พูดถึงภาคเหนือของญี่ปุ่นแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงนึกภาพหิมะ ธรรมชาติ และของอร่อยในฮอกไกโดและภูมิภาคโทโฮคุ แต่นอกจากนั้นแล้ว ภาคเหนือของญี่ปุ่นยังมีวัฒนธรรม ชนเผ่าไอนุ (アイヌ民族) ให้ไปสัมผัสอีกด้วย ในบทความนี้เราจะไปทำความรู้จักชนเผ่าพื้นเมืองแห่งญี่ปุ่นตอนเหนือกับวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ที่เกือบหายไปจากญี่ปุ่นกันค่ะ
ชนเผ่าไอนุคือใคร?
ชนเผ่าไอนุหรือ เอโสะ (蝦夷) คือชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะฮอกไกโด (หรืออีกชื่อคือเอโสะกะชิมะ: 蝦夷ヶ島) เกาะซาฮาลิน และหมู่เกาะอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงในช่วงศตวรรษที่ 17-19 โดยเกาะเหล่านั้นถูกเรียกว่า “ไอนุโมชิริ (アイヌモシリ)” หรือ “ผืนดินที่มนุษย์อาศัยอยู่” ซึ่งชนเผ่านี้จะย้ายถิ่นฐานไปเรื่อย ๆ และมีการพบหลักฐานการคบค้ากับชนเผ่าอื่นที่เข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่เดียวกันด้วย การที่ชนเผ่าไอนุกระจายตัวไปตามเกาะต่างๆ นี่เองที่ทำให้ชื่อสถานที่หลายแห่งในภูมิภาคนี้มีที่มาจากภาษาไอนุ
อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 จนถึงปลายศตวรรษที่ 20 รัฐบาลกลางของญี่ปุ่นมีการผลักดันนโยบายให้ชนเผ่าไอนุปฏิบัติตนให้คล้ายคลึงกับคนญี่ปุ่น เช่นการต้องหันมาทำไร่แทนที่จะล่าสัตว์อย่างที่เคยเป็น หรือการห้ามพูดภาษาไอนุเป็นต้น ถึงอย่างนั้น ชนเผ่าก็ยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเท่าเทียมกับคนญี่ปุ่น ซึ่งเห็นได้จากในตำราเรียนในญี่ปุ่นช่วงปฏิรูปเมจิ – สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กล่าวถึงชนเผ่าไอนุว่าเป็น “ชนพื้นเมือง”
จนกระทั่งหลังสงครามโลกชนเผ่าไอนุจึงได้รับสัญชาติญี่ปุ่น แต่ในขณะเดียวกัน การได้รับสัญชาติก็ส่งผลให้สูญเสียที่ดินให้กับรัฐบาลและถูกปฏิเสธอัตลักษณ์ของตนไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ถูกกลืนกินไปในความเชื่อว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประกอบด้วยชนชาติญี่ปุ่นเท่านั้น
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบันที่มีการศึกษาเรื่องชนเผ่าไอนุ ภาพลักษณ์ของชนเผ่าจึงเปลี่ยนไป แต่ยังถูกมองว่าเป็นเพียงชนกลุ่มย่อยเท่านั้น จนเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ยอมรับชนเผ่าไอนุในฐานะ “ชนพื้นเมือง” เป็นครั้งแรก
ประชากไอนุในปัจจุบัน
จากผลสำรวจ “ความเป็นอยู่ของชนเผ่าไอนุ (アイヌ生活実態調査)” ของเทศบาลจังหวัดฮอกไกโดเมื่อปี 2013 พบชาวไอนุจำนวน 16,786 คนกระจายตัวอยู่ตามเขตการปกครอง 66 เขตในจังหวัด (จากทั้งหมด 179 เขต) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลสำรวจนี้จำกัดอยู่แค่กลุ่มคนที่ระบุตนเองว่าเป็นคนชนเผ่าไอนุที่อาศัยอยู่ในจังหวัดฮอกไกโดเท่านั้น จึงคาดว่าจำนวนประชากรชาวไอนุที่ยังหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่นอาจจะมีมากกว่านี้
ภาษาและวัฒนธรรมชนเผ่าไอนุที่ยังหลงเหลืออยู่?
1. ภาษาไอนุ
ภาษาของชนเผ่าไอนุ (アイヌ語) แตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิงและเป็นภาษาที่ ไม่มีตัวอักษรเป็นของตัวเอง ดังนั้นการถ่ายทอดเรื่องเล่าและประเพณีจึงเป็นไปในลักษณะของ การเล่าต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เอกสารที่สามารถใช้อ้างอิงในการวิจัยวัฒนธรรมชนเผ่านี้มีอยู่จำกัดไปด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ในภาษาญี่ปุ่นปัจจุบันก็ยังมีภาษาไอนุหลงเหลืออยู่บ้าง เช่นใน ชื่อสถานที่ ในจังหวัดฮอกไกโกอย่างชื่อ เมืองนิเซโกะ (ニセコ町) ที่แปลว่า “หน้าผาตัด” หรือ แหลมชิเรโทโกะ (知床) ที่แปลว่า “สุดขอบผืนดิน” นอกจากนี้ชื่อเรียกสัตว์ในภาษาญี่ปุ่นเช่น “โทนาไค (トナカイ)” ที่แปลว่า กวางเรนเดียร์ “รัคโคะ (ラッコ)” ที่แปลว่า นากทะเล หรือชื่อ ปลาชิชาโมะ (シシャモ) ก็มาจากภาษาไอนุ ทั้งนี้ จำนวนคนที่ใช้ภาษาไอนุเป็นภาษาแม่ในปัจจุบันมีอยู่น้อยมาก ภาษาไอนุจึงถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน ภาษาที่ใกล้สาบสูญ โดย UNESCO
2. วัฒนธรรมไอนุ
วัฒนธรรมไอนุเป็นวัฒนธรรมที่นับถือเทพหรือที่เรียกกันว่า คามุย (カムイ) ในภาษาไอนุ โดยเทพคามุยนั้น มีหลายองค์ที่ต่างเป็นตัวแทนของแต่ละสรรพสิ่งรอบตัว และในวัฒนธรรมไอนุมีการสวดมนต์และการรำเพื่อแสดงความขอบคุณต่อเทพต่าง ๆ
นอกจากการรำจะเป็นการรำเพื่อเทพแล้ว การรำยังมีไว้เพื่อสร้างความสนุกสนานเมื่อญาติมิตรมารวมตัว และยังเป็นวิธีสังสรรค์ในโอกาสอื่น ๆ ด้วย ในการรำจึงมีการแสดงออกถึงธรรมชาติรอบตัว การล่าสัตว์ การละเล่น และความรู้สึกนึกคิดของชนเผ่าแฝงอยู่ ด้วยลักษณะพิเศษนี้ “การระบำดั้งเดิมของไอนุ (アイヌ古式舞踊)” จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก โดย UNESCO ในปี 2009
อยากรู้จักวัฒนธรรมไอนุต้องไปที่ไหน?
