จะดีแค่ไหน…หากเราได้ไปเที่ยวพักผ่อนในประเทศญี่ปุ่น เปลี่ยนบรรยากาศการเที่ยวในเมืองสุดวุ่นวาย ไปสูดอากาศสดชื่นใกล้ชิดธรรมชาติ และอบอุ่นหัวใจไปกับรอยยิ้มของผู้คนในท้องถิ่นที่รอต้อนรับเราตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล
ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาทริปเที่ยวญี่ปุ่นสไตล์โลคอลนี้อยู่ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘รถไฟสายรอยยิ้ม Smile Rail’ รถไฟท้องถิ่นของจังหวัดอาคิตะที่เชื่อมโยงสถานีรถไฟไว้ถึง 29 สถานี รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ
รถไฟสายรอยยิ้ม อาคิตะ ไนริคุ
รถไฟสายอาคิตะ ไนริคุ (Akita Nairiku) หรือเรียกอีกชื่อว่า รถไฟสายรอยยิ้ม Smile Rail เป็นรถไฟท้องถิ่นเชื่อมโยงทิศเหนือและทิศใต้ของจังหวัดอาคิตะระหว่างสถานีทากาโนสุ ถึงสถานีคาคุโนดาเตะ รวม 29 สถานี เป็นระยะทางยาว 94.2 กิโลเมตร
รถไฟสายนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงต้นยุคโชวะ โดยมีจุดประสงค์ในการขนส่งเสบียงจากเหมืองแร่เขตอานิ เมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดอาคิตะ ปัจจุบันเปิดให้บริการรถไฟแบบทั่วไป รถไฟความเร็วสูง และรถด่วนขบวนโมริโยชิ ก่อนเปิดให้บริการขบวนรถไฟท่องเที่ยวสายด่วนประจำวันเสาร์-อาทิตย์ตั้งแต่ปี 2020 ในชื่อรถไฟ “อาคิตะ ซาโตยามะ เทรน เอมิ” (Akita Satoyama Train 笑EMI) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เอมิ” เพื่อมอบรอยยิ้มให้กับผู้โดยสารทุกคน เช่นเดียวกับคอนเซ็ปต์ของรถไฟสาย Smile Rail นั่นเอง
จากเหนือจรดใต้บนรถไฟสาย Smile Rail นอกจากการนั่งชมทิวทัศน์นอกหน้าต่างบนรถไฟที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลแบบไม่รู้เบื่อแล้ว เรายังได้พบกับ ‘รอยยิ้ม’ อันอบอุ่นของชาวจังหวัดอาคิตะ ที่รอต้อนรับเราตลอดการเดินทางในทุกสถานีอีกด้วย
ไฮไลต์แต่ละฤดูของรถไฟสายรอยยิ้ม Smile Rail
ไฮไลต์ในฤดูใบไม้ผลิ
View this post on Instagram
หลังหิมะละลายในช่วงกลางเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อเดินจากอาคาร คาตาคุริคัง (かたくり館) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับสถานียาสึ ไปเพียงเดิน 5 นาที เราจะได้พบกับแหล่ง ‘ดอกคาตาคุริป่า’ ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แข่งกันเบ่งบานกระจายตัวเป็นพรมสีชมพูผืนใหญ่
ดอกคาตาคุริป่าเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอยู่ใต้ต้นเกาลัดพันธุ์ไซเมียวจิ บนพื้นที่ปลูกป่าเกาลัดขนาดใหญ่ราว 125 ไร่ หรือใหญ่เทียบเท่าโตเกียวโดม 4.2 แห่งรวมกันเลยทีเดียว! นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถไฟที่วิ่งผ่านจุดชมวิวนอกหน้าต่างระดับ S Tier ซึ่งเป็นภาพของดอกคาตาคุริป่าคู่กับดอกซากุระของคาคุโนะดาเตะ (角館) ที่ขึ้นชื่อในฐานะย่านคฤหาสน์ซามูไร พร้อมเพลิดเพลินไปกับวัฒนธรรมอาหารช่วงฤดูใบไม้ผลิของชาวอาคิตะ เพราะที่นี่เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของผักพื้นบ้านสายพันธุ์ต่าง ๆ นั่นเอง
ไฮไลต์ในฤดูร้อน
この投稿をInstagramで見る
หนีอากาศร้อนในเมือง มารับอากาศเย็นสบายกับกิจกรรมเดินป่าเส้นทางธรรมชาติที่ภูเขาโมริโยชิ (森吉山) ภูเขาสูง 1,454 เมตรจากระดับน้ำทะเล ช่วงฤดูร้อนที่ภูเขาโมริโยชิจะรายล้อมไปด้วยป่าเขียวขจี อากาศสดชื่น เย็นสบาย และผ่อนคลายไปกับการชมวิวสวย ๆ บนภูเขาแบบพาโนราม่า
หรือจะแวะไปชม ‘น้ำตกยาสุโนะทากิ’ (安の滝) เป็นน้ำตก 2 ชั้นที่ติดอันดับ 1 ใน 100 น้ำตกสวยในประเทศญี่ปุ่น มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร ความสูงของน้ำตกชั้นบนสูงประมาณ 60 เมตร ชั้นล่าง 30 เมตร รวมความสูงน้ำตกเป็น 90 เมตร
