โกโคอิจิ (ゴコイチ, MIKATAGOKO CYCLING COURSE) เป็นเส้นทางปั่นจักรยานที่เลียบผ่านทะเลสาบอันสวยงามของมิกาตะถึง 5 แห่งด้วยกัน! โดยถ้าใครเดินทางมาจากแถบคันไซ หรือชูเกียว ก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้แบบไปเช้าเย็นกลับได้เลย! ส่วนเส้นทางนั้นก็ปั่นได้ไม่ยาก คนที่เป็นมือใหม่ก็สามารถปั่นได้ มีระยะทางรวมประมาณ 33 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และเส้นทางมีความชันเพียงเล็กน้อย ตลอดเส้นทางเราจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละทะเลสาบได้อีกด้วย
ในบทความครั้งนี้เราจึงอยากชวนคุณมาลองเปิดประสบการณ์พร้อมกับสัมผัสกับเสน่ห์ของเส้นทางปั่นจักรยานนี้ไปด้วยกันค่ะ!
สัมผัสความงามของ ทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ บนเส้นทาง “โกโคอิจิ”
ทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ เป็นทะเลสาบห้าแห่งที่อยู่ระหว่างเมืองมิฮามะ (美浜) และเมืองวากาสะ (若狭) ในจังหวัดฟุคุอิ โดยประกอบด้วย
- ทะเลสาบคุกุชิ (々子湖)
- ทะเลสาบฮิรุงะ (日向湖)
- ทะเลสาบมิกาตะ (三方湖)
- ทะเลสาบซุยเง็ตสึ (水月湖)
- ทะเลสาบสุกะ (菅湖)
ซึ่งทะเลสาบทั้งห้านี้เชื่อมต่อกันด้วยคลองและแม่น้ำ แต่ก็มีลักษณะ ทัศนียภาพ และคุณภาพของน้ำที่แตกต่างกันไปทำให้สีของน้ำในแต่ละทะเลสาบดูแตกต่างกันกันไปด้วย
ทั้งนี้หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมทะเลสาบทั้งหมดได้ในทริปเดียวนั้นก็คือ การปั่นจักรยานเลียบทะเลสาบบนเส้นทางโกโคอิจิ โดยจุดเริ่มต้นนั้นก็อาจจะสตาร์ทจากสมาคมการท่องเที่ยววากาสะมิฮามะที่อยู่ในสถานีรถไฟ JR Mihama ก่อนเป็นที่แรก!
“จักรยานเช่า” ที่มีให้เลือกมากมาย หลายประเภท!
ก่อนที่เราจะออกเดินทางสู่เส้นทางโกโคอิจิ แน่นอนว่าก็ต้องมีจักรยานซะก่อน! โดยเราสามารถไปเช่าที่สมาคมการท่องเที่ยววากาสะมิฮามะ ได้เลย! ที่นี่เขามีจักรยานให้เลือกถึง 8 ประเภท! ตั้งแต่จักรยานไฟฟ้าสำหรับมือใหม่ไปจนถึงจักรยานสำหรับคนที่เป็นมือโปร เช่น จักรยานเสือหมอบ (ต้องจองล่วงหน้า) เป็นต้น
นอกจากนี้ ก็ยังสามารถเช่าอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น หมวกกันน็อค และกุญแจล็อค ได้ด้วยเช่นกัน ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 500 เยน ต่อ 4 ชั่วโมง ซึ่งค่าเช่าก็จะแตกต่างไปขึ้นอยู่กับประเภทของจักรยาน และระยะเวลาในการเช่า อีกด้วย ทั้งนี้ก็สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ สมาคมการท่องเที่ยววากาสะมิฮามะ
สำหรับขั้นตอนในการยืมจักรยาน ก็เริ่มจากกรอกแบบฟอร์มการยืม และแสดงบัตรประจำตัวต่อเจ้าหน้าที่ จากนั้นเราจะได้รับแผนที่เส้นทางปั่นจักรยาน และแผ่นพับต่าง ๆ ให้เราได้เตรียมพร้อมตรวจสอบเส้นทางก่อนเริ่มปั่นจักรยาน!
