อย่าว่าแต่ไปเที่ยวไหนเลย แค่กินยังต้องประหยัด ในสถานการณ์เงินเยนอ่อนค่า เงินเดือนไม่ปรับขึ้น แถมค่าครองชีพยังเพิ่มสูงจากภาวะเงินเฟ้ออีก ชาวญี่ปุ่นหรือคนไทยที่ทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นคงมีร้อน ๆ หนาว ๆ เป็นแน่ แล้วชาวญี่ปุ่นเค้ามีวิธีรับมือและแก้ไขปัญหานี้กันอย่างไรบ้างล่ะ? วันนี้เราจะพาไปดู 3 วิธีอัพเงินสไตล์ชาวญี่ปุ่นที่ช่วยให้เงินพอกพูนกันค่ะ!
1. ประหยัดค่าใช้จ่าย
ถือว่าเป็นวิธีเบสิคเลยก็ว่าได้ค่ะ การประหยัดเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและเห็นผลเร็ว เพราะในการใช้ชีวิตประจำวันของเราจะมีทั้งรายจ่ายคงที่และรายจ่ายผันแปร แน่นอนว่ารายจ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าบ้าน อาจไม่สามารถประหยัดได้ แต่เราสามารถโฟกัสรายจ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าชอปปิง ให้น้อยลงได้ โดยอาจเริ่มจากการทำอาหารกินเองให้มากขึ้น พกขวดน้ำเปล่าไปดื่มเอง ไปห้องสมุดแทนที่จะซื้อหนังสือ หรือชอปปิงเฉพาะของที่จำเป็น เป็นต้น
นอกจากนี้ การสะสมแต้ม เพื่อใช้แทนเงินสดยังช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น ดังนั้น ทุกคนควรหมั่นใส่ใจโปรโมชั่นสะสมคะแนนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสะสมแต้มของห้างหรือการสะสมแต้มบัตรเครดิต เพื่อให้เราไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในการซื้อของหรือแลกของไปนั่นเองค่ะ
2. หาเงินเพิ่ม
หากประหยัดแล้วไม่ช่วยให้เงินเพิ่มขึ้นสักเท่าไร การเปลี่ยนงานก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีค่ะ นอกจากจะช่วยเพิ่มพูนทักษะของเราให้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยอัพเงินของเราอย่างก้าวกระโดดอีกด้วย เพราะต้องยอมรับเลยว่าเรทเงินเดือนของตำแหน่งที่เราทำในบริษทอื่น อาจมากกว่าเรทที่เราทำในปัจจุบันก็ได้ ฉะนั้นอยากปิดกั้นและด้อยค่าความสามารถของตัวเองนะคะ
นอกจากนี้ การทำงานเสริม ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหารายได้เพิ่มได้ หากงานหลักที่ทำอยู่ไม่มีการทำโอที หรืองานเสริมนั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่รบกวนเวลาการทำงานหลัก โดยอาจจะเริ่มจากงานเสริมจากสิ่งที่ชอบหรือถนัด เช่น ทำของแฮนด์เมดขายในเว็บไซต์ ขายรูปถ่าย เขียนบทความหรือเขียนบล็อคลงเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์แนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ลงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น อีกทั้ง การขออัพเงินจากการสอบใบประกอบวิชาชีพ หรือขออัพเงินจากผลคะแนนสอบทางภาษา ก็ช่วยให้เราได้เพิ่มทั้งทักษะและเงินในเวลาเดียวกัน เป็นวิธีที่ง่ายและไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนงานให้ยุ่งยากเลยค่ะ
3. ลงทุน (ให้เงินทำงาน)
การลงทุนถือเป็นวิธีอัพเงินง่าย ๆ โดยไม่เสียแรงและเวลา เป็นการให้เงินทำงานให้เราในขณะที่เราทำงานอื่นหรือนอนหลับอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน เพราะจำเป็นต้องมีความรู้ และต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุน อย่างไรก็ตาม หากเรามีความรู้และประสบการณ์ที่มากเพียงพอ การลงทุนจะช่วยให้เรามีเงินพอกพูนขึ้นได้ในอนาคต แม้ในยามที่เราเกษียณ เจ็บป่วยหรือทำงานไม่ได้แล้ว ตัวอย่างการลงทุน เช่น การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ แม้กระทั่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า การซื้อประกันสะสมทรัพย์ ก็ช่วยกระจายรายได้ของเราเพื่อเก็บไว้ใช้ยามแก่เฒ่าได้ค่ะ
จะเห็นได้ว่ามีวิธีอัพเงินให้พอกพูนมากมาย ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าหักโหมมากจนเกินไป เพราะการประหยัดจนขาดสารอาหาร การทำงานเสริมจนรบกวนงานหลัก หรือการลงทุนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง อาจนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี และอาจทำให้รายจ่ายงอกมากขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะคะ
สรุปเนื้อหาจาก: okane-kenko