ส่วนขอบสีน้ำตาลของขนมปังเป็นส่วนที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่าขอบขนมปังในภาษาญี่ปุ่นมีชื่อเรียกที่น่ารักมาก นั่นคือ pan no mimi (パンの耳) แปลว่า หูขนมปัง อันที่จริงก็มีชื่อเรียกที่ถูกต้องคือ gaisou (外皮, 外相) แต่เรียกว่าหูแล้วฟังดูน่ารักกว่าเยอะเลยว่าไหมคะ แล้วทำไมคนญี่ปุ่นถึงเรียกขอบขนมปังว่าหูขนมปัง ? เกี่ยวอะไรกับหูของคนหรือเปล่า ? เราไปหาคำตอบกันค่ะ
ทำไมคนญี่ปุ่นเรียกขอบขนมปังว่า “หูขนมปัง” ?
ว่ากันว่าตั้งแต่ในอดีตคนญี่ปุ่นจะเรียกสิ่งที่อยู่ตรงขอบของวัตถุว่า “หู” ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นคือ mimi (耳) เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณขอบของใบหน้าคนเรา คำว่าหูจึงมีความหมายแฝงถึงส่วนที่เป็นขอบของวัตถุนั้น ๆ แม้กระทั่งขนมปัง ก็เรียกส่วนขอบสีน้ำตาลว่าหูเช่นกัน แต่นอกจากขนมปังแล้วยังมีการใช้คำว่าหูในสิ่งอื่น ๆ อย่างเช่น
senbei no mimi (せんべいの耳 : หูของเซมเบ้) หมายถึงส่วนขอบที่กรอบ ๆ ของขนมเซมเบ้ kiji no mimi (生地の耳 : หูของผ้า) หมายถึงริมขอบผ้าที่เย็บกันด้ายรุ่ย
ขอบขนมปังในภาษาอังกฤษ
ในภาษาอังกฤษ ส่วนขอบขนมปังจะเรียกว่า crust นอกจากนี้ในภาษาอังกฤษยังมีคำว่า heel of bread หรือส้นเท้าของขนมปังอีกด้วย ใช้หมายถึงขนมปังแผ่นปิดหัวปิดท้ายที่ผู้คนไม่ค่อยทานกัน และส่วนที่เป็นเนื้อขนมปังสีขาว ภาษาอังกฤษเรียกว่า crumb ในภาษาญี่ปุ่นก็มีชื่อเรียกเช่นกันว่า naisou (内相, 内層)
ขอบขนมปังในภาษาฝรั่งเศสและภาษาจีน
นอกจากภาษาญี่ปุ่นกับภาษาอังกฤษที่มีคำเกี่ยวกับร่างกายในการเรียกขนมปังแล้ว ภาษาฝรั่งเศสกับภาษาจีนก็มีเช่นกัน โดยคำว่าขอบขนมปังในภาษาฝรั่งเศสจะเรียกว่า croûte de pain ส่วนในภาษาจีนจะเรียกว่า miànbāopí (面包皮) ซึ่งทั้ง 2 คำนี้แปลตรงตัวได้ว่าเปลือกหรือผิวขนมปังนั่นเอง
นอกจากหูแล้วยังมี “ตา” อีกด้วย!
เพื่อน ๆ รู้ไหมคะว่าในภาษาญี่ปุ่นนอกจากขนมปังจะมีหูแล้วยังมีตาอีกด้วยนะ เรียกว่า shokupan no me (食パンの目) หรือตาขนมปัง ซึ่งก็คือรูหรือโพรงของฟองอากาศบนเนื้อขนมปังนั่นเอง เดิมทีในเนื้อแป้งขนมปังจะมีฟองอากาศเล็ก ๆ อยู่ข้างในซึ่งมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมอยู่ เมื่อโดนความร้อนเข้าไป ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะขยายตัว ขนมปังก็จะพองฟูมีขนาดใหญ่ขึ้น ขนมปังที่อบในแม่พิมพ์ แป้งก็จะขยายขึ้นไปด้านบนตามธรรมชาติ ดังนั้นหากตาหรือฟองอากาศในเนื้อแป้งยืดขยายในแนวตั้ง แสดงว่าขนมปังนั้นสุกและผ่านการนวดแป้งมาอย่างดี จะได้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่ม เป็นขนมปังที่ได้คุณภาพ
น่าสนใจมากเลยนะคะที่ในแต่ละภาษาก็มีวิธีการเรียกขอบขนมปังแตกต่างกันไป ยิ่งในภาษาญี่ปุ่นที่เรียกว่าหูก็ยิ่งฟังดูน่ารักน่าทานขึ้นมาทันที มีใครชอบทานขอบขนมปังบ้างไหมเอ่ยย
สรุปเนื้อหาจาก camelia