1. ถึงเวลาออกเดินทาง! เริ่มที่สถานี JR Mihama มุ่งหน้าไปทางเหนือของทะเลสาบคุกุชิ
หลังจากที่เราได้ศึกษากฎกติกา มารยาทการขี่จักรยานในญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาออกเดินทาง! โดยให้เราปั่นจักรยานไปตามเครื่องหมายลูกศรบนพื้น และตามป้ายที่เขียนว่า “เส้นทางปั่นจักรยานทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ (MIKATAGOKO CYCLING COURSE)” เมื่อเราปั่นจักรยานไปได้สักพัก “ทะเลสาบคุกุชิ” ซึ่งเป็นจุดหมายแห่งแรก ก็จะค่อย ๆ ปรากฎตรงหน้าของเรา
2. “ทะเลสาบฮิรุงะ” กับบรรยากาศเหมือนท่าเรือประมง!
View this post on Instagram
เมื่อเราปั่นจักรยานออกมาจากทะเลสาบคุกุชิแล้ว ทีนี้ก็จะมุ่งหน้าต่อไปยัง ทะเลสาบฮิรุงะ! โดยจะเริ่มมองเห็นอ่าววากาสะอยู่ทางด้านขวามือ ซึ่งจะมีคลองเชื่อมต่อไปยังทะเลสาบฮิรุงะ
ทะเลสาบฮิรุงะนั้นยังมีความพิเศษตรงที่เป็น ทะเลสาบน้ำเค็มเพียงแห่งเดียว ในบรรดาทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ เมื่อมองออกไปเราจะสามารถเห็นเรือประมงจอดอยู่ในทะเลสาบ ในบริเวณนั้นก็ยังมีบ่อตกปลา และที่พักแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอยู่ด้วย นับเป็นบรรยากาศที่ทำให้ที่นี่แตกต่างจากทะเลสาบอื่น ๆ มาก ๆ
แถมตรงสะพานฮิรุงะที่ทอดข้ามคลองนั้น หากเรามีโอกาสไปเยือนในช่วงวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมกราคมของทุกปี เราจะพบกับ งานเทศกาลการแข่งขันชักกะเย่อใต้น้ำฮิรุงะ ซึ่งเทศกาลนี้ได้ถูกรับเลือกให้เป็น ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาติที่จับต้องไม่ได้ อีกด้วย!
ในงานก็จะมีการทำพิธีกรรมแบบชินโต พร้อมทั้งเหล่าคนหนุ่มสาวที่จะพร้อมใจกันกระโดดลงจากสะพานไปในคลองแล้วแข่งขันกันไปตัดเชือกที่ปลายทั้งสองด้านของคลอง นับเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสุดพิเศษของที่นี่ ซึ่งถ้ามีโอกาสไม่ควรพลาดเด็ดขาด!
3. ขุมทรัพย์มากมายที่ซ่อนอยู่ตามเส้นทางเลียบแม่น้ำอุรามิ!
View this post on Instagram
หลังจากเที่ยวชมรอบ ๆ ทะเลสาบฮิรุงะจนหนำใจแล้ว จุดหมายเส้นทางต่อไปคือ ทะเลสาบซุยเง็ตสึ แต่ก่อนที่จะถึงนั้น เราจะเจอกับ เส้นทางเลียบแม่น้ำอุรามิ ที่เชื่อมระหว่างทะเลสาบคุกุชิ และทะเลสาบซุยเง็ตสึ ก่อน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นเส้นทางที่ชันที่สุดในเส้นทางโกโคอิจิ! ถ้าใครเลือกจักรยานไฟฟ้ามาก็จะช่วยทุ่นแรงทางลาดชันตรงจุดนี้ได้
ข้อแนะนำอีกข้อคือ เนื่องจากถนนในเส้นทางนี้เป็นถนนแคบ ๆ จึงควรปั่นเลียบถนนฝั่งที่ติดกับทะเลสาบ เพื่อจะได้มองวิวทะเลสาบไปได้ตลอดเส้นทางค่ะ! ในระหว่างทาง เราก็จะเจอกับจุดจอดแวะชมวิวที่ ศาลาชมนกป่า จากจุดนี้เมื่อมองออกไปก็จะเห็นวิวทะเลสาบได้ ใครอยากหยุดพักแวะถ่ายรูปก็ทำได้!
นอกจากนี้ก็จะได้เจอกับ ศาลเจ้าลึกลับ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ต้นไม้สูงตระหง่านอีกด้วย การได้ปั่นจักรยานท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบของทะเลสาบ ไปพร้อมกับการได้มองดูนกน้ำที่ผลัดกันบินผ่านไปมาบนท้องฟ้าที่มีเมฆไหลเอื่อยนั้น จะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกแน่นอน! ดังคำกล่าวที่ว่าธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่จะช่วยเยียวยาหัวใจที่เหนื่อยล้าของเรา!
