เครื่องปั้นดินเผาโบราณของญี่ปุ่นเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงประเพณีและภูมิปัญหาอันเก่าแก่ ศิลปะเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่าในเชิงความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจจากนักสะสมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การประเมินมูลค่าของเครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในด้านแหล่งผลิต เทคนิคการสร้างสรรค์ และปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อราคา ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปรู้จักกับประเภทของเครื่องปั้นดินเผาโบราณที่สำคัญ แหล่งผลิตที่มีชื่อเสียง รวมถึงปัจจัยหลักที่ใช้ประเมินมูลค่าของงานศิลป์เหล่านี้
7 ประเภทของเครื่องปั้นดินเผาโบราณญี่ปุ่น
1. เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น (Bizen Ware)
ผลิตในเมืองบิเซ็น จังหวัดโอกายามะ และถือเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตเครื่องปั้นเผาที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เครื่องปั้นดินเผาชนิดนี้เผาที่อุณหภูมิสูงโดยไม่เคลือบ ทำให้มีลักษณะพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติ มีสีโทนน้ำตาลแดงที่แตกต่างกันไปตามตำแหน่งในเตาเผา เนื่องจากมีความแข็งแกร่งของวัสดุสูง จึงนิยมนำมาใช้เป็นแจกัน หม้อ และเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
2. เครื่องปั้นดินเผามิโนะ (Mino Ware)
ผลิตในเขตโทโนะ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ จังหวัดกิฟุ มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางการผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารของญี่ปุ่น โดยคิดเป็นประมาณ 60% ของการผลิตทั้งหมด เครื่องปั้นดินเผามิโนะไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว เนื่องจากมีการพัฒนาเทคนิคหลากหลาย ทำให้สามารถผลิตได้ทั้งเซรามิกระดับไฮเอนด์และเครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตด้วยเครื่องจักร
3. เครื่องปั้นดินเผาอาริตะ (Arita Ware)
ผลิตในเมืองอาริตะ จังหวัดซากะ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเครื่องเคลือบสีขาวขุ่นที่ตกแต่งด้วยลวดลายอย่างปราณีตเครื่องปั้นดินเผาชนิดนี้เริ่มเป็นที่นิยมในยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 และกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในช่วงที่เครื่องปั้นดินเผาของจีนเริ่มลดบทบาทลงในตลาดโลก กระทั่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นของโบราณที่นักสะสมของเก่าชื่นชอบ
4. เครื่องปั้นดินเผาอิมาริ (Imari Ware)
เครื่งปั้นดินเผาอิมาริมีแหล่งผลิตเดียวกับเครื่องปั้นดินเผาอาริตะ (จังหวัดซากะ) และยังมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันมาก สำหรับที่มาของชื่อก็มาจากที่ในอดีตเครื่องปั้นดินเผาถูกแบ่งตามท่าเรือขนส่งสินค้า ทำให้ได้รับการขนานนามว่า “เครื่องปั้นดินเผาอิมาริ” ซึ่งเป็นจุดขนส่งหลักในอดีต เครื่องปั้นดินเผาอาริตะที่ผลิตขึ้นในยุคแรก ๆ เองก็มักถูกเรียกว่า “โคอิมาริ” (Ko-Imari) เช่นกัน และมันก็ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักสะสม
5. เครื่องปั้นดินเผาเกียวโต (Kyoto Ware)
ผลิตในเมืองเกียวโต จังหวัดเกียวโต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยเฮอัน ความโดดเด่นของเครื่องปั้นดินเผานี้คือความประณีตของงานฝีมือและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ โดยมักนิยมใช้ในพิธีชงชาและการตกแต่งบ้าน
6. เครื่องปั้นดินเผาชิการากิ (Shigaraki Ware)
ผลิตในเมืองชิการากิ จังหวัดชิงะ เครื่องปั้นดินเผานี้มีลักษณะพื้นผิวที่หยาบจากการผสมทรายลงไปในดินเหนียว ทำให้เกิดพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติและสวยงามในแบบดั้งเดิม นิยมใช้ทำถ้วยชา โคมไฟหิน และแจกัน
7. เครื่องปั้นดินเผาโทโกนาเมะ (Tokoname Ware)
ผลิตในเมืองโทโกนาเมะ จังหวัดกิฟุ มีเอกลักษณ์ที่สีแดงส้มซึ่งเกิดขึ้นเองจากการเผาในเตา จุดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาประเภทนี้คือพื้นผิวที่เรียบและการเคลือบที่เป็นเอกลักษณ์ ได้รับความนิยมใช้ในพิธีชงชามาตั้งแต่สมัยโบราณ
อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ใช้ประเมินมูลค่าของเครื่องปั้นดินเผา?
