หลายคนคงเคยมีความคิดที่จะลาออกจากงาน แต่ต้องพับโครงการเก็บไว้เพราะความกังวลในหลาย ๆ เรื่อง เช่น ไม่กล้ายื่นใบลาออกเพราะกลัวหัวหน้าไม่อนุมัติ หรือหลังจากยื่นใบลาออกแล้วยังต้องดำเนินการติดต่อฝ่ายต่าง ๆ ในบริษัท ซึ่งค่อนข้างจะยุ่งยาก และต้องทำงานไปจนกว่าจะถึงวันลาออกจริง
บางคนลำบากใจจนถึงกับล้มเลิกความคิดไปก็มี แต่ปัจจุบันนี้การลาออกจากงานของคนญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว เพราะมีบริการใหม่มาแรงที่เรียกว่า “บริการตัวแทนแจ้งลาออก (退職代行サービス)” เรามาทำความรู้จักกับบริการนี้กันเลย
“บริการตัวแทนแจ้งลาออก” เป็นบริการแบบไหนกันนะ?
บริการนี้จะมี ตัวแทนไปแจ้งความประสงค์ลาออกจากงานแทนเรา โดยจะทำให้การลาออกเป็นไปอย่างราบรื่นและยินยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย (บริษัทและผู้ลาออก) เมื่อใช้บริการนี้ ผู้ใช้บริการแทบไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัทอีกเลย เพราะจะมีทนายความหรือเจ้าหน้าที่คอยเป็นตัวกลางเข้าไปดำเนินการให้ทุกอย่าง ซึ่งการสมัครใช้บริการก็ง่ายแสนง่าย เพียงเข้าไปสมัครที่เว็บไซต์ของบริษัทตัวแทนแจ้งลาออก โดยในเว็บไซต์จะมีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลส่วนตัว รายละเอียดการจ้างงาน และวันที่ต้องการให้ดำเนินการให้ นอกจากนี้ยังสามารถสมัครรับบริการทาง LINE หรือทางโทรศัพท์ได้อีกด้วย
ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งความประสงค์ได้เลยว่าอยากให้ดำเนินการอย่างไร แม้แต่อยากลาออก ณ วันนั้นเลยก็ยังได้ เมื่อพูดคุยรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ก็รอรับใบอนุมัติการลาออกจากบริษัทอยู่ที่บ้านได้เลย
เหตุผล 3 ข้อที่ทำให้ “บริการตัวแทนแจ้งลาออก” เป็นที่ต้องการของตลาด
ข้อ 1. สามารถปลดล็อคความกังวลในการแจ้งลาออกได้
คนญี่ปุ่นหลายคนตัดสินใจเลือกใช้บริการนี้เพราะไม่สามารถพูดคำว่าลาออกได้ด้วยตัวเอง อาจจะด้วยเหตุผลหลากหลาย เช่น สนิทกับหัวหน้ามากและหัวหน้าให้ความช่วยเหลือเรื่องงานมาตลอด จึงไม่กล้าพูดว่าจะลาออก หรือรู้สึกผิดต่อบริษัทที่จะต้องลาออก เป็นต้น บริการนี้จึงเปรียบเสมือนการยืมมือบุคคลที่ 3 เข้ามาช่วยทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำด้วยตัวเอง
ข้อ 2. ช่วยลดการถูกเอาเปรียบจากบริษัทที่เป็น Black Company
(Black Company: บริษัทที่ใช้งานพนักงานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อาจมีการทำร้ายร่างกาย ละลาบละล้วงทางวาจาหรือลวนลามทางเพศด้วย)
ขึ้นชื่อว่าเป็น Black Company ถึงแม้จะแจ้งความประสงค์ลาออกด้วยตัวเองแล้ว แต่ก็อาจมีการหยิบยกเรื่องสัญญาจ้างมาข่มขู่ หรือหัวหน้ากำหนดวันลาออกให้เองโดยไม่สนใจว่าเราอยากลาออกเมื่อไหร่ และกรณีที่เลวร้ายมากๆ คืออาจจะไม่ยอมให้ลาออกเลย รวมถึงถูกกลั่นแกล้งจากหัวหน้าหลังจากที่เราแจ้งลาออก ทำให้การลาออกไม่ราบรื่นอย่างที่ตั้งใจไว้
ข้อ 3. บริการนี้ช่วยปกป้องสภาพจิตใจและความรู้สึก
มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ถูกกระทำจากบริษัท หัวหน้า หรือเพื่อนร่วมงาน ทำให้รู้สึกไม่ดีและมีความทรงจำที่เลวร้ายกับบริษัท ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ คนเหล่านี้จะไม่อยากข้องเกี่ยวกับบริษัทอีกเลย ซึ่งเมื่อใช้บริการนี้ก็จะมีตัวกลางดำเนินการแทนทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัทอีก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บริการลาออกจากงานแทนได้รับความนิยม
บริษัทควรตั้งรับอย่างไรกับบริการนี้?