4. ครึ่งทางของโกโคอิจิ! “ทะเลสาบซุยเง็ตสึ” และ “ทะเลสาบมิกาตะ”
ใช้เวลาไม่นานนัก เราก็มาถึงครึ่งทางของเส้นทางโกโคอิจิกันแล้ว! จุดหมายที่เราจะมาแนะนำต่อมาคือ ทะเลสาบซุยเง็ตสึ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่น้ำสองชั้นมีความแตกต่างกัน โดยชั้นบนจะเป็นน้ำทะเลผสมกับน้ำกร่อย ส่วนชั้นล่างจะเป็นน้ำจืด
ถัดออกมาจะเป็นในส่วนของ ทะเลสาบมิกาตะ ซึ่งถือเป็น ทะเลสาบน้ำจืด เพียงแห่งเดียวในบรรดาทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ โดยหากเราลองปั่นจักรยานเลียบทะเลสาบดู ก็จะมองเห็นพืชน้ำมากมายอยู่บนพื้นผิวน้ำของทะเลสาบมิกาตะ โดยมีวิวของโรงจอดเรือเรียงรายประกอบกัน ถือเป็นอีกหนึ่งมุมที่อดใจไม่หยุดถ่ายรูปไม่ได้เลย!
5. แวะเติมพลังที่คาเฟ่ ไปกับเมนู “บ๊วย” สุดพิเศษของฟุคุอิ!
View this post on Instagram
จากจุดทะเลสาบมิกาตะ ปั่นออกมาเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมองเห็นป้าย “บ๊วยดอง” ซึ่งแท้จริงแล้วบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะนั้น มีการปลูกบ๊วยกันอยู่เยอะมาก โรงจอดเรือที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ ก็เคยถูกใช้ในการขนส่งบ๊วยที่เก็บเกี่ยวได้จากอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบเช่นกัน ดังนั้นหากมาถึงที่นี่เราก็จะเจอกับร้านค้าที่จำหน่ายบ๊วยของจังหวัดฟุคุอิและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากบ๊วยได้ตามสองข้างแนวถนนเลย!
ในเส้นทางปั่นจักรยานเราจะได้ปั่นผ่านสวนบ๊วยอีกด้วยนะ! จึงขอแนะนำว่าถ้าได้มาที่นี่ในช่วงฤดูบ๊วยจะได้พบกับความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกแน่นอน!
ใครรู้สึกเริ่มหิวอยากจะหาอะไรอร่อย ๆ ทาน ก็ขอแนะนำจุดแวะพักที่ ชิมะคาเฟ ที่อยู่ข้าง ๆ พิพิธภัณฑ์ Fukui Prefectural Varve Museum โดยสามารถเข้าไปที่คาเฟได้จากด้านบนเนินเขา ที่นี่มีเมนูพิเศษอย่าง “แกงบ๊วยฟุกุอิ” ซึ่งเป็นแกงที่มีรสชาติสดชื่นจากบ๊วย เคียงมากับผักตามฤดูกาลมากมาย รสชาติเปรี้ยวของบ๊วยจะค่อย ๆ ซึมซาบเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งหลังจากที่ได้ปั่นจักรยานมาสักพักใหญ่แบบนี้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง!
หลังจากแวะพักเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของทะเลสาบมิกาตะ และทะเลสาบซุยเง็ตสึต่อกันที่ Fukui Prefectural Varve Museum และ Wakasa-Mikata Museum of Jomon Period ซึ่งอยู่ติดกัน หรือจะไปเดินเล่นผ่อนคลาย ปล่อยใจไปกับความเงียบสงบริมทะเลสาบก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน!
