พูดถึงวันแม่แล้ว หลาย ๆ คนอาจนึกถึงภาพบรรยากาศการแสดงความรักและคำขอบคุณต่อคุณแม่ผ่านของขวัญพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดแสดงความขอบคุณ ขนมที่คุณแม่ชื่นชอบ หรือการพาคุณแม่ไปพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ แต่รู้ไหมคะว่าดอกไม้ยอดนิยมที่ชาวญี่ปุ่นมอบให้กับคุณแม่คือคาร์เนชั่น!? แล้วทำไมถึงต้องเป็นดอกคาร์เนชั่นล่ะ? วันแม่ของญี่ปุ่นมีที่มาอย่างไร เรามาดูกันเลยดีกว่า!
1. วันแม่ญี่ปุ่นไม่ใช่วันเดียวกันทุกปี?
วันแม่ของไทยคือวันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี แต่ทราบหรือไม่คะว่า วันแม่ที่ญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เป็นวันเดียวกันทุกปีเหมือนของไทย! โดยจะตรงกับ วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม หรือก็คือช่วงหลังจากเทศกาลวันหยุดยาว Golden week ซึ่งในช่วงนั้น ตามร้านค้าและห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ จะเรียงรายไปด้วยของขวัญสำหรับคุณแม่ให้ได้เลือกสรรมากมายไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ขนม การ์ดหรือของใช้ต่าง ๆ
2. กิจกรรมวันแม่ญี่ปุ่นมาจากอเมริกา?
เมื่อปี 1910 ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศให้วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่ หลังจากนั้นก็แพร่ขยายไปทั่วประเทศทำให้ในปี 1914 สหรัฐอเมริกากำหนดวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแม่ในที่สุด
ที่ญี่ปุ่นเองเมื่อปี 1913 (ช่วงปลายยุคสมัยเมจิ) ก็ได้เริ่มจัดกิจกรรมวันแม่ในโบสถ์เป็นครั้งแรก หลักจากนั้นก็แพร่ขยายไปยังประชาชนทั่วไป จนกระทั่งปี 1949 ญี่ปุ่นได้กำหนดให้วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นวันแม่เช่นเดียวกับอเมริกา
3. ทำไมต้องให้ดอกคาร์เนชั่น?
ที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หญิงสาวนามหนึ่งชื่อว่า แอนนา จาร์วิช เธอเป็นลูกสาวของ แอน จาร์วิส ที่เสียชีวิตเนื่องจากอุทิศตนดูแลทหารบาดเจ็บจากสงครามกลางเมือง จากนั้นอีก 2 ปีให้หลัง เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 1907 แอนนาจัดพิธีรำลึกถึงคุณแม่ ที่โบสถ์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย โดยประดับประดาไปด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาวที่คุณแม่ชื่นชอบ การแสดงความขอบคุณของอันนาที่มีต่อคุณแม่ในวันนั้น หลงเหลือเป็นต้นกำเนิดของวันแม่ในปัจจุบันและถูกรับเข้ามาในญี่ปุ่น กระทั่งกลายเป็นกระแสหลักในสังคม
4. ควรให้ดอกคาร์เนชั่นกี่ดอกดี?
หลาย ๆ คนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศซื้อคาร์เนชั่นให้คุณแม่เหมือนญี่ปุ่นบ้างอาจจะกำลำสงสัยว่า ถ้าจะให้ควรให้กี่ดอกถึงจะเหมาะสมดี? สำหรับคาร์เนชั่นแล้ว ความหมายไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามจำนวนเหมือนกับดอกกุหลาบอย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจกันค่ะ เพราะฉะนั้นสามารถให้ได้ตามจำนวนที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นอายุของคุณแม่ เลขที่ท่านชื่นชอบ หรือให้ดอกเดียวพร้อมทั้งขนมและเขียนการ์ดข้อความน่ารัก ๆ ก็ได้ เชื่อว่าไม่ว่าแบบไหน ท่านก็ต้องดีใจแน่นอนค่ะ
5. ดอกคาร์เนชั่นต่างสี ความหมายก็ต่างนะ
สีแดง หมายถึง ความรักของแม่ ความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่แท้จริง การเชื่อมั่นในความรัก เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการมอบให้คุณแม่
สีชมพู หมายถึง คำขอบคุณ ความสง่างาม ท่าทางที่งดงาม หัวใจที่อบอุ่น เหมาะกับคุณแม่ที่ดูใจดี อ่อนหวาน
สีส้ม หมายถึง ความรักที่บริสุทธิ์ ความรักที่มีต่อคุณ ความรักที่ร้อนแรง แม้ว่าการให้คุณแม่จะหมายถึงการแสดงความรู้สึกที่ชอบคุณแม่อย่างมาก แต่ถ้าให้คู่รักอาจจะดูเหมาะสมมากกว่า
สีม่วง หมายถึง ความงดงาม ความภาคภูมิใจ เหมาะกับคุณแม่ที่ดูเข้มแข็งและสง่างาม
สีฟ้า หมายถึง ความสุขชั่วนิรันดร์ เป็นสีที่หาได้ยากมาก ถึงขั้นที่เชื่อว่าถ้าสามารถปลูกดอกคาร์เนชั่นสีฟ้าให้ออกดอกได้ก็จะได้พบกับความสุขไปตลอดชีวิต
6. สีดอกคาร์เนชั่นที่ไม่ควรมอบให้
ญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องดอกไม้ความหมายไม่ดีอยู่ค่อนข้างมากค่ะ ดอกคาร์เนชั่นเองก็มีเช่นกัน หากมีสีที่ควรมอบเป็นของขวัญเพราะความหมายดี ก็มีสีที่ไม่ควรมอบเพราะความหมายไม่ดี ดังนี้
สีขาว หมายถึง การรำลึกถึงแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว แม้ว่าจะมีอีกความหมายหนึ่งที่ว่า ความบริสุทธิ์ และ การเคารพก็ตาม แต่ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นถึงที่มาของวันแม่นั้น หากเป็นไปได้ก็ควรหลีกเลี่ยงการมอบดอกคาร์เนชั่นสีขาวในวันแม่
สีเหลือง หมายถึง การดูถูกเหยียดหยาม ความหึงหวงริษยา อาจมอบได้ในสถานการณ์อื่นเนื่องจากยังหมายถึง ความงดงาม และมิตรภาพ ได้อีกด้วย
แม้ว่าดอกคาร์เนชั่นสีแดงจะเป็นของขวัญยอดนิยมที่มอบให้คุณแม่ แต่หลายปีมานี้ ก็มีชาวญี่ปุ่นหลายคนหันมามอบดอกคาร์เนชั่นสีอื่น หรือดอกไม้ชนิดอื่นไปเลย เช่น ดอกไฮเดรนเยีย ดอกกุหลาบ ดอกทิวลิป เป็นต้น เหมือนกันค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วการแสดงความรักหรือความรู้สึกนั้นไม่ว่าให้อะไร คุณแม่ก็ต้องชื่นใจไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน!