ตามความเชื่อในลัทธิชินโตซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของญี่ปุ่น ทุกหนแห่งล้วนมีเทพเจ้าจำนวนมากมายคอยปกปักรักษา ในบรรดาเทพเจ้าของญี่ปุ่นแต่ละองค์ก็มีตำนานและเรื่องเล่าที่น่าสนใจมากมายที่ถ้าจะเล่าให้ครบทุกองค์ก็ไม่รู้ว่ากี่วันถึงจะหมด วันนี้เราจึงจะมานำเสนอการจัดอันดับความนิยมของเทพเจ้าญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากที่สุด พร้อมความเป็นมาและเรื่องเล่าของแต่ละองค์ ใครชอบตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าญี่ปุ่น บอกเลยค่ะว่าจัดเต็ม ไปดูกัน!
อันดับ 1 สุริยเทพี Amaterasu Oomikami
ในบันทึกโคจิกิจะเขียนว่า 天照大御神 ส่วนในพงศาวดารนิฮงโชกิจะเขียนว่า 天照大神 เป็นที่รู้จักในฐานะของสุริยเทพีหรือเทพีแห่งดวงอาทิตย์และเป็นเทพีผู้พิทักษ์ของชาวญี่ปุ่น กำเนิดจากตาซ้ายของเทพอิซานางิ ตามตำนานของญี่ปุ่น เทพีอามาเทราสุเป็นผู้นำสูงสุดของทาคามะกาฮาระหรือดินแดนสวรรค์ที่เหล่าเทพเจ้าอาศัยอยู่ เรียกได้ว่าเป็นเทพีองค์สำคัญที่สุดในลัทธิชินโต นอกจากนี้ยังถือเป็นเทพีบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่นโดยมีความเชื่อกันว่าราชวงศ์สืบเชื้อสายมาจากเทพีอามาเทราสุ ปัจจุบันได้รับการสักการะบูชาที่ศาลเจ้าอิเสะจิงกุ ศาลเจ้าชื่อดังที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในญี่ปุ่น
ตำนานที่เกี่ยวกับเทพีอามาเทราสุมีมากมาย แต่เรื่องราวที่ถูกเล่าขานกันมากที่สุดคือเทพีอามาเทราสุมีปัญหาขัดแย้งกับเทพซูซาโนโอะผู้เป็นน้องชายที่มีนิสัยใจร้อน หุนหันพลันแล่น เทพีอามาเทราสุจึงหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอามาโนะอิวาโตะ เมื่อเทพีแห่งดวงอาทิตย์ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่ไม่มีใครเปิดได้ ทั่วทั้งโลกจึงไร้แสงแดดและพบกับความมืดมิด ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงมากมายทั้งต้นไม้ไม่เติบโตและเกิดโรคภัยไข้เจ็บ เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ร่วมกันปรึกษาหารือและคิดอุบายโดยการจัดงานรื่นเริงเพื่อล่อให้เทพีอามาเทราสุออกมาจากถ้ำ โลกจึงก็กลับมาสว่างสดใสดังเดิม (อ่านเรื่องราวของสถานที่จริงตามตำนานนี้ได้ที่บทความ: ศาลเจ้าโทกาคุชิ พาวเวอร์สปอตสุดขลัง ในจังหวัดนากาโนะ)
อันดับ 2 Yamato Takeru no Mikoto กับตำนานดาบคุซานางิ
ในบันทึกโคจิกิจะเขียนว่า 倭建命 ส่วนในพงศาวดารนิฮงโชกิจะเขียนว่า 日本武尊 เจ้าชายยามาโตะทาเครุเป็นวีรบุรุษในตำนานของญี่ปุ่น ประสูติในฐานะโอรสของจักรพรรดิเคโค (จักรพรรดิองค์ที่ 12) มีพระนามเดิมว่าเจ้าชายโอสุ ทรงนำกำลังไปปราบอาณาจักรอิสุโมะ สังหารผู้นำเผ่าคุมาโซ และทำศึกกับเผ่าเอมิชิ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ได้รับการบูชาในฐานะเทพ
