นั่งของ Gran Class
ไฮไลต์ของ Gran Class แน่นอนว่าต้องเป็นที่นั่งสุดหรูนั่นเอง ด้วย Seat Pitch (ระยะห่างระหว่างขอบหลังสุดของเบาะที่นั่ง 2 แถว) ที่ยาว 1,300 มม. นี้ ทำให้ที่นั่งของ Gran Class ใกล้เคียงกับที่นั่งระดับ First Class บนเครื่องบินโดยสารทีเดียว โดยที่นั่งของ Gran Class จะให้คุณได้สัมผัสความสบายขั้นสุดเท่าที่จะหาได้บนรถไฟชินกันเซ็น
คุณสามารถควบคุมการปรับเอนที่นั่งได้ง่าย ๆ เพียงกดปุ่มเท่านั้น โดยที่นั่งจะถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนได้แก่พนักพิงหลัง เบาะรองก้น และเบาะรองขา นอกจากปุ่มที่ควบคุมทั้งสามส่วนนี้พร้อมกันเพื่อปรับเอนให้สุดและปรับเบาะนั่งตรงแล้ว ผู้โดยสารยังสามารถเลือกที่จะปรับแต่ละส่วนแบบแยกต่างหากได้อีกด้วย
ที่นั่ง Gran Class นั้นถูกบุด้วยหนังแท้และให้สัมผัสที่นุ่มและสบาย ถ้าฉันไม่ได้กำลังเดินทางด้วยเรื่องงานล่ะก็ ฉันคงจะหลับสบายอยู่บนที่นั่งนี้แน่นอน! เพื่อให้การเดินทางของคุณสบายยิ่งขึ้นไปอีก บนรถจะมีรองเท้าสลิปเปอร์ให้ด้วยและคุณยังสามารถขอผ้าห่มได้ถ้ารู้สึกหนาว โดยผ้าห่มจะถูกเก็บไว้ในที่เก็บของเหนือหัวเหมือนกับบนเครื่องบิน ซึ่งพนักงานจะหยิบผ้าห่มออกมาให้กับผู้โดยสารที่ขอ นอกจากนี้ยังมีที่ช้อนรองเท้าและมาสก์ปิดตาให้เราใช้ได้ด้วย
แต่ละที่นั่งจะมีเต้าปลั๊กไฟให้ ดังนั้นคุณสามารถเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จโน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ยังมีไฟอ่านหนังสือที่สามารถเปิดปิดได้ด้วยการบิดที่ตัวกรอบ และยังมีโต๊ะที่พับเก็บได้อยู่สองขนาดเพื่อตอบรับความต้องการในการใช้งานของเราได้
รู้ไหม? จองที่นั่ง Gran Class ง่ายกว่าที่คิด!
มาถึงตรงนี้เพื่อน ๆ อาจจะอยากลองสัมผัสการนั่งรถไฟแบบ First Class ที่ญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิตกันแล้ว แต่อย่าให้คำว่า ‘First Class’ ทำเราท้อไป เพราะว่าถ้ามีตั๋ว Japan Rail Pass ซึ่งเป็นตัวพิเศษสำหรับชาวต่างชาติอย่างเรามาช่วยแล้วล่ะก็ ที่ต้องทำก็แค่จ่ายค่าส่วนต่างเล็กน้อย เข้าเว็บไปคลิ๊กจองที่นั่งนิดหน่อย ก็ขึ้น Gran Class ได้แล้ว! มาดูวิธีขึ้น Gran Class แบบละเอียดพร้อมดูความหรูหรามีระดับอื่นๆ ที่รอเราบนรถไฟได้ที่ “Gran Class รถไฟชินกันเซ็นที่หรูหราที่สุดของญี่ปุ่น” หรือคลิ๊กที่รูปข้างล่างแล้วไปต่อกันได้เลย!
และสำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการเดินทางด้วยรถไฟในญี่ปุ่น JR Times by JR East ก็เป็นเว็บหนึ่งที่เหมาะกับการทำการบ้านเพื่อเตรียมทริปลุยญี่ปุ่น โดย JR Times by JR East เป็นเว็บไซต์ที่รวมทุกบทความเกี่ยวกับรถไฟที่นักท่องเที่ยวต้องรู้ ซึ่งรวมถึงบทความรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ ห้ามพลาดที่สามารถนั่งรถไฟไปได้ รีวิวรถไฟสุดพิเศษของ JR East และอีกมากมาย!