หลังจากที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศในสมัยเมจิ เพื่อให้ประเทศสามารถพัฒนาทัดเทียมกับชาติตะวันตกได้ทัน รัฐบาลญี่ปุ่นจึงทำการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศในเรื่องต่างๆ มากมาย อาทิเช่น การเริ่มก่อสร้างถนน รางรถไฟ ระบบไฟฟ้า อาคารสิ่งปลูกสร้าง อาหารการกิน รวมไปถึงในเรื่องของแฟชั่นเครื่องแต่งกายอีกด้วย โดยผู้ชายหันมาแต่งตัวด้วยการสวมใส่เสื้อและกางเกง ส่วนผู้หญิงก็หันมาสวมใส่ชุดกระโปรงกันเพิ่มมากขึ้น
กระแส “ผมสั้น” ในสมัยเมจิ
ในการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกข้อกำหนดต่างๆ ให้ประชาชนปฏิบัติตามอย่างมากมาย 1 ในเรื่องที่เห็นกันได้ชัดคือ “ข้อกำหนดในการตัดผมสั้นของผู้ชาย” ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1871 เนื่องจากต้องการให้เหล่าซามูไรยกเลิกการไว้ผมทรงจุกกลางศรีษะ หรือที่เรียกกันว่า ”จนมาเกะ” เพื่อให้ดูทันสมัยเข้ากับยุคที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ
จนมาเกะ คือ ทรงผมซามูไรที่มีลักษณะโกนผมเกลี้ยงด้านหน้า ส่วนผมด้านหลังที่เหลือจะถูกมัดม้วนขึ้นเป็นจุกไว้ตรงกลางศรีษะและมีปลายผมหันชี้มาทางด้านหน้า กล่าวว่าซามูไรให้ความสำคัญกับทรงผมนี้เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นการแสดงออกถึงสถานภาพทางสังคม อีกทั้งยังมีประโยชน์ตอนสวมหมวกเกราะเวลารบ เพราะหมวกเกราะเหล็กเวลาใส่ไปนานๆ จะเกิดการร้อนอบอ้าว ทรงจงมาเกะที่โกนผมทิ้งจึงสบายต่อการสวมใส่
ต่อมาทรงผมจนมาเกะก็ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชายทั่วไปอีกด้วย แต่จะมีรูปแบบทรงผมที่ต่างกันออกไปตามอาชีพและสถานภาพทางสังคม ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้เปิดเผยภาพของจักรพรรดิเมจิที่ทรงตัดผมสั้น การตัดผมสั้นก็ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และไม่ใช่เฉพาะในหมู่ผู้ชายเท่านั้น ผู้หญิงก็นิยมหันมาตัดผมสั้นเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จนทำให้ในปี ค.ศ. 1872 รัฐบาลญี่ปุ่นถึงกับต้องกำหนดให้มี “วันห้ามตัด”ในผู้หญิงขึ้น
ทรงผมผู้หญิงญี่ปุ่นยุคเมจิ
ผู้หญิงต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลที่ว่า “ถ้าผู้หญิงจะตัดผมต้องทำหนังสือแจ้งให้ทางรัฐบาลทราบและได้รับอนุญาตเสียก่อนถึงจะทำการตัดผมได้” ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็มีบทลงโทษ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็สืบเนื่องมาจากค่านิยมความคิดของคนในสมัยนั้นที่ว่า ผู้หญิงควรที่จะต้องไว้ผมยาว ยิ่งไปกว่านั้นทรงผมของผู้หญิงจะทำให้สามารถรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ มีชาติตระกูลภูมิลำเนาเป็นอย่างไร ยังโสดหรือว่าแต่งงานแล้ว ซึ่งการตัดผมสั้นเป็นการทำให้ผู้หญิงสูญเสียเสน่ห์และความงามในตัวไป
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงหันมานิยมตัดผมสั้นกันมากขึ้นก็เนื่องมาจากปัญหาการดูแลผมยาวนั้นมีความยุ่งยากน่ารำคาญ เพราะการบำรุงรักษาผมให้คงความดำสวยงามนั้น ทุกๆ 5 วันจะต้องชโลมผมด้วยน้ำมันบำรุงเส้นผม และการสระผมก็ทำได้เพียงเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น พฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะอนามัยเช่นนี้ ผู้หญิงหลายคนจึงมองว่าเป็นการทำลายเส้นผมเสียมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นการรวบเก็บผมขึ้นก็เป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดเพราะต้องใช้เวลาเป็นอย่างมาก
ไม่น่าเชื่อกันเลยนะคะว่าในอดีตแค่เวลาจะตัดผม จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากขนาดนี้ ค่านิยมความสวยความงามได้ทำให้เกิดข้อกำหนดต่างๆ ที่เข้มงวดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันข้อกำหนดพวกนี้ก็ได้ปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผู้หญิงและผู้ชายมีอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจทำอะไร ซึ่งทำให้เห็นว่าสังคมเกิดความเท่าเทียมกันซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว
เรียบเรียงโดย XROSSX
ที่มา mag.japaaan nansuka.jp