เรื่องราวที่ทำให้เจ้าชายโด่งดังคือก่อนไปทำศึกกับเผ่าเอมิชิ เจ้าชายได้ไปพบท่านป้าที่เป็นนักบวชหญิง ท่านป้าจึงได้ให้ยืมดาบวิเศษมา เมื่อเจ้าชายเดินทางมาถึงแผ่นดินฝั่งตะวันออกก็ถูกพวกพันธมิตรของเผ่าเอมิชิหลอกให้มาที่ทุ่งหญ้าและจุดไฟเผา เจ้าชายใช้ดาบวิเศษฟันเป็นวงรอบ ตัดต้นหญ้าต้นไม้ในทุ่งจนราบเป็นหน้ากลองทำให้ไฟดับลง ดาบนั้นจึงได้ชื่อว่าดาบตัดหญ้าหรือ ดาบคุซานางิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ของจักรพรรดิญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความกล้าหาญของจักรพรรดิ ปัจจุบันดาบถูกเก็บรักษาไว้ที่ศาลเจ้าอัตสึนะ ศาลเจ้าเก่าแก่อันดับสองของญี่ปุ่น
อันดับ 3 Izanagi หรือ Izanaki เทพผู้ให้กำเนิดเกาะญี่ปุ่น
ในบันทึกโคจิกิจะเขียนว่า 伊邪那岐神 ส่วนในพงศาวดารนิฮงโชกิจะเขียนว่า 伊弉諾神 เป็นทั้งพี่ชายและสามีของเทพีอิซานามิ เป็นที่รู้จักในฐานะของเทพผู้สร้างแผ่นดินญี่ปุ่น โดยตามตำนานของญี่ปุ่นนั้น สวรรค์และโลกมนุษย์รวมกันเป็นหนึ่ง ท้องทะเลเต็มไปด้วยโคลน ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ เทพอิซานางิใช้หอกของตนจุ่มลงในทะเลโคลนแล้วกวนวนไปมา เมื่อดึงหอกขึ้น โคลนที่ติดอยู่ปลายหอกก็หยดลงมาบนทะเลกลายเป็นเกาะโอโนโกโระเป็นเกาะแรกของหมู่เกาะญี่ปุ่น เทพอิซานางิและเทพีอิซานามิขึ้นฝั่งบนเกาะโอโนโกโระ กลายเป็นสามีภรรยากันและสร้างเกาะญี่ปุ่นรวมถึงให้กำเนิดเทพเจ้าอีกจำนวนมากมาย ครั้นเมื่อตอนที่เทพีอิซานามิเสียชีวิตลงไปอยู่ในยมโลก เทพอิซานางิจึงลงไปหานาง แต่เมื่อพบว่านางมีหน้าตาน่าเกลียดจึงหนีกลับขึ้นมาและล้างหน้าล้างตาเพื่อชำระสิ่งสกปรกจากยมโลกออกไป น้ำที่หยดจากตาซ้ายกลายเป็นเทพีอามาเทราสุ น้ำที่หยดจากตาขวากลายเป็นเทพทสึคุโมะ และน้ำที่หยดจากจมูกกลายเป็นเทพเทพซูซาโนโอะ
อันดับ 4 Izanami เทพีผู้ให้กำเนิดทวยเทพ
ในบันทึกโคจิกิจะเขียนว่า 伊邪那美神 ส่วนในพงศาวดารนิฮงโชกิจะเขียนว่า 伊弉冉神 เป็นทั้งน้องสาวและภรรยาของเทพอิซานางิ หลังจากเทพอิซานางิและเทพีอิซานามิสร้างดินแดนญี่ปุ่นและให้กำเนิดเทพเจ้ามากมาย ต่อมาเทพีอิซานามิก็เสียชีวิตลงจากการให้กำเนิดเทพอัคคี ลงไปสู่ดินแดนยมโลก เทพอิซานางิเศร้าเสียใจอย่างมากจึงลงไปที่ยมโลกเพื่อรับภรรยากลับขึ้นมา เทพีอิซานามิกล่าวว่าให้ลืมตนและกลับขึ้นไปเบื้องบนเสีย แต่เมื่อเทพอิซานางิได้เห็นใบหน้าของนางก็พบว่านางกลายเป็นผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวก็ตกใจและรีบหนีกลับขึ้นไปยังเบื้องบน เทพีอิซานามิเห็นดังนั้นทำให้รู้ว่าสามีหมดรักตนแล้ว เทพีอิซานามิโกรธแค้นเป็นอันมาก ด่าทอด้วยความเกรี้ยวกราด ขอตัดพี่ตัดน้องตัดความรักความอาวรณ์ต่อเทพอิซานางิผู้เป็นทั้งพี่ชายและสามี ด้วยเหตุนี้ เทพีอิซานามิจึงได้ถูกยกให้มีฐานะเป็นเทพีแห่งการสร้างและความตาย อีกทั้งยังนับเป็นผู้เป็นใหญ่ที่สุดของยมโลก
อันดับ 5 Susanoo no Mikoto ผู้สังหารอสูรงูยักษ์ 8 หัว!