ในทางกลับกัน เมื่อพนักงานในบริษัทใช้บริการตัวแทนแจ้งลาออก บริษัทจะมีวิธีรับมืออย่างไร?
1. ตรวจสอบสัญญาการใช้บริการ
ก่อนอื่นบริษัทจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานใช้บริการนี้จริงหรือไม่ โดยตรวจสอบจากใบมอบอำนาจ หรือสัญญาการใช้บริการ รวมถึงตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความของบริษัทผู้ให้บริการด้วย หากพบความผิดปกติหรือน่าสงสัย สามารถปล่อยผ่านไปได้เลย ไม่ต้องดำเนินการให้ลาออกใดๆ แต่หากตรวจสอบแล้วพบว่าพนักงานใช้บริการนี้จริง จึงจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
2. ตรวจสอบสัญญาจ้างและข้อบังคับของบริษัท
แต่ละบริษัทจะมีเงื่อนไขข้อบังคับต่างๆ อยู่แล้ว เช่น พนักงานจะต้องแจ้งลาออกล่วงหน้ากี่เดือน กรณีนี้ให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาหรือข้อบังคับของบริษัทได้เลย
3. ตรวจสอบสาเหตุที่พนักงานต้องการลาออก
หากการลาออกเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัท ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่กรณีที่พนักงานต้องการลาออก ณ วันนั้นเลย อาจจะมาจากสาเหตุที่ไม่ดีนัก เช่น
- ถูกกลั่นแกล้งหรือลวนลามจากคนที่ตำแหน่งสูงกว่า
- ไม่ได้รับค่าจ้าง
- ปัญหาทางบ้าน
- ปัญหาสุขภาพ
- การทำงานภายใต้ความไม่เป็นธรรม ขัดต่อกฏหมายแรงงาน
กรณีที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ให้บริการว่าพนักงานต้องการลาออกในทันที ทางบริษัทควรตรวจสอบหาสาเหตุการลาออกที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาภายในองค์กรด้วย
4. แจ้งเรื่องที่ต้องการขอความร่วมมือจากพนักงาน หลังจากที่การลาออกได้รับการอนุมัติ
หลังจากลาออกไปแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่มารับหน้าที่แทน ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องถ่ายโอนงานที่ทำอยู่ให้แก่ผู้ร่วมงานด้วย กรณีที่บริษัทมีข้อกำหนดชัดเจนอยู่แล้ว ว่าจะต้องทำการถ่ายโอนงานเมื่อลาออก แต่หากไม่มีการถ่ายโอนงานเกิดขึ้น บริษัทสามารถพิจารณาเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยได้ และนอกจากนี้ยังมีเรื่องการส่งคืนอุปกรณ์การทำงานต่างๆ ให้แก่บริษัทที่พนักงานผู้ลาออกจะต้องรับผิดชอบดำเนินการ
5. ตกลงเรื่องวันลาพักร้อนที่เหลือ
ส่วนใหญ่แล้วเมื่อลาออก หลายคนมักจะอยากใช้วันลาพักร้อนให้หมด แต่ก็มีบางกรณีที่ทางบริษัทสามารถตัดวันลาพักร้อนของพนักงานออกไปได้ ทั้งนี้ต้องปรึกษาทนายความของบริษัทเพื่อตัดสินใจร่วมกัน
บริการตัวแทนรับแจ้งลาออก เป็นบริการที่จะช่วยดูแลในเรื่องของข้อกฏหมายได้ดีในกรณีที่ถูกเอาเปรียบจาก Black Company หรือถูกกลั่นแกล้ง ถูกคุกคามในที่ทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการผิดพลาดไปก็อาจโดนบริษัทฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้ ดังนั้นถ้าหากไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงตามที่กล่าวมาข้างต้น การบอกกับหัวหน้าด้วยตัวเอง รวมถึงดำเนินการลาออกตามข้อกำหนดของบริษัทน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราและบริษัทไว้ด้วย
สรุปเนื้อหาจาก: manegy
ผู้เขียน: monshapi