ใครที่เป็นแฟนคลับร้านขนมหรือร้านเบเกอรี่เค้กญี่ปุ่น ก็คงจะพูดได้เลยว่าจะต้องเคยสะดุดตาหรือเห็นผ่านตากับเจ้าขนมเค้กที่ชื่อว่า “เค้กมองบลังค์ (Mont Blanc Cake)” กันใช่ไหมคะ? นอกจากรูปร่างหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ชวนให้อยากซื้อกินแล้ว ถ้าใครได้มีโอกาสลองทานเจ้าเค้กมองบลังค์นี้ดูก็คงจะพูดกันเป็นเสียงเดียวกันได้เลยว่ารสชาติอร่อยถูกใจแน่นอนค่ะ แต่รู้กันไหมคะว่าเจ้าเค้กมองบลังค์นี้ มีต้นกำเนิดและมีประวัติความเป็นมาอย่างไรในญี่ปุ่น วันนี้เราจะมาเล่าถึงประวัติพร้อมทั้งทำความรู้จักเจ้าขนมเค้กนี้ไปพร้อม ๆ กันค่ะ
มองบลังค์ (Mont Blanc) คือ ชื่อของภูเขา?
แต่เดิมมองบลังค์ คือ ชื่อของยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาแอลป์ซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่ กั้นพรมแดนระหว่างฝรั่งเศสกับอิตาลีค่ะ โดย Mont Blanc แปลตรงตัวได้ว่า “ภูเขาสีขาว” ซึ่งแต่เดิมในจังหวัดซาวัว (Savoie) ที่ตั้งอยู่ในแคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ของฝรั่งเศส กับ แคว้นปีเยมอนเต (Piemonte) ของอิตาลี ถือว่าเป็นบริเวณที่สามารถทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตเม็ดเกาลัดได้เป็นอย่างดี โดยเกาลัดที่เก็บเกี่ยวได้นั้นนอกจากที่จะนำมาทำเป็นอาหารแล้ว ยังนิยมนำมาทำเป็นขนมพื้นเมืองซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของเค้กมองบลังค์ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ชื่อของเค้กมองบลังค์เกิดจากการนำเอาชื่อของยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์นี้มาตั้งค่ะ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า เมื่อนำเอา“มารงกลาเซ (Marron Glace)” หรือขนมเกาลัดเชื่อม มาปั่นให้ละเอียดจนกลายเป็นเนื้อครีม แล้วนำมาโปะบนฐานเค้กที่ทำเอาไว้ ตัวครีมจะมีลักษณะคล้ายเหมือนกับยอดเขามองบลังค์ที่มักจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะอยู่ตลอดเวลา
*เกร็ดความรู้*
ยอดเขามองบลังค์เมื่อมองจากทางฝั่งฝรั่งเศสกับฝั่งอิตาลีแล้วจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน จึงทำให้ลักษณะรูปร่างของขนมเค้กมองบลังค์สองประเทศนี้มีความแตกต่างกันไปด้วย โดยเมื่อมองจากทางฝั่งฝรั่งเศส ยอดเขามองบลังค์จะมีลักษณะกลมมน ทำให้เค้กมองบลังค์ที่ได้ก็มีลักษณะยอดกลมมนเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามเมื่อมองจากทางฝั่งอิตาลี ยอดเขามองบลังค์จะมีความโค้งปลายแหลม ทำให้เค้กมองบลังค์ที่ได้มีรูปร่างยอดปลายแหลมเพรียวเป็นเสียส่วนใหญ่ค่ะ
ส่วนการตกแต่งรูปทรงเค้กมองบลังค์ยอดกลมมน ให้มีครีมเกาลัดเส้น ๆ น่ากิน ซ้อนวนคดไปมา แบบที่เราคุ้นตาและรู้จักกันเป็นอย่างดีในปัจจุบันนั้นเป็นไอเดียมาจากร้านเค้กที่จำหน่ายขายเค้กมองบลังค์ที่ชื่อว่า “ร้าน Angelina” ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศสค่ะ
จากเค้กมองบลังค์ฝรั่งเศสและอิตาลี สู่เค้กมองบลังค์สไตล์ญี่ปุ่น!
สำหรับญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1933 ร้านเค้กร้านแรกที่ได้ริเริ่มทำเค้กมองบลังค์ออกมาวางจำหน่ายคือ “ร้าน Mont-Blanc (モンブラン)” ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟจิยูงะโอกะ (Jiyugaoka) ในย่านจิยูงะโอกะ กรุงโตเกียว โดยเชฟหรือผู้ก่อตั้งร้าน นายจิมะโอะ ซะโกะตะ (迫田千万億) ในตอนที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมือง Chamonix Mont-Blanc ของฝรั่งเศส ก็ได้พบกับเจ้าเค้กมองบลังค์เข้า จนเกิดเป็นความประทับใจในรสชาติรวมไปถึงรูปร่างลักษณะ
ต่อมาเขาก็ได้ทำการขอซื้อสิทธิ์ในการทำและจำหน่ายและกลับมาเปิดร้านขายที่ญี่ปุ่นค่ะ โดยเล่าว่าเชฟซะโกะตะนั้นมีความรู้สึกประทับใจในทัศนียภาพของยอดเขามองบลังค์อยู่ไม่รู้ลืม ถึงขนาดนำเอาชื่อของยอดเขานี้มาตั้งเป็นชื่อร้านของตนเลยทีเดียว (แต่เดิมร้าน Mont-Blanc ตั้งอยู่ที่สถานีฮิมงยะ (Himonya) ในกรุงโตเกียวหรือปัจจุบันคือสถานีกักคุเกไดกาคุ (Gakugei Daikaku) ก่อนที่จะย้ายร้านมาตั้งในย่านจิยูงะโอกะเมื่อปีค.ศ. 1945 ค่ะ)
ในการนำเค้กมองบลังค์เข้ามาทำและวางจำหน่ายในญี่ปุ่น เชฟซะโกะตะได้เปลี่ยนแปลงประยุกต์สูตรขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เค้กมีความถูกปากชาวญี่ปุ่นมากขึ้นอีกด้วย โดยจากเดิมที่ในส่วนของฐานเค้กนั้นจะนิยมทำมาจากเมอแรงค์ตามแบบต้นตำรับฝรั่งเศส แต่เชฟซะโกะตะก็ได้ทำการเปลี่ยนมาใช้เค้กไข่ญี่ปุ่นหรือเค้กคาสเทลล่า (カステラ) เป็นฐานแทน
และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เปลี่ยนจากครีมเกาลัดสีน้ำตาลเข้มแบบฝั่งยุโรป มาใช้เกาลัดดองหวาน (甘露煮) แบบญี่ปุ่นซึ่งชาวญี่ปุ่นคุ้นเคยและรู้จักกันเป็นอย่างดีแทน จึงทำให้เค้กมองบลังค์ที่ได้ออกมามีครีมเป็นสีเหลืองสวย ซึ่งเป็นสไตล์เฉพาะตัวในแบบของทางร้านเลยค่ะ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเซฟซะโกะตะจะเป็นผู้คิดค้นเค้กมองบลังค์สไตส์ญี่ปุ่นขึ้นเป็นคนแรก แต่ทว่าเขากลับไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้าของเค้กมองบลังค์ที่อุตส่าห์ประยุกต์คิดค้นขึ้นมาใหม่นี้เอาไว้ จึงทำให้มีร้านเค้กอื่น ๆ นำสูตรและไอเดียดังกล่าวไปผลิตและออกวางจำหน่ายขายตามกันในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าเค้กมองบลังค์นี้ได้รับความนิยมและรู้จักกันไปอย่างแพร่หลายทั่วประเทศญี่ปุ่นมนเวลาต่อมา
ท่ามกลางการแข่งขันของร้านเค้กอื่น ๆ ที่นิยมเปิดสาขาเพิ่มเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมหรือความต้องการของลูกค้า ทว่าร้าน Mont-Blanc ของเชฟซะโกะตะ กลับดำเนินร้านไปในเส้นทางไม่เหมือนใคร คือ “ร้าน Mont-Blanc ของเขาจะมีเพียงสาขาเดียวเท่านั้น!!” เนื่องจากเขามีความคิดที่ว่า “ถ้าต้องการที่จะสร้างความเชื่อใจกับลูกค้าให้มีเกิดขึ้นยืนยาว จะต้องไม่มีการเปิดสาขาร้านเพิ่มเป็นอันขนาด“
*หมายเหตุ*
ปัจจุบันร้าน Mont-Blanc ได้ปิดตัวลงไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2022 ที่ผ่านมา และย้ายร้านมาเปิดเป็นร้านชั่วคราวแทนค่ะ ซึ่งร้านชั่วคราวใหม่นี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร้านเดิมมากนัก ใช้เดินจากร้านเดิมประมาณ 5 นาทีเท่านั้นค่ะ ในส่วนของเหตุผลที่ร้านต้องปิดตัวลงเนื่องจากมีโครงการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่อาคารบริเวณหน้าสถานีรถไฟจิยูงะโอกะ ทางผู้เขียนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าร้าน Mont-Blanc แรกของญี่ปุ่นร้านนี้จะกลับมาตั้งเปิดกิจการในอาคารตึกที่สร้างเสร็จใหม่เร็ว ๆ นี้นะคะ
เค้กมองบลังค์ได้มีการพัฒนารูปแบบยิ่งขึ้น!
ในปัจจุบันร้านเค้กมองบลังค์หลายแห่งในญี่ปุ่นได้ทำการพลิกแพลง สร้างเค้กมองบลังค์แบบสไตส์ญี่ปุ่นใหม่ ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มีการผสมผงชาเขียวหรือมันม่วงญี่ปุ่นลงไปในครีมที่ใช้สำหรับโปะหน้าเค้ก ทำให้ได้ครีมโปะหน้าเค้กสีสันสดใสหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
เค้กมองบลังค์แม้ว่าจะเป็นเค้กที่มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศไกลถึงยุโรป แต่ก็ได้ถูกนำเข้ามาปรับเปลี่ยนพลิกแพลงให้เกิดเป็นเค้กมองบลังค์แบบมีความเป็นออริจินัล สไตส์ญี่ปุ่นขึ้น โดยนอกเหนือไปจากที่จะมีรูปทรงสะดุดแปลกตาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเเล้ว ยังมีรสชาติที่อร่อยถูกปาก ถูกอกถูกใจใครต่อใครกันไปทั่ว แล้วผู้อ่านทุกท่านละคะ ชอบทานเค้กมองบลังค์แบบไหนกันคะ แบบฝรั่งเศส? แบบอิตาลี? หรือแบบญี่ปุ่นคะ?
สรุปเนื้อหาจาก : mag.japaaan.com
เรียบเรียงโดย : XROSSX