ในบันทึกโคจิกิจะเขียนว่า 建速須佐之男命 ส่วนในพงศาวดารนิฮงโชกิจะเขียนว่า 素戔嗚尊 เป็นน้องชายของเทพีอามาเทราสุ กำเนิดจากจมูกของเทพอิซานางิ ในบรรดาเทพเจ้ามากมายของญี่ปุ่น กล่าวกันว่าเทพซูซาโนโอะเป็นเทพที่มีความเป็นมนุษย์มากที่สุด ได้รับการสักการะบูชาในศาลเจ้าหลายแห่ง
ตามตำนานของญี่ปุ่น เทพซูซาโนโอะได้รับมอบหมายให้ปกครองท้องทะเล แต่ก็สร้างปัญหาจนถูกขับไล่ไปยังโลกมนุษย์จนมาถึงอิซุโมะ และได้สร้างผลงานคือ การปราบยามาตะโนะโอโรจิ (八岐の大蛇) อสูรกายในตำนานที่เป็นงูยักษ์ 8 หัว 8 หาง ดวงตาแดงก่ำ ลำตัวมีตะไคร่น้ำและต้นฉำฉา มีขนาดใหญ่จนสามารถโอบภูเขาได้ 8 ลูก และที่หางมีดาบคุซานางิ อสูรกายนี้จะมากินมนุษย์ผู้หญิงในหมู่บ้านทุกปี ปีละหนึ่งคน เทพซูซาโนโอะได้เข้าช่วยหญิงสาวที่กำลังจะถูกกินโดยการหลอกล่อให้เจ้าสัตว์ร้ายดื่มสาเกจนมอมเมาแล้วฆ่าทิ้ง และได้นำดาบคุซานางิจากหางของมันไปมอบให้แก่เทพีอามาเทราสุ ทำให้พ้นจากคดีสามารถกลับสวรรค์ได้ แต่เทพซูซาโนโอะยังคงพอใจที่จะท่องแดนมนุษย์และแต่งงานอยู่กินกับหญิงสาวที่เขาช่วยไว้
อันดับ 6 Ookuninushi no Kami กับตำนานกระต่ายขาวอินาเบะ
この投稿をInstagramで見る
มีอีกชื่อว่า Ookuninushi no Mikoto (大国主命) บางทฤษฎีกล่าวว่าเป็นบุตรชายหรือลืด (ทายาทรุ่นที่ 6) ของเทพซูซาโนะโอะ มีชื่อเสียงในฐานะเทพแห่งการผูกสัมพันธ์ ได้รับการสักการะบูชาที่ศาลเจ้าอิซุโมะ เมื่อพูดถึงเทพโอคุนินุชิก็ต้องพูดถึง ตำนานกระต่ายขาวแห่งอินาบะ เรื่องราวเล่าว่ามีกระต่ายตัวหนึ่งจากโอกิโนะชิมะตั้งใจจะข้ามทะเลเพื่อไปยังอินาบะ มันจึงคิดอุบายที่จะข้ามไปโดยไม่ต้องว่ายน้ำด้วยการเจรจากับฝูงฉลามให้มาแข่งนับจำนวนว่าใครมีเพื่อนมากกว่ากัน ฝูงฉลามเรียงต่อกันเป็นแถวยาว เจ้ากระต่ายจึงกระโดดไปบนหลังฉลามพลางนับไปพลาง แต่เมื่อใกล้ถึงฝั่งก็พูดว่าตนหลอกใช้ฉลามเพื่อข้ามทะเล ฝูงฉลามโกรธมากจึงถลกหนังเจ้ากระต่ายจนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ในขณะเดียวกัน เหล่าเทพเจ้าที่เป็นพี่น้องต่างมารดาของเทพโอคุนินุชิก็กำลังเดินทางไปที่อินาบะเพื่อสู่ขอเทพียากามิฮิเมะ (八上比売) โดยมีเทพโอคุนินุชิเป็นผู้แบกสัมภาระรั้งท้ายราวกับคนรับใช้ เมื่อเหล่าเทพเจ้าเจอเจ้ากระต่ายที่โดนถลกหนัง จึงแกล้งแนะนำว่าให้ไปแช่น้ำทะเลแล้วตากลมให้แห้งก็จะดีขึ้น เมื่อเจ้ากระต่ายทำตามมันกลับยิ่งเจ็บปวดกว่าเดิม เทพโอคุนินุชิตามมาเห็นภายหลังจึงแนะนำเจ้ากระต่ายว่าให้ล้างตัวด้วยน้ำจืดแล้วนอนลงบนเกสรของต้นธูปฤาษีแล้วจะดีขึ้น กระต่ายทำตามที่เขาบอก บาดแผลจึงหายดี เจ้ากระต่ายที่ได้รับการช่วยเหลือก็ทำนายกับเทพโอคุนินุชิว่าเหล่าเทพเจ้าพี่น้องของท่านไม่สามารถแต่งงานกับเทพียากามิฮิเมะได้ ผู้ที่นางจะแต่งงานด้วยคือท่าน ต่อมา เทพียากามิฮิเมะก็ปฏิเสธการสู่ขอของเหล่าเทพเจ้าพี่น้องของเทพโอคุนินุชิ และเลือกแต่งงานกับเทพโอคุนินุชิตามคำทำนาย
อันดับ 7 Ama no Uzume หรือ Ame no Uzume เทพีไอดอลที่เก่าแก่ที่สุด!
มีชื่อเรียกอื่น ๆ อย่าง Ama no Uzume no Mikoto (天細女命) หรือ Miyabi no Kami (宮比神) หลังจากแต่งงานกับเทพซารุตาฮิโกะ (猿田彦命) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Sarume no Kimi (猿女君) มีชื่อเสียงในฐานะเทพีแห่งความบันเทิง จัดว่าเป็นเทพีไอดอลที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ได้รับการสักการะบูชาในศาลเจ้าหลายแห่งในฐานะเทพีผู้อุปถัมป์อาชีพในวงการบันเทิง นักแสดง นักร้อง ไอดอล ตลอดจนถึงเกอิชา มีบทบาทสำคัญเกี่ยวข้องกับตอนที่เทพีอามาเทราสุมีปัญหากับเทพซูซาโนโอะและหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอามาโนะอิวาโตะทำให้ทั่วทั้งโลกมืดมิด เหล่าเทพเจ้าจึงคิดอุบายจัดงานรื่นเริง ให้เหล่าเทพเล่นดนตรีอยู่หน้าถ้ำ ส่วนเทพีอามาโนะอุซุเมะก็แต่งองค์ทรงเครื่องสวยงามและทำการร่ายรำจนทำให้เหล่าทวยเทพหลงใหล และเมื่อนางฉีกอาภรณ์ออกต่อหน้าเทพองค์อื่น ๆ ก็เรียกเสียงฮือฮาได้มากมายจนทำให้เทพีอามาเทราสุแง้มออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ นำแสงสว่างกลับสู่โลกอีกครั้ง ว่ากันว่าการร่ายรำนี้เป็นต้นแบบของระบำคางุระซึ่งเป็นการร่ายรำในพิธีกรรมของลัทธิชินโต
อันดับ 8 Konohanasakuya Hime เจ้าหญิงแห่งใบไม้ผลิ!
