การเดินอย่างน้อยวันละ 25 นาที มีประโยชน์ต่อสุขภาพกายมากมาย เช่น ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคกระดูกพรุน สร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่อ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจ และช่วยชะลอความเสื่อมของสมองในผู้สูงอายุ เป็นต้น แต่ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะนอกจากจะดีต่อสุขภาพกายแล้ว การเดินก็ยังดีต่อสุขภาพจิตด้วย มารู้ประโยชน์ของการเดินต่อสุขภาพจิตจากจิตแพทย์ชาวญี่ปุ่นกันค่ะ
3 ประโยชน์ต่อสุขภาพจิตที่แค่เดินก็ได้แล้ว!
1. ช่วยบรรเทาความเครียด
การได้มองเห็นธรรมชาติรอบตัวในระหว่างการเดินหรือการเดินออกกำลังกายจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดี โดยเฉพาะการเดินผ่านพื้นที่ที่มีความเป็นธรรมชาติ เช่น สวนสาธารณะที่มีต้นไม้สีเขียวเรียงรายและมีดอกไม้สวยงาม หรือตามทางเลียบแม่น้ำ เป็นต้น ธรรมชาติจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายและจิตใจสงบขึ้น ยิ่งหากเดินในช่วงเช้าที่อากาศดีและมีผู้คนน้อยล่ะก็จะทำให้สดชื่นและผ่อนคลายความเครียดได้ดียิ่งขึ้น
2. ปรับสมดุลของนาฬิกาชีวภาพ
หากเดินในตอนเช้า แสงแดดในยามเช้าจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินออกมา การที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนชนิดนี้ออกมาในปริมาณที่เหมาะสมในช่วงเวลากลางวันจะช่วยปรับระบบนาฬิกาชีวภาพของร่างกาย ส่งผลให้นอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพในตอนกลางคืนและตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความสดชื่นแจ่มใส การสร้างนิสัยการเดินในตอนเช้าแค่เพียงวันละ 15 นาที ก็ช่วยปรับสมดุลของนาฬิกาชีวภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ช่วยเปลี่ยนอารมณ์และความคิด
นอกจากการเดินตอนเช้าจะช่วยชาร์จพลังเพื่อเริ่มต้นวันแล้ว หลังจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยและมีความเครียดสะสมจากการทำงาน การเดินกลับบ้านผ่านสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสวยงาม ร้านอาหาร ต้นไม้และดอกไม้ และสวนสาธารณะ เป็นต้น จะปิดสวิตช์ความเครียดได้ตามธรรมชาติ ช่วยจัดระเบียบความคิดในสมอง และช่วยให้สมองปลอดโปร่งผ่อนคลาย ทำให้สามารถเปลี่ยนโหมดทำงานเป็นโหมดส่วนตัวได้เมื่อเดินมาถึงบ้าน
แม้ไม่มีเวลาเดินในตอนเช้าเพราะต้องขับรถไปทำงานก็ลองหาเวลาเดินไปซื้ออาหารกลางวันหรือช่วงหยุดพักเบรก หรือเดินออกกำลังกายในเช้าวันหยุด ผู้เขียนเองก็พยายามเดินทุกวันและก็สัมผัสได้ว่าการเดินช่วยเปลี่ยนอารมณ์และทำให้เราผ่อนคลายได้จนติดใจอยากหาเวลาเดินทุกวัน หากรู้สึกว่าตนเองมีความเครียดและมีเรื่องให้คิดมากมายก็ลองสร้างนิสัยการเดินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้าตรู่เพื่อให้สุขภาพกายและใจของเราแข็งแรงกันค่ะ
สรุปเนื้อหาจาก: yogajournal