
มีสำนวนว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” แต่กระนั้น มนุษย์ก็ยังคงโหยหาและต้องการความรักอยู่เสมอ ความรักเป็นความรู้สึกแสนลึกซึ้งในจิตใจที่ยากจะอธิบาย งั้นเราลองไปดูสำนวนญี่ปุ่นเกี่ยวกับความรักกันดีกว่า ว่าคนญี่ปุ่นจะมีวิธีการอธิบายความรู้สึกและมุมมองเกี่ยวกับความรักอย่างไรบ้าง
1. 愛してその悪を知り、憎みてその善を知る (aishite sono aku wo shiri, nikumite sono zen wo shiru)
สำนวนนี้แปลว่า เมื่อรักจงรู้ข้อเสีย เมื่อเกลียดจงรู้ข้อดี หมายถึงการที่เรารักใคร เราก็ต้องยอมรับข้อเสียของคนคนนั้นด้วย หรือหากเกลียดใคร ก็ต้องยอมรับข้อดีของคนคนนั้นเช่นกัน
คนทุกคนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การที่เรารักใครแสดงว่าเราชอบในข้อดีของคนคนนั้น แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าอีกฝ่ายก็มีด้านที่ไม่ดีเช่นกัน อีกทั้ง การที่เราเกลียดใครแสดงว่าเราเกลียดในข้อเสียของคนคนนั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายก็มีด้านที่ดีเช่นกัน ทั้งความรักและความเกลียดเป็นเพียงแค่ความรู้สึกที่เราจะตัดสินคนคนหนึ่ง แต่ก็จำเป็นต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ อย่างใจเย็นด้วย
2. 愛は小出しにせよ (ai wa kodashi niseyo)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักต้องค่อย ๆ ให้ หมายถึงการรักใครสักคน ควรจะค่อย ๆ เติมความรักให้กัน ถึงจะรักกันได้นาน
ความรักของหนุ่มสาวนั้นบางครั้งก็มีอารมณ์ที่รุนแรง ดึงดูดเข้าหากันตลอดเวลา จนบางทียิ่งฮาร์ดคอมากก็ยิ่งร้างลากันได้เร็ว แต่หากค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ค่อย ๆ เติมเต็มความรักให้กันและกัน จะทำให้คบกันได้ยืนยาวกว่า คล้ายกับวลีภาษาอังกฤษที่ว่า love me little, love me long หรือในภาษาไทยว่า รักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ
3. 愛は憎しみの始めなり (ai wa nikushimi no hajimenari)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักคือจุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง หมายถึงการที่เรารักใครสักคนก็มักจะมีความเกลียดชังอยู่ด้วยเสมอ หากมีอะไรผิดพลาดไม่ได้ดั่งใจ ความรักก็จะกลายเป็นความแค้นได้ บางครั้งก็ใช้ 愛は憎悪の始めなり (ai wa zouo no hajimenari)
เมื่อคนเรามีความรัก เราจะคาดหวังบางสิ่งจากอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว และถ้าสิ่งที่หวังไว้ไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ จากความรู้สึกรักก็จะกลายเป็นความเกลียดชังไปในที่สุด
4. 恋に師匠なし (koi ni shishou nashi)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักไม่มีคนสอน หมายถึงการตกหลุมรักใครสักคนไม่ใช่สิ่งที่จะมีใครมาสอนกันได้ แต่มันจะเป็นสิ่งที่งอกงามเองตามธรรมชาติ
เมื่อมีความรัก เราก็อยากจะอยู่กับอีกฝ่ายตลอดเวลา อยากพบเจอ อยากพูดคุย อยากบอกความรู้สึกออกไปให้รู้ เรื่องเหล่านี้ไม่มีครูสอนว่าตอนไหนต้องรู้สึกอย่างไรหรือต้องทำอะไร แต่มันจะเป็นไปเองตามธรรมชาติ
5. 恋に上下の隔てなし (koi ni jyouge no hedate nashi)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักไม่แบ่งแยกชนชั้น หมายถึงความรักไม่ถูกแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างสถานะของครอบครัว ความยากจน ความร่ำรวย แต่ขึ้นอยู่กับความรู้สึกในหัวใจของกันและกัน
ในสมัยเอโดะจะมีการแบ่งชนชั้นออกเป็น 4 อาชีพ เรียกว่า 士農工商 (しのうこうしょう : shinoukoushou) ประกอบด้วย ซามูไร ชาวนา ช่างฝีมือ และพ่อค้า สำนวนนี้จึงสื่อได้ว่าหากมีใจให้กัน แม้ว่าจะต่างสถานะหรืออายุก็สามารถรักกันได้โดยไม่แบ่งแยกชนชั้น
6. 恋の道には女が賢しい (koi no michi ni wa onna ga sakashii)
สำนวนนี้แปลว่า ผู้หญิงฉลาดในทางของความรัก หมายถึงสำหรับเรื่องความรักแล้ว ผู้หญิงมักจะทำได้ดี จัดการได้ดีกว่าผู้ชาย
เมื่อมีความรัก ผู้หญิงจะมีปฏิสัมพันธ์ที่เก่งกว่า มีเคล็ดลับในการเข้าหาอีกฝ่าย หรือถ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนรุก ก็จะพยายามหนีแบบเนียน ๆ เรียกว่ามีกลยุทธ์แพรวพราว ผู้ชายก็มักจะถูกดึงดูดและตกหลุมรักเข้าให้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หนีออกมายากแล้ว
7. 恋は思案の外 (koi wa shian no hoka)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักอยู่เหนือความคิด หมายถึงความรักเป็นสิ่งที่ทำให้คนสูญเสียเหตุผลและทำให้คิดในเรื่องที่สามัญสำนึกปกติไม่สามารถคิดได้
เมื่อคนเราตกหลุมรักก็จะมีพฤติกรรมหรือคำพูดที่ปกติไม่เคยทำ ซึ่งมันก็ตัดสินไม่ได้ซะทีเดียวว่าดีหรือไม่ดี มักจะพบเจอได้ง่ายในความรักของวัยรุ่นที่อาจจะมีวิธีคิดหรือการกระทำแปลก ๆ ในช่วงที่มีความรัก
8. 恋は仕勝ち (koi wa shigachi)
สำนวนนี้แปลว่า ความรักได้ก่อนจึงชนะ หมายถึงความรักที่ต้องแย่งชิงกับคนอื่น จะสำเร็จได้ด้วยความจริงจังกระตือรือร้นจากตัวเอง
ความรักเหมือนกับการต่อสู้ จะชนะได้ก็ต้องบอกความรู้สึกออกไปด้วยตัวเอง อย่ามัวแต่ไปนึกถึงความรู้สึกหรือสถานการณ์ของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเดียว หรือเกรงใจคู่แข่ง ถ้าต้องการจะทำอะไรก็ควรรีบทำให้สำเร็จลุล่วง อยากบอกรักก็ต้องรีบบอก ขอเพียงแค่แย่งชิงให้ได้มาก็ถือว่าชนะ
สรุปเนื้อหาจาก kotowaza