นอกจากนี้ยังเขียนได้ว่า 木花開耶姫 หรือ 木花之佐久夜毘売 อ่านได้ทั้ง Konohanasakuya Hime และ Konohanasakuya Bime มีความหมายว่า สาวสวยดั่งซากุระบาน เป็นบุตรีของ เทพโอยามะทสึมิ (大山津見神) ซึ่งเป็นเทพแห่งภูเขาและการทำสุรา นางจึงได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งภูเขาและการทำสุราด้วย อีกทั้งยังได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งไฟซึ่งมาจากเรื่องเล่าว่า นางได้ตกหลุมรักกับเทพนักรบนินิงิ (瓊瓊杵尊) ซึ่งเป็นหลานของเทพีอามาเทราสุ แต่หลังอภิเษกได้เพียงวันเดียวก็ทรงตั้งครรภ์ ทำให้เทพนินิงิคลางแคลงใจว่าเป็นบุตรของตนจริงหรือไม่ นางจึงท้าพิสูจน์ด้วยการจุดไฟเผากระท่อมและคลอดบุตรโดยลำพัง โดยนางกล่าวว่าหากเป็นลูกของท่านจริง ก็จะคลอดบุตรชายทั้งสามได้อย่างปลอดภัย ซึ่งปรากฏว่านางก็คลอดบุตรได้อย่างปลอดภัย บุตรชายคนที่สามนามว่าโฮโอริ (火折尊) หรือโฮโอริโนะมิโคโตะ (彦火火出見尊) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นปู่ของจักรพรรดิจินมุ จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินญี่ปุ่น ปัจจุบันโคโนะฮานะซาคุยะได้รับการนับถือว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งฤดูใบไม้ผลิและสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นชีวิตของโลก ความอุดมสมบูรณ์ และดอกซากุระ ชาวบ้านจึงนิยมปลูกต้นซากุระบนที่นาและเซ่นไหว้ก่อนถึงฤดูกาลเพาะปลูก
อันดับ 9 Ninigi no Mikoto ผู้ได้รับมอบไตรราชกกุธภัณฑ์!
นอกจากนี้ยังเขียนได้ว่า 邇邇芸命 มีชื่อเรียกอื่น ๆ อย่าง Amatsuhikohikoho no Ninigi no Mikoto (天津彦彦火瓊瓊杵尊) หรือ Ame no Kise no Mikoto (天杵瀨命) เป็นหลานชายของเทพีอามาเทราสุ จึงเรียกกันว่า เท็นซน (天孫) เป็นสามีของเจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะและเป็นปู่ทวดของจักรพรรดิจินมุ เทพนินิงิได้ลงมาจากสวรรค์และมาอยู่ที่ทากาจิโฮะ (ปัจจุบันคือจังหวัดมิยาซากิ) เรียกเหตุการณ์นี้ว่า เท็นซนโคริน (天孫降臨) ในตอนที่เทพนินิงิลงมาจากสวรรค์ เทพีอามาเทราสุได้มอบสิ่งของวิเศษ 3 อย่างให้แก่เทพนินิงิคือ 1. ดาบศักดิ์สิทธิ์คุซานางิ (草薙劍) 2. กระจกศักดิ์สิทธิ์ยาตะ (八咫鏡) และ 3. อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ยาซากานิ (八尺瓊勾玉) ซึ่งทั้งหมดก็คือ ไตรราชกกุธภัณฑ์ของญี่ปุ่น และสืบทอดกันต่อมาผ่านทางจักรพรรดิในแต่ละยุคสมัย
