เครปญี่ปุ่นใส่ไอศกรีม ครีมสด และผลไม้นานาชนิด น่าจะเป็นของหวานเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน เดินเล่นช็อปปิ้งพร้อมถือเครปน่ารัก ๆ ในมือมันช่างเก๋กู้ด แต่กว่าจะของหวานชนิดนี้จะฮิตจนกลายเป็น “วัฒนธรรมเครป” ในญี่ปุ่น จะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไปย้อนรอยประวัติของหวานแสนอร่อยนี้กันเลย~
ต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส
ก่อนอื่นเรามาย้อนรอยจุดกำเนิดของเครปที่หลายคนชื่นชอบกันก่อน เครปญี่ปุ่นเป็นที่นิยมและชื่นชอบอย่างมากจนบางคนอาจจะคิดว่ามีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้ว เครปมีต้นกำเนิดใน แคว้นบริตตานี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เมนูดั้งเดิมก็คือ Galette มีลักษณะเป็นแพนเค้กบาง ๆ ทำจากแป้งบัควีท เนื่องจากเดิมทีบริตตานีมีสภาพดินไม่ดีนักรวมถึงสภาพอากาศค่อนข้างเย็นทำให้ปลูกข้าวสาลีได้ยาก ผู้คนจึงทานบัควีทเป็นอาหารหลัก ในสมัยก่อนนิยมทานเป็นโจ๊กบัควีท แต่เมื่อมีการเทโจ๊กบัควีทลงบนหินร้อน ตัวโจ๊กจึงกลายเป็นแผ่นคล้ายแป้งบาง ๆ กลายเป็นอาหารที่ชื่อว่า Galette ซึ่งผู้คนจะทานเป็นของคาว มีการสันนิษฐานว่าชื่อ Galette ตั้งมาจากคำว่า Galet ในภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า ก้อนกรวด เนื่องจากเป็นเมนูที่ถูกอบบนหินร้อน
แต่เรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา เมื่อเจ้าหญิงอานน์ ลูกสาวคนโตของพระเจ้าเฟลิเปที่ 3 แห่งสเปนและเป็นพระมเหสีในพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส เสด็จไปล่าสัตว์กับพระสวามีที่แคว้นบริตตานี เธอได้ทาน Galette และชื่นชอบอย่างมาก จากอาหารธรรมดาของชาวบ้านก็ได้กลายเป็น 1 ในอาหารของราชสำนัก
ต่อมา แป้งสำหรับทำ Galette ได้เปลี่ยนจากแป้งบัควีทเป็นแป้งสาลี ผสมน้ำกับเกลือ เมื่อได้ตัวแป้งแล้วก็เติมนม เนย ไข่ และน้ำตาลลงไป และได้ตั้งชื่ออาหารชนิดนี้ว่า Crispus ซึ่งในภาษาละตินแปลว่าผมหยิก เพราะลักษณะหลังจากอบแล้วจะดูย่นเป็นลอนชวนให้นึกถึงผมหยิก และนี่ก็คือจุดกำเนิดของเครปแสนอร่อย
2 ร้านเครปในตำนานของญี่ปุ่น
Galette หรือ Crispus เป็นที่รู้จักในฝรั่งเศสมาช้านาน แต่อาหารชนิดนี้เพิ่งมีจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้เอง ในปี 1976 มีการเปิดร้านเครปเป็นแห่งแรกในญี่ปุ่น ชื่อว่า Marion Crepe และได้วางรากฐานของ “วัฒนธรรมเครป” ให้ชาวญี่ปุ่นได้รู้จัก รวมไปถึงวิธีการทานโดยการ “ห่อเครปด้วยกระดาษและสามารถเดินทานได้ง่าย ๆ” จนกลายมาเป็นสไตล์การทานเครปที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้
ในปี 1977 Marion Crepe ได้เปิดสาขา ถนนทาเคชิตะในฮาราจูกุ ทำให้เกิดเทรนด์การช็อปปิ้งในฮาราจูกุพร้อมกับถือเครปในมือจนกลายเป็นกระแสนิยมในหมู่วัยรุ่นคนหนุ่มสาว และเป็นที่ฮอตฮิตอย่างมากในฐานะขนมตะวันตก
อีกร้านที่ถือเป็นตำนานของวัฒนธรรมเครปในญี่ปุ่นก็คือร้าน Blueberry House ซึ่งเปิดที่ถนนทาเคชิตะในปี 1977 เช่นกัน แต่ต่อมาในปี 1979 ร้าน Blueberry House ได้ใส่ไอศกรีมลงไปในเครป ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก จากนั้นจึงเริ่มเพิ่มส่วนผสมที่หลากหลายลงไปทั้งครีมสดและผลไม้ จนกลายเป็นเครปสไตล์ญี่ปุ่นอย่างในปัจจุบัน
สร้างสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์
จากความเป็นมาที่กล่าวมา อาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมเครปของญี่ปุ่นถือกำเนิดขึ้นที่ถนนทาเคชิตะ โดยร้านเครปที่เป็นกระแสในเวลานั้นคือ Marion Crepe และ Blueberry House อย่างไรก็ตาม เครปใส่ไอศกรีมที่ร้าน Blueberry House ทำขึ้นมาเป็นเจ้าแรกในญี่ปุ่นนั้น ในช่วงแรกก็ถูกมองว่าเป็นของแปลกเพราะเป็นการนำของร้อนกับของเย็นมาทานรวมกัน แต่เมื่อยิ่งเพิ่มความหลากหลายลงไปทั้งผลไม้และครีมสด ไอศกรีมก็กลายเป็นเพียงหนึ่งในท็อปปิ้งทั่วไปสำหรับเครป
ทุกวันนี้เครปญี่ปุ่นถูกจัดว่าเป็นของหวานที่มีท็อปปิ้งมากมายหลายแบบจนเลือกไม่ถูก กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า Japanese Crepe แต่ในทางกลับกัน ในฝรั่งเศสเองที่ถือเป็นบ้านเกิดของเครป จะมีท็อปปิ้งที่ค่อนข้างธรรมดา เช่น น้ำตาล เนย ซอสช็อกโกแลต
บางมุมอาจจะมองว่าเป็นการทำให้อาหารชนิดนั้นผิดแปลกไปจากต้นฉบับ แต่มองในอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นมาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเผยแพร่วัฒนธรรมไปสู่ต่างแดน จนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก
สรุปเนื้อหาจาก mag.japaaan