สำหรับใครที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไอนุเพิ่มเติม สามารถไปสัมผัสวัฒนธรรมไอนุได้ที่พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ตามพิกัดนี้
1. AINU Cultural Center (Sapporo Pirka Kotan) เมืองซัปโปโร
この投稿をInstagramで見る
Pirka Kotan เป็นภาษาไอนุ หมายถึง “หมู่บ้านที่สวยงาม” ในศูนย์วัฒนธรรมนี้มีนิทรรศการเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของชาวไอนุกว่า 300 ชิ้นให้ชมและเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของชนเผ่ากัน โดยเราสามารถหยิบจับของที่จัดแสดงในนี้มาดูได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงวิถีชีวิตได้มากขึ้น
AINU Cultural Center (Sapporo Pirka Kotan)
ที่ตั้ง | 27 Koganeyu, Minami Ward, Sapporo, Hokkaido 061-2274, Japan |
เวลาทำการ | 8.45 น. – 22.00 น. (ห้องนิทรรศการ / สวน 9.00 – 17.00 น.) *หยุดวันจันทร์, วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันอังคารสุดท้ายของทุกเดือน และปีใหม่ (29 ธันวาคม – 3 มกราคม) |
ค่าเข้าชม (ข้อมูลปี 2024) | – ผู้ใหญ่ 200 เยน – นักเรียนมัธยมปลาย 100 เยน *นักเรียนมัธยมต้นหรือต่ำกว่าเข้าฟรี **มีราคากลุ่มสำหรับ 20 คนขึ้นไป |
เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น) | city.sapporo.jp |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Sapporo สามารถนั่งรถ Jotetsu Bus Kappa Line ตรงไปได้เลย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง |
2. Hokkaido Museum เมืองซัปโปโร
Hokkaido Museum เปิดทำการเมื่อปี 2015 โดยความร่วมมือระหว่าง อนุสรณ์สถานฮอกไกโด (北海道開拓記念館) แล ะศูนย์วิจัยวัฒนธรรมชนเผ่าไอนุ (アイヌ民族文化研究センター) ในพิพิธภัณฑ์จะมีนิทรรศการ “โลกวัฒนธรรมไอนุ (アイヌ文化の世界)” ซึ่งในนั้นเราสามารถเข้าไปเรียนรู้เรื่องข้าวของเครื่องใช้ ความเชื่อ เรี่ยงเล่า และบทเพลงที่สืบทอดกันมาในชนเผ่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้
Hokkaido Museum
ที่ตั้ง | Sapporo-shi, Atsubetsu-ku, Atsubetsu-cho, Konopporo 53-2 |
เวลาทำการ | 9.30 – 17.00 น. (ช่วงเดือนตุลาคม – เมษายน 9.30 – 16.30 น.) *หยุดวันจันทร์ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดชดเชย จะปิดทำการในวันถัดไป) และช่วงปีใหม่ (29 ธันวาคม – 3 มกราคม) |
ค่าเข้าชม (ข้อมูลปี 2024) | – ผู้ใหญ่ 800 เยน – นักเรียนมัธยมปลาย 300 เยน *นักเรียนมัธยมต้นหรือต่ำกว่าเข้าฟรี ** มีราคากลุ่มสำหรับ 10 คนขึ้นไป |
เว็บไซต์ (มีภาษาอังกฤษ / ญี่ปุ่น) | hm.pref.hokkaido.lg.jp |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Sapporo ไปยัง JR Shinrin-Koen ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นต่อรถ Hokkaido Bus Shin 22 destination ที่มุ่งหน้าไป Historical Village of Hokkaido อีกประมาณ 5 นาที |
3. Biratori Nibutani Ainu Cultural Museum เมืองบิราโทริ
พิพิธภัณฑ์นี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อสานต่อวัฒนธรรมไอนุในแถบซารุกาวะ (沙流川) และส่งต่อวัฒนธรรมนั้นให้คนรุ่นต่อไปได้รับรู้ ในนี้เราจะได้เข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับการแต่งกาย ของใช้ และความเชื่อต่างๆ ผ่านนิทรรศการและเอกสารที่จัดแสดง รวมถึงยังได้ฟังวรรณคดีมุขปาฐะที่เรียกว่า “ยุครา (ユカラ)” ผ่านวิดิทัศน์อีกด้วย