ร่วมสนุกสนานครื้นเครงไปกับอีเวนต์ประจำฤดูร้อน อาทิ เทศกาลประกวดดอกไม้ไฟ และศิลปะบนนาข้าว (田んぼアート) ซึ่งเราสามารถชมศิลปะบนนาข้าวสุดตระการตาที่นอกหน้าต่างรถไฟได้ในตั้งแต่เดือนกรกฏาคมถึงต้นเดือนกันยายนเลยทีเดียว
ไฮไลต์ในฤดูใบไม้ร่วง
ถ้าพูดถึงฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องนึกถึงใบไม้เปลี่ยนสี! กิจกรรมที่เพื่อน ๆ ต้องปักหมุดและมาที่นี่ให้ได้เลยก็คือ การนั่งรถไฟชมวิวใบเมเบิ้ลเปลี่ยนบนสะพานข้ามแม่น้ำโอมาตางาวะ (大又川橋梁) ที่ตั้งอยู่ระหว่างสถานีโอกาชิไน (笑内駅) กับสถานีคายาคุสะ (萱草駅)
และมาอิ่มอร่อยไปกับรสชาติแห่งฤดูใบไม้ร่วงของจังหวัดอาคิตะ ซึ่งจะมีเห็ดมากมายหลายชนิดเกิดขึ้นตามป่าต้นบีชและต้นโอ๊กมองโกเลีย ให้เราได้ฟินไปกับเมนูเห็ด เช่น เมนูหม้อไฟนาเบะ กับเห็ดอร่อย ๆ ที่จัดเต็มแบบล้นหม้อ แถมยังดีต่อสุขภาพ
อีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในฤดูกาลนี้เลยก็คือ ทัวร์เดินกินลมชมวิวทิวทัศน์ฤดูใบไม้ร่วงกับ ‘ทีมไกด์นำเที่ยวอานิไอบูระบูระ’ (阿仁合ぶらぶらガイド) โดยเราจะได้ศึกษาอดีตของจังหวัดอาคิตะจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดนิกายต่าง ๆ ซึ่งในอดีต จังหวัดอาคิตะมีเหมืองแร่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ๆ มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมมากมาย ทำให้ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของวัดนิกายแตกต่างกันอยู่ถึง 6 แห่ง ซึ่งถือเป็นสถานที่ที่หาได้ยากในปัจจุบัน
ไฮไลต์ในฤดูหนาว
View this post on Instagram
จากสีสันโทนส้ม เหลือง น้ำตาลของฤดูใบไม้ร่วง เปลี่ยนเข้าสู่ฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวของหิมะ นอกจากทิวทัศน์ที่แปลกตาออกไปจากทุกฤดูกาลแล้ว ในฤดูนี้ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมอีกมากมาย เช่น การชมปรากฏการณ์ต้นไม้น้ำแข็ง ในบริเวณลานสกีอานิ (阿仁スキー場)
หรือจะไปแช่น้ำพุร้อนคลายหนาวกันที่สถานีรถไฟอานิมาเอะดะ (阿仁前田駅) เป็นสถานีรถไฟที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร เพราะมีบ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่บนชั้น 2 ของสถานี โดยน้ำพุร้อนของที่นี่ประกอบด้วยแร่ธาตุหลากหลาย ได้แก่ แคลเซียม โซเดียม โซเดียมคลอไรด์ ซึ่งมีส่วนช่วยเรื่องการผ่อนคลายทั้งกายและใจ ช่วยบรรเทาอาการปวดประสาท โรคต่าง ๆ ที่ผู้หญิงเป็นบ่อย ฟื้นฟูบาดแผลและอาการไฟไหม้ ฯลฯ
นี่เป็นไฮไลต์เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ! รถไฟสายรอยยิ้ม Smile Rail ยังมีที่เที่ยว Unseen และกิจกรรมสนุก ๆ แสนอบอุ่นใจกับชาวเมืองอาคิตะ คอยต้อนรับพวกเราอยู่ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาทริปเที่ยวญี่ปุ่นสไตล์โลคอลอยู่ Smile Rail เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวมือใหม่อีกด้วย!
ข้อมูลรถไฟสาย Akita Nairiku
แพ็กเกจตั๋วรถไฟสาย Akita Nairiku | One-Day Pass (สามารถใช้เดินทางได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว) แบ่งเป็น -ตั๋วโดยสารแบบทุกสถานี (ตั้งแต่สถานี Takanosu ถึงสถานี Kakunodate) ผู้ใหญ่ 2,500 เยน เด็ก 1,250 เยน -ตั๋วโดยสารแบบ A (ตั้งแต่สถานี Takanosu ถึงสถานี Matsuba) ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน -ตั๋วโดยสารแบบ B (ตั้งแต่สถานี Ani-Maeda onsen ถึงสถานี Kakunodate) ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน |
การเดินทาง | โดยสารรถไฟสาย Tohoku Shinkansen เดินทางออกจากสถานี Tokyo ถึงสถานี Kakunodate ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง |
ที่มา : akita-nairiku