1. วัสดุและดินที่ใช้
ดินเหนียวที่ใช้ทำเครื่องปั้นดินเผาแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัว เช่น ดินสีเทาอมขาวในเครื่องปั้นดินเผา Cizhou ของจีน หรือดินแดงเข้มของเตาเผา Naeshirogawa ในเขตซัตสึมะ การแยกแยะความแตกต่างของดินเหล่านี้สามารถช่วยในการระบุแหล่งผลิตที่แท้จริงได้
2. เทคนิคการปั้นและการขึ้นรูป
เทคนิคที่ใช้สามารถบอกถึงยุคสมัยและแหล่งผลิต เช่น “การขึ้นรูปด้วยเชือก” ในสมัยโจมอน หรือ “การกลึงล้อ” ที่ได้รับการพัฒนาในภายหลัง นอกจากนี้ รูปทรงก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการประเมินอีกด้วย
3. ลวดลายและการตกแต่ง
ลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผาสามารถระบุช่วงเวลาและแหล่งที่มาได้ เช่น ลายดอกไม้ของราชวงศ์หมิง และลวดลายต้นสนในเครื่องปั้นดินเผาอิมาริยุคแรก เป็นต้น
4. ร่องรอยของกาลเวลา
เครื่องปั้นดินเผาโบราณจะมีร่องรอยของสนิมหรือคราบที่เกิดขึ้นตามกาลเวลา ซึ่งช่วยในการตรวจสอบความแท้ อย่างไรก็ตาม สนิมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและสนิมที่ถูกทำให้ดูเก่าเทียมนั้นมีความแตกต่างกัน จึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการพิจารณา
5. ชื่อเสียงของศิลปินผู้สร้าง
หากเครื่องปั้นดินเผาถูกสร้างโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงหรือมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก มูลค่าของมันก็จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรระวังของปลอมที่ลอกเลียนแบบลายเซ็นหรือเอกลักษณ์ของศิลปิน
6. อายุของเครื่องปั้นดินเผา
ของโบราณที่มีอายุมากมักมีมูลค่าสูง โดยเฉพาะเครื่องปั้นดินเผาที่ผลิตในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603 – 1868) หรือก่อนหน้านั้น อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เครื่องปั้นดินเผายุคใหม่ที่ผลิตโดยศิลปินมีชื่อเสียงก็อาจมีมูลค่ามากกว่าของโบราณ
7. สภาพการเก็บรักษา
เครื่องปั้นดินเผาที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะมีราคาสูงกว่าชิ้นที่มีรอยขีดข่วนหรือคราบสกปรก การเก็บรักษาอย่างถูกต้อง เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น สามารถช่วยรักษามูลค่าของวัตถุโบราณเหล่านี้ได้
เครื่องปั้นดินเผาโบราณของญี่ปุ่นเป็นมากกว่าวัตถุศิลปะ เพราะสะท้อนถึงวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และประวัติศาสตร์ของแต่ละยุคสมัย หากต้องการประเมินมูลค่าอย่างถูกต้อง ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น แหล่งผลิต เทคนิคที่ใช้ ชื่อเสียงของศิลปิน และสภาพการเก็บรักษา การมีความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถชื่นชมและประเมินมูลค่าของศิลปะอันทรงคุณค่าเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
สรุปเนื้อหาจาก : eijyudou.com