Biratori Nibutani Ainu Cultural Museum
ที่ตั้ง | Sapporo-shi, Atsubetsu-ku, Atsubetsu-cho, Konopporo 53-2 |
เวลาทำการ | 9:30 – 17.00 น. (ช่วงเดือนตุลาคม – เมษายน 16.30 น.) *หยุดวันจันทร์ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันหยุดชดเชย จะปิดทำการในวันถัดไป) และช่วงปีใหม่ (29 ธันวาคม – 3 มกราคม) |
ค่าเข้าชม (ข้อมูลปี 2024) | – นักเรียนมัธยมปลายขึ้นไป 400 เยน – นักเรียนประถม – มัธยมต้น 150 เยน *มีราคากลุ่มสำหรับ 10 คนขึ้นไป |
เว็บไซต์ (มีภาษาอังกฤษ / ญี่ปุ่น) | biratori-ainu-culture.com |
วิธีเดินทาง | จากสถานี JR Sapporo ไปลง JR Tomakomai จากนั้นต่อ Donan Bus ป้าย Tomakomai Ekimae ไปลงยัง Biratori |
4. Akanko Ainu Kotan เมืองคุชิโระ
หมู่บ้านไอนุแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่ง ทะเลสาบอะคังโกะ (阿寒湖) โดยที่หมู่บ้านนี้เราสามารถเข้าชมการระบำดั้งเดิมของชาวไอนุใน โรงละครไอนุอิโคโระ (アイヌシアターイコロ) และยังเข้าไปเรียนรู้วิถีชีวิตกับวัฒนธรรมชนได้ในพิพิธภัณฑ์ในหมู่บ้านอีกด้วยค่ะ ที่สำคัญ ที่นี่ยังมีห้องเรียนเครื่องดนตรีไอนุและกิจกรรมอื่น ๆ ให้ร่วมสนุกได้ด้วย
Akanko Ainu Kotan
ที่ตั้ง | Kushiro-shi, Akan-cho, Akanko Onsen 4-7-84 |
เวลาทำการ | 9.30 น. – 21.30 น. (ในส่วนของโรงละครไอนุ) |
ค่าเข้าชม (ข้อมูลปี 2024) | ส่วนโรงละครไอนุอิโคโระ – นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป 1,080 เยน |
เว็บไซต์ (มีภาษาอังกฤษ / ญี่ปุ่น) | akanainu.jp |
วิธีเดินทาง | นั่ง Local bus หรือ Airport Liner 1 ชั่วโมง |
5. Upopoy (National Ainu Museum) เมืองชิราโออิ
この投稿をInstagramで見る
พื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เปิดในปี 2020 นี้นับเป็นพื้นที่การเรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยในพื้นที่นี้จะมี พิพิธภัณธ์ชนเผ่าไอนุแห่งชาติ (国立アイヌ民族博物館) ที่นำเสนอประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมชนเผ่าจากมุมมองต่าง ๆ และยังมีสวนสาธารณะที่ทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ทุกคนได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าในการสัมผัสกับวัฒนธรรมไอนุ
Upopoy (National Ainu Museum)
ที่ตั้ง | Shiraoi-gun, Shiraoi-cho, Wakakusa-cho 2 cho-me |
วันหยุด | ทุกวันจันทร์ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะปิดทำการในวันถัดไป) และช่วงปีใหม่ |
เวลาทำการ | 9.00 – 17.00 น. *หยุดทุกวันจันทร์ (ถ้าตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะปิดทำการในวันถัดไป) และช่วงปีใหม่ |
ค่าเข้าชม | – ผู้ใหญ่ 1,200 เยน – นักเรียนมัธยมปลาย 600 เยน *นักเรียนมัธยมต้นและต่ำกว่านั้นเข้าฟรี ** มีราคากลุ่มสำหรับ 20 คนขึ้นไป |
เว็บไซต์(มีภาษาอังกฤษ / ญี่ปุ่น) | ainu-upopoy.jp |
วิธีเดินทาง | เดินจากสถานี JR Shiraoi ไปทางเหนือประมาณ 5 นาที |
สำหรับทริปไปฮอกไกโก-โทโฮคุครั้งหน้า ใครที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ต่างออกไปจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย วัฒนธรรมไอนุก็เป็นอีกหนึ่งแง่มุมของญี่ปุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย และด้วยการทำความรู้จักวัฒนธรรมที่หลากหลายในญี่ปุ่นแล้ว เราอาจจะได้มองญี่ปุ่นผ่านมุมมองใหม่ ๆ ไปด้วยก็เป็นได้
สรุปเนื้อหาจาก: Ainu Association