เมื่อเทพนินิงิขอแต่งงานกับเจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะ เทพโอยามะทสึมิผู้เป็นพ่อของฝ่ายหญิงก็เสนอเจ้าหญิงอิวานากะ (石長比売) พี่สาวของเจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะให้ด้วย แต่เทพนินิงิต้องการแต่งงานกับเจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะผู้งดงามเท่านั้นและส่งเจ้าหญิงอิวานากะที่ไม่สวยกลับคืนมา เทพโอยามะทสึมิโกรธมากและพูดว่าเหตุผลที่ยกลูกสาวทั้งสองให้ก็เพราะว่าถ้าเทพนินิงิรับเจ้าหญิงอิวานากะเป็นภรรยา ลูกหลานก็จะมั่นคงชั่วนิรันดร์ดั่งก้อนหิน และถ้ารับเจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะเป็นภรรยา ลูกหลานก็จะเจริญรุ่งเรืองดั่งดอกไม้ที่เบ่งบาน แต่เนื่องจากเทพนินิงิรับเพียงแค่เจ้าหญิงโคโนะฮานะซาคุยะ อายุของลูกหลานก็จะสั้นดังดอกไม้ที่มีวันร่วงโรย ด้วยเหตุนี้ทำให้มีการกล่าวกันว่าทายาทของเทพนินิงิไม่มีชีวิตนิรันดร์อีกต่อไปและราชวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาก็มีอายุขัยสั้นไม่เหมือนกับเทพเจ้าองค์อื่นอีก
อันดับ 10 Sarutahiko no Mikoto ผู้ดูแลความปลอดภัยการเดินทาง
หรือในอีกชื่อว่า Sarutahiko no Kami (猿田毘古神 หรือ 猿田彦神) เป็นสามีของ เทพีอามาโนะอุซุเมะ มีลำตัวใหญ่ จมูกยาว และดวงตาที่สดใสเป็นประกาย ว่ากันว่าเป็นต้นแบบของเท็งงุ ได้รับการสักการะบูชาในศาลเจ้าหลายแห่งในฐานะเทพแห่งท้องถนนและความปลอดภัยในการเดินทาง นอกจากนี้ในพงศาวดารนิฮงโชกิยังกล่าวว่าเป็นเทพผู้ส่องสว่างฟ้าดิน จึงถูกมองว่าอาจจะเคยเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์หรือเทพประจำท้องถิ่นที่ได้รับการบูชามาก่อนเทพีอามาเทราสุ
เทพองค์นี้ยังมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ เท็นซนโคริน (天孫降臨) โดยตอนที่เทพนินิงิลงจากสวรรค์ไปยังทากาจิโฮะ มีใครบางคนรออยู่ที่ทางแยกระหว่างสวรรค์และโลก เทพีอามาเทราสุจึงสั่งให้เทพีอามาโนะอุซุเมะไปถามว่าเป็นใคร คนนั้นก็ตอบว่าข้าคือเทพซารุตาฮิโกะ รู้มาว่าเทพนินิงิจะลงไปยังโลกจึงมารอเพื่อนำทางให้ ด้วยเหตุนี้ก็เกิดการสานบุพเพ เทพีอามาโนะอุซุเมะแต่งงานกับเทพซารุตาฮิโกะและเปลี่ยนชื่อเป็นเทพีซารุเมะโนะคิมิ หลังจากนำทางให้เทพนินิงิอย่างปลอดภัย ทั้งคู่ก็กลับมายังอิเสะ บ้านเกิดของเทพซารุตาฮิโกะ นอกจากนี้เทพซารุตาฮิโกะและเทพีซารุเมะโนะคิมิยังมีชื่อเสียงในฐานะเทพแห่งความปรองดองในชีวิตสมรสและเทพแห่งการจับคู่อีกด้วย
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเทพเจ้าญี่ปุ่นทั้ง 10 องค์ แต่ละองค์ก็มีตำนานสนุก ๆ ไม่แพ้เทพเจ้าจากวัฒนธรรมอื่นเลย บางองค์เราอาจจะเคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้เรื่องราว บางองค์เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวแต่ไม่รู้ชื่อ แล้วเพื่อน ๆ รู้จักหรือชื่นชอบเทพเจ้าองค์ไหนกันบ้างคะ
สรุปเนื้อหาจาก jpnculture