คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าสารอาหารให้กับร่างกายให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไปมาก มีอาหารมากมายที่เมื่อเปลี่ยนวิธีรับประทานแล้วเพิ่มคุณค่าสารอาหารให้แก่ร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับกล้วยที่รับประทานในช่วงการสุกที่แตกต่างกันก็มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน มารู้กันว่าแต่ละช่วงการสุกของกล้วยมีคุณค่าสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
กล้วยกับคุณค่าสารอาหารที่เปลี่ยนไปตามสีผิวเปลือก
ในญี่ปุ่นกล้วยเป็นผลไม้นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์และชิลีที่มีราคาถูกและมีให้รับประทานตลอดทั้งปี ทว่าการจะรับประทานกล้วยเพื่อให้ได้คุณค่าสารอาหารที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงการสุกนั้นมีวิธีคือดูจาก ผิวเปลือก เป็นหลัก ดังนี้
1. กล้วยกึ่งดิบเปลือกสีเขียว
กล้วยในช่วงการสุกนี้อุดมไปด้วย Resistant Starch หรือ แป้งทนย่อย ซึ่งเป็นแป้งที่ไม่ถูกย่อยด้วยเอนไซม์ในระบบย่อยอาหารและมีคุณสมบัติเทียบเท่าเส้นใยอาหาร แป้งชนิดนี้ไม่ถูกดูดซึมในลำไส้เล็กของมนุษย์ แต่จะผ่านไปยังลำไส้ใหญ่และกลายเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ใหญ่ ซึ่งส่งผลให้สุขภาพของลำไส้ใหญ่ดีและช่วยให้การขับถ่ายดี
2. กล้วยสุกช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย
กล้วยสุกรสหวานอุดมไปด้วย กรดอะมิโนทริปโตเฟน (Tryptophan) ซึ่งถูกเปลี่ยนไปเป็นฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ในร่างกาย ฮอร์โมนชนิดนี้ทำให้คนเรารู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และนอนหลับสนิทแล้ว นอกจากนี้ กล้วยสุกยังอุดมไปด้วยวิตามินบีซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเผาผลาญพลังงานของร่างกายและทำให้ผิวพรรณสวยงามด้วย
3. กล้วยสุกงอมช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
กล้วยที่สุกงอมจนมีเปลือกสีดำแม้จะมีปริมาณวิตามินซีลดลงถึง 66% แต่กล้วยในช่วงการสุกนี้อุดมไปด้วยโพลีฟีนอลและสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง โดยจากงานวิจัยพบว่ากล้วยสุกงอมจะมีผลในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายได้สูงกว่ากล้วยสุกถึง 100 เท่า นอกจากนี้ กล้วยสุกงอมยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและโพแทสเซียมซึ่งช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตและช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ด้วย
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีราคาถูกและมีรสชาติหวานอร่อยเหมาะกับการนำมารับประทานเป็นอาหารเช้าและของว่าง กล้วยสุกงอมจนมีเปลือกสีดำมีคุณค่าสารอาหารที่ดีต่อร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะนิ่มจนเละก็อย่าทิ้งไปให้เสียดายของค่ะ เอามาปั่นเป็นสมูทตี้ดื่มเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันร่างกายกันค่ะ!
สรุปเนื้อหาจาก: news.cookpad.com