ในที่สุด Theme Port ลำดับที่ 8 ของ Tokyo DisneySea ชื่อว่า “Fantasy Springs” ก็เปิดให้บริการแล้ว! หลังจากการก่อสร้างที่ยาวนานถึงห้าปี พร้อมงบประมาณประมาณ 320 พันล้านเยน โซนใหม่แห่งนี้ถือเป็น Theme Port ที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดตัว Tokyo DisneySea และจะพาทุกคนไปสัมผัสกับโลกแห่งจินตนาการจากภาพยนตร์ดิสนีย์ที่ทุกคนหลงรัก เช่น “Frozen,” “Peter Pan,” และ “Tangled” หรือ “ราพันเซล”
Fantasy Springs ประกอบด้วย 3 โซนหลักที่ไม่เพียงแต่มีความสวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น พร้อมด้วยโรงแรมดิสนีย์ที่มีธีมเฉพาะและบริการที่ครบครัน ตั้งอยู่ในท่าเรือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดในแต่ละโซนของ Tokyo DisneySea Fantasy Springs!
1. โซน Rapunzel’s Forest
เริ่มต้นด้วย “Rapunzel’s Forest” โซนที่จำลองบรรยากาศของภาพยนตร์ “ราพันเซล” คุณจะได้พบกับหอคอยที่เจ้าหญิงราพันเซลอาศัยอยู่ ที่นี่เราสามารถได้ยินเสียงเพลงหวาน ๆ ของเธอได้จากหน้าต่างของหอคอยอย่างมีเสน่ห์
เครื่องเล่นเด่นในโซนนี้คือ “Rapunzel’s Lantern Festival” ซึ่งเป็นเครื่องเล่นแรกในสวนสนุกดิสนีย์ทั่วโลกที่พาคุณไปล่องเรือในช่วงเทศกาลโคมไฟ แสงไฟที่ส่องสว่างจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากสุดโรแมนติกของภาพยนตร์อย่างแท้จริง!
สำหรับอาหารที่ไม่ควรพลาดคือ “Snuggly Duckling” ร้านอาหารที่คุณจะได้สัมผัสเมนูอร่อย เช่น “Duckling Dream Cheeseburger” ที่มีสีเหลืองน่ารัก และของหวานอย่าง “Sweets Ever After” ไอศกรีมรสเปรี้ยวซึ่งเสิร์ฟในภาชนะที่มีเอกลักษณ์!
2. โซน Peter Pan’s NeverLand
มาถึง Peter Pan’s Neverland ซึ่งเป็นโซนที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและความสนุกสนานที่ทุกคนคุ้นเคยจากภาพยนตร์ “ปีเตอร์แพน” ทุกคนจะได้เป็นส่วนหนึ่งของแก๊ง Lost Kids ที่รักการผจญภัยและสามารถถ่ายรูปกับกัปตันฮุคได้ที่ Skull Rock!
เครื่องเล่นประจำโซนคือ “Peter Pan’s Never Land Adventure” เป็นเครื่องเล่นที่ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับการผจญภัยสู่เนเวอร์แลนด์ด้วยเสียงเพลงและภาพ 3 มิติที่น่าประทับใจ ร่วมออกผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในเนเวอร์แลนด์ร่วมกับปีเตอร์แพนและทิงเกอร์เบลล์เพื่อช่วยเหลือจอห์นจากกัปตันฮุกและเหล่าโจรสลัด เมื่อทิงเกอร์เบลล์โรยผงนางฟ้าลงบนเรือก็จะทำให้เรือลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มีฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เช่น การเผชิญหน้ากับนางเงือกและไทเกอร์ ลิลลี่ในอ่าว และการต่อสู้กับกัปตันฮุกระหว่างการเดินทาง รวมถึงฉากวิวในกรุงลอนดอนตอนท้ายก็อลังการไม่แพ้กัน!
เครื่อเล่นถัดมาคือ “Fairy Tinkerbell Busy Buggy” เป็นรถที่อยู่ใน “Pixie Hollow” หุบเขานางฟ้าแห่งเนเวอร์แลนด์ โดยทุกคนจะนั่งบนรถ Busy Buggy ที่ทิงเกอร์เบลเสกขึ้นมา ชมความสวยงามของหุบเขานางทั้งสี่ฤดูกาล
ร้านอาหารโซนนี้คือ “Lookout Cookout” ที่มีบรรยากาศย้อนวัยกับเมนู “Lost Kids Snack Box” ที่รวบรวมอาหารแสนอร่อย เช่น ไก่ไม่มีกระดูกและมันฝรั่งทอดกรอบ รวมถึง “Pixie Dust Soda” เครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกเหมือนผงนางฟ้าของทิงเกอร์เบลล์!
3. โซน Frozen Kingdom
และสุดท้ายกับ Frozen Kingdom โซนที่จำลองบรรยากาศจากภาพยนตร์ “Frozen” ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก! คุณจะได้สัมผัสความสวยงามของอาณาจักรเอเรนเดล รวมถึงปราสาทที่ส่องประกายระยิบระยับจากยอดเขา North Mountain
ไฮไลต์ของโซนนี้คือ “Anna and Elsa’s Frozen Journey” ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่จะพาคุณไปสัมผัสกับเรื่องราวอบอุ่นใจของพี่น้องแอนนาและเอลซ่า คุณจะได้ฟังเพลงฮิตจากภาพยนตร์ เช่น “Let It Go” ขณะล่องเรือในฉากสุดตระการตา
ไม่ควรพลาดที่จะไปลองอาหารที่ร้าน “Arendelle Royal Banquet” ซึ่งนำเสนอเมนูสไตล์สแกนดิเนเวียในบรรยากาศห้องโถงของปราสาท เมนูแนะนำคือ เซต “Arendelle Royal Set” เป็นอาหารสไตล์สแกนดิเนเวีย ภายใต้คอนเซ็ปต์การเฉลิมฉลองเปิดประตูแห่งอาณาจักรเอเรนเดลหลังจากปิดมานานนับสิบปี ทุกคนสามารถเพลิดเพลินกับอาหารแบบฟูลคอร์สตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อยไปจนถึงของหวาน
นอกจากนี้ยังมี “Oaken’s OK Foods” ร้าน “Oaken’s OK Foods” ซึ่งจำลองมาจากร้านวานเดอร์ริ่งโอเคนส์และซาวน่าบนภูเขา เป็นขนมปังเนื้อนุ่มปรุงสอดไส้เนื้อ ผสมแยมลินกอนเบอร์รี่และลูกกระวานของขึ้นชื่อประจำสแกนดิเนเวีย ปรุงรสด้วยเครื่องเทศสไตล์สแกนดิเนเวียน เป็นเมนูที่เหมาะสำหรับช่วงเร่งรีบ เพราะสามารถทานระหว่างเดินได้
Fantasy Springs เป็นโซนใหม่ใน Tokyo DisneySea และกำลังได้รับความนิยม ในโซนนี้ทุกคนจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ก้าวเข้าสู่โลกอีกใบ ซึ่งช่วยให้ลืมชีวิตประจำวันไปช่วงขณะและดื่มด่ำไปกับโลกแห่งความฝันอันน่าตื่นเต้น สำหรับการเข้าโซน Fantasy Springs นอกจากจะต้องมีบัตรเข้า Tokyo DisneySea แล้วก็ต้องไปออกบัตร Standby Pass ในแอพฯ ก่อนเข้าโซนด้วยนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก : cancam.jp