6. อุโมงค์ต้นไม้ที่ทะเลสาบสุกะ
ถึงเวลาบอกลาทะเลสาบมิกาตะแล้วมุ่งหน้าต่อไปยัง ทะเลสาบสุกะ กันแล้ว! โดยเมื่อปั่นจักยานลอดผ่าน Mikata Goko Smart IC เราก็จะกลับเข้าสู่ถนนเส้นรองที่รถไม่เยอะอีกครั้ง
รอบ ๆ บริเวณนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าอยู่ในอุโมงค์ต้นไม้! การที่รอบ ๆ ตัว กลายเป็นสีเขียวจะทำให้เรารู้สึกได้ถึงความสดชื่นอย่าบอกใคร! อีกทั้งในระหว่างทาง หากเราหันไปมองยังทะเลสาบ ก็อาจจะได้พบกับภาพแสงอาทิตย์ที่สะท้อนผิวน้ำเป็นประกายระยิบยับ งดงามตรึงใจแบบที่ไม่ว่าใครก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องหยุดเก็บภาพนี้ไว้เป็นแน่!
อย่างไรก็ตาม ทะเลสาบสุกะ มีระยะทางโดยรอบประมาณ 4 กิโลเมตร โดยถือเป็น ทะเลสาบที่เล็กที่สุด ในบรรดาทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะ บรรยากาศโดยรอบทะเลสาบจะทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ยิ่งพอปั่นจักรยานต่อไปอีกสักพักก็จะมาถึงยัง ถนนอุเมะไคโด ที่ทิวทัศน์รอบตัวก็จะเปลี่ยนไปเป็นนาข้าวอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเลย!
เราอาจจะกล่าวได้ว่าความสนุกของการปั่นจักรยานนั้นอยู่ตรงที่เราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศ และวิวทิวทัศน์รอบตัวที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง
7. “ทะเลสาบคุกุชิ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการล่องเรือ
View this post on Instagram
จุดหมายปลายทางสุดท้ายของเราก็คือจุดแรกกับที่เริ่มเดินทาง นั้นก็คือ สถานี JR Mihama ซึ่งในตอนท้ายเราจะกลับมาผ่านที่ทะเลสาบคุกุชิกันอีกครั้ง ทะเลสาบคุกุชินั้นเป็นแนวยาวทำให้ฝั่งที่เป็นทะเลกับฝั่งพื้นดินมีทิวทัศน์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถนนตรงชายฝั่งทะเลสาบได้ทำเป็นทางเดินทางเท้าสำหรับเดินเล่น ทำให้ปั่นจักรยานได้สะดวกมาก เมื่อมองไปที่ทะเลสาบก็อาจจะจะเห็นคนพายเรืออยู่ไกล ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วทะเลสาบคุกุชินั้นยังถูกใช้เป็นสนามแข่งเรือด้วยนะ! ในช่วงเวลาเช้าตรู่และในตอนเย็นที่อากาศกำลังเย็นสบายนั้น นักเรียนในจังหวัดฟุคุอิก็มักจะมาซ้อมพายเรือกันที่ทะเลสาบคุกุชิแห่งนี้ นอกจากนี้ที่บริเวณนี้ยังมีแผ่นหินที่สลักคำว่า “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการล่องเรือ” วางอยู่ด้วย
8. จบเส้นทางโกโคอิจิที่สถานี JR Mihama
เมื่อปั่นจักรยานรอบทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิกาตะจบแล้วก็จะกลับมาถึงที่สถานี JR Mihama เส้นทางนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทางราบทำให้ง่ายต่อการปั่นจักรยาน นอกจากนี้ก็ยังมีทางเลือกที่เป็นจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยทำให้สามารถปั่นจนจบรอบได้อย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อยมากจนเกินไป ส่วนหลังจากที่ปั่นจักรยานจนครบรอบแล้ว ถ้าใครยังพอมีเวลาเหลือ ก็ขอแนะนำให้ไปสนุกกับกิจกรรมอื่น เช่น ลองลิ้มชิมอาหารทะเลอร่อย ๆ ของขึ้นชื่อของมิฮามะและวากาสะดูสิ!
ทั้งนี้ แม้ว่าเส้นทางโกโคอิจิจะไม่ไกลจากคันไซและชูเคียว สามารถมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับได้ก็ตาม แต่เราขอแนะนำให้พักค้างคืนในบริเวณแถบนี้สักคืน เพื่อจะได้เพลินเพลิดกับเส้นทางโกโคอิจิ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในบริเวณนี้กันได้อย่างเต็มอิ่ม ยังไงถ้ามีโอกาสก็อยากให้ได้มาลองเปิดประสบการณ์ที่ท้าทายกับเส้นทางปั่นจักรยานโกโคอิจินี้กันดูนะคะ!
ผู้เขียน: Hikary
สรุปเนื้อหาจาก: MIKATAGOKO