ข้าวสาร ในญี่ปุ่นมีราคาแพงมาก ในปัจจุบันข้าวสาร 5 กิโลกรัมมีราคาตั้งแต่ 2,200-3,000 เยน เมื่อหุงข้าวสุกและรับประทานไม่หมด คนญี่ปุ่นนิยมเก็บถนอมข้าวไว้โดยการแช่แข็ง อย่างไรก็ดี ข้าวที่แช่แข็งไว้หากนำมาอุ่นไม่ถูกวิธีก็ทำให้ได้ข้าวสวยที่แห้งและมีเนื้อสัมผัสแข็งบ้างนิ่มบ้าง มารู้วิธีการเก็บถนอมข้าวสวยแช่แข็งแบบถูกวิธีและวิธีการอุ่นข้าวแช่แข็งให้นุ่มอร่อยตามแบบคนญี่ปุ่นกันค่ะ
วิธีการเก็บข้าวสวยแช่แข็งแบบถูกวิธี
1. เตรียมข้าวสวยเพื่อแช่แข็งในเวลาที่เหมาะสม
การปล่อยข้าวสวยทิ้งไว้ในหม้อหุงข้าวนาน ๆ จะทำให้ความชื้นระเหยออกจากข้าว เมื่อนำข้าวที่แช่แข็งมาอุ่นใหม่จะทำให้ข้าวมีเนื้อสัมผัสแห้ง โดยเวลาที่ดีในการนำข้าวสวยออกจากหม้อเพื่อเตรียมแช่แข็งคือ หลังจากหุงข้าวสุกและถอดปลั๊กออกแล้วประมาณ 15-20 นาที โดยให้ตักข้าวใส่พลาสติกแรปที่ทนความร้อน หรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิท รอจนข้าวเย็นลงพอประมาณแล้วจึงนำเข้าแช่ช่องแข็ง
2. แบ่งข้าวสวยเป็นส่วนเล็ก ๆ
การแบ่งข้าวสวยเป็นปริมาณน้อย ๆ จะช่วยทำให้สะดวกในการนำมาละลายน้ำแข็งโดยที่คงคุณภาพของข้าวสวยไว้ได้ นอกจากนี้จะทำให้เวลาในการทำให้แข็งและละลายน้ำแข็งสั้นลง ช่วยป้องกันไม่ให้ข้าวแห้งและทำลายรสชาติของข้าว ปริมาณข้าวสวยที่เหมาะสมสำหรับการเก็บถนอมแบบแช่แข็งคือ แบ่งข้าวเป็นส่วน ส่วนละประมาณ 150 กรัม โดยอาจนำมาห่อไว้ด้วยพลาสติกแรปและใช้มือแผ่ข้าวให้แบนและมีความหนาที่สม่ำเสมอแล้วนำใส่ถุงพลาสติกสำหรับแช่แข็ง หรือใส่ไว้ในภาชนะสำหรับแช่แข็งที่มีขนาดเล็กมีฝาปิดสนิท
3 วิธีนำข้าวแช่แข็งมาอุ่นให้นุ่มอร่อย!
เพื่ออุ่นข้าวแช่แข็งให้มีรสชาติอร่อยสามารถทำได้ง่ายโดยใช้ไมโครเวฟซึ่งมีขั้นตอนดังนี้คือ
1. นำข้าวสวยที่ห่อด้วยพลาสติกแรปมาวางในภาชนะทนร้อน แล้วนำเข้าไมโครเวฟที่ 600 วัตต์เป็นเวลา 1 นาที 30 วินาที หากแช่แข็งข้าวไว้ในภาชนะขนาดเล็กก็ให้เทข้าวใส่พลาสติกแรปก่อน ห่อปิดแล้วนำเข้าไมโครเวฟ
2. นำข้าวออกจากไมโครเวฟและนำใส่ในถ้วยทนร้อน ใช้ตะเกียบคนข้าวให้ฟูเพื่อขจัดน้ำส่วนเกินให้ระเหยออกจากข้าว
3. ใช้พลาสติกแรปปิดถ้วยแบบหลวม ๆ นำเข้าไมโครเวฟที่ 600 วัตต์เป็นเวลา 40 วินาที แล้วนำออกจากไมโครเวฟ ก็จะได้ข้าวสวยอุ่น ๆ ที่นุ่มอร่อยเหมือนข้าวหุงสุกใหม่ ๆ
ข้าวอร่อยมีส่วนสำคัญในการทำให้อาหารที่รับประทานอร่อยขึ้น แทนการปล่อยทิ้งไว้ในหม้อหุงข้าวจนข้าวบูดหรือแข็งไม่อร่อยก็ลองใช้วิธีการดังกล่าวในการเก็บถนอมและอุ่นข้าวสวยดูค่ะ ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถใช้กับข้าวไทยได้เช่นกัน
สรุปเนื้อหาจาก: